สันต์ สะตอแมน
ใครได้ดูบ้าง?
ผมน่ะ ไม่ได้ดูแต่ก็ไม่เสียดาย เพราะรู้อยู่แล้วว่าตามดูย้อนหลังได้ และจากที่ข่าว “ไทยโพสต์ออนไลน์” รายงานเมื่อวาน ก็ให้ดีใจ-ปลื้มใจไปกับช่อง ผู้ผลิต ผู้กำกับ นักแสดง..
“การกลับมาโคจรอีกครั้งในบทบาทที่ท้าทายมากขึ้น ของ “โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ” และนางเอกหน้าหวาน “เบลล่า-ราณี แคมเปน” เปิดตัวแรงด้วยเรตติ้งฉ่ำปอด
ในกลุ่มผู้ชมกรุงเทพฯ สูงถึง 11.07 และกลุ่มผู้ชมอายุ 15 ปี ขึ้นไป หรือ กลุ่ม 15 BU+ (Bangkok and Urban) ทำได้ถึง 9.23
ในส่วนเรตติ้งทั่วประเทศเปิดไว้ที่ 6.40 นอกจากนี้ยังทุบยอดดูสดออนไลน์ทะลุ 1 ล้านคน
เรียกว่าฟีเวอร์จนกลายเป็นกระแสทอล์กออฟเดอะทาวน์อย่างยิ่งใหญ่ตั้งแต่ออนแอร์ตอนแรก ด้วยพลังของเหล่า “ออเจ้า” ทั่วประเทศ
ที่ร่วมกันแห่ติดแฮชแท็ก #พรหมลิขิตep1 ขึ้นติดเทรน xอันดับ 1และติดเทรนด์โลกบน x อันดับ 3 ยาวข้ามวันข้ามคืนกันเลยทีเดียว
ด้วยคอมเมนต์คำชมในการเดินเรื่อง ที่ย้อนความเดิมปูพื้นคาแรคเตอร์ของแต่ละตัวละครจากภาคแรก ที่หลายคนคิดถึง
ก่อนเริ่มศักราชใหม่ส่งไม้ต่อให้ พุดตาน (เบลล่า ราณี) เป็นการตีหัวเข้าบ้านที่ตรงประเด็น เดินเรื่องเร็วเพื่อให้คนดูได้เข้าใจและแยกคาแรคเตอร์ของแต่ละตัวละครอย่างชัดเจน
เป็นความสุข ความสนุกที่ ทำให้ทุกคนได้ย้อนคิดถึงตัวละครเดิม ในชนิดที่ดูไปยิ้มไปจนถึงกับต้องเอามือป้องปากพร้อมอุทานดังๆ ว่า คุณพระ!”
ครับ..อ่านไทยโพสต์ฯ แล้ว ก็พอดีเจอข้อเขียนจากเพจ “โบราณนานมา” ก็อยากให้ผู้อ่านที่ไม่ได้ผ่านตาได้อ่านดู
เพื่อให้การดู “ออเจ้า” ได้อรรถรส เข้าถึง-เข้าใจและได้อารมณ์ ตามนี้ครับ..
