สันต์ สะตอแมน
เทศนา-อบรม “เกรียนคีย์บอร์ด” ชุดใหญ่จบ
คุณโบว์-ณัฏฐา มหัทธนา ก็เดินเข้าโรงภาพยนตร์ดูหนังเรื่อง “สัปเหร่อ” ที่กำลังโกยเงินสู่ 200 ล้านบาทอยู่ในขณะนี้ต่อ และไม่ได้แค่ซื้อตั๋วดูเฉยๆ
ออกจากโรง คุณโบว์ยังช่วยเป็นกระบอกเสียงให้กับหนังด้วยการโพสต์.. “สัปเหร่อ” .. หัวเราะสุด ร้องไห้สุด รักที่สุด
ไปดูมาแล้วค่ะ รู้ตัวว่าไม่สามารถจะเขียนรีวิวได้ดีพอเท่าที่ใจอยากทำแน่ๆ จึงจะไม่ขอรีวิวหนัง แต่จะเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อได้ดู
1. มันไม่ใช่หนังผีนะทุกคน โบว์เดินเข้าไปดูด้วยความเข้าใจว่ามันคือหนังผีจริงๆ จึงถูก caught off guard คือไม่ทันตั้งตัวเลยว่าจะได้เจอกับอะไร ถือเป็นเซอร์ไพรส์หนักที่สุดในชีวิตครั้งหนึ่ง
2. ความตลก ตลกมากๆ ไม่