“พระปีย์” จบชีวิตโดยถูกฆ่าอย่างน่าอนาถ.. วันนี้ละครออกอากาศตอนแรก เรื่อง #พรหมลิขิตep1 ต้นเรื่องได้กล่าวถึง “พระปีย์” ถูกสำเร็จโทษ ซึ่งถือเป็นเหยื่อของเหตุการณ์รัฐประหาร
ในปลายรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช “พระปีย์” ได้อยู่รับใช้สนองพระยุคลบาทพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงพระประชวรหนัก
“พระปีย์” รู้ตัวว่ามีผู้ประสงค์ร้าย จึงอยู่แต่ในห้องบรรทมของพระเจ้าแผ่นดิน จะออกมาข้างนอกก็เฉพาะกิจที่เกี่ยวข้องกับพระอาการประชวรเท่านั้น
แม้ “พระปีย์” จะมีไพร่พลของตนเองที่เมืองพิษณุโลก แต่ก็ไม่ทันท่วงต่อการปฏิวัติผลัดแผ่นดินได้ เพราะ “พระปีย์” เองเข้าไปพัวพันกับพระราโชบายของสมเด็จพระนารายณ์
วันหนึ่งขณะที่พระปีย์กำลังล้างหน้าริมหน้าต่างยามเช้า ก็ถูกขุนพิพิธรักษา สมุนของหลวงสรศักดิ์ผลักจนพลัดตกลงจากประตูกำแพงแก้ว
พระปีย์จึงร้องเรียกสมเด็จพระนารายณ์ว่า “ทูลกระหม่อมแก้วช่วยด้วย” ก่อนถูกพระเพทราชาจับไปสำเร็จโทษเมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๒๓๑ และทิ้งศพไว้ที่วัดซาก
ในวาระสุดท้ายที่พระนารายณ์ ทรงทราบจากแพทย์หลวงว่า “พระปีย์” ได้ถูกประหารชีวิตแล้ว
และครั้งหนึ่งเมื่อทอดพระเนตรเห็นพระเพทราชาเข้าเฝ้า ก็ทรงพิโรธจัดจนเสด็จสู่วิสัญญีภาพโดยทันที
ครั้นทรงฟื้นคืนพระองค์ได้ก็ตรัสบริภาษสาปแช่งพระเพทราชาและหลวงสรศักดิ์ด้วยประการต่างๆ
นับแต่เวลานั้นสมเด็จพระนารายณ์ทรงเศร้าซึมและพระอาการพระโรคก็ทรุดเสื่อมลงจนถึงที่สุด เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๒๓๑
โดยในพระราชพงศาวดาร ฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ วัดพระเชตุพนระบุว่า เมื่อสมเด็จพระนารายณ์ได้ยินเสียงพระปีย์ร้องเรียกดังนั้น ก็ทรงตกพระทัย อาลัยในพระปีย์ จึงมีพระดำรัสว่า
“…ใครทำอะไรกับไอ้เตี้ยเล่า…” แล้วเสด็จสวรรคต ส่วนเอกสารของพันตรีโบชองระบุไว้ว่า “พระปีย์” ถูกสำเร็จโทษด้วยการผ่าร่างออกเป็นสามส่วน
ส่วนสาเหตุที่กำจัด “พระปีย์” ก็เพราะพระปีย์เป็นผู้หนึ่งที่มีสิทธิในการสืบราชบัลลังก์ มีขุนนางสองคนถูกบังคับให้สารภาพว่าเข้าฝ่าย “พระปีย์”
กล่าวหาว่า เจ้าพระยาวิชเยนทร์ยักยอกทรัพย์และนำเงินในท้องพระคลังออกนอกพระราชอาณาจักร ส่งผลให้เจ้าพระยาวิชเยนทร์ถูกประหารชีวิตด้วยการตัดเป็นท่อนๆ เช่นกัน
“พระปีย์” ชายหนุ่มสามัญชนคนหนึ่ง ซึ่งเคยถูกเชื่อว่าโชคดีมาตั้งแต่เกิดจนวัยหนุ่มโดยได้รับพระกรุณาชูชุบอุปถัมภ์ให้เป็นราชบุตรบุญธรรม มีราชสมบัติอยู่แค่เอื้อม
แต่เป็นคนซื่อไม่รอบรู้เท่าทันกลเกมแห่งอำนาจ โชคชะตาจึงพลิกผันเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ ต้องจบชีวิตโดยถูกฆ่าอย่างน่าอนาถ
แม้จะอยู่ใกล้ๆ กับทูลกระหม่อมแก้วผู้ยิ่งใหญ่เป็นเจ้าชีวิตก็ไม่อาจช่วยอะไรได้ เขาเป็นเหยื่อรัฐประหาร วันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๒๓๑ เป็นรายแรก”
ครับ..ดูออเจ้า-พรหมลิขิตกันให้มีความสุข วันหยุดก็แวะไปลพบุรี-อยุธยา..
ร้านขายชุดไทย..อย่าโก่งราคาล่ะ!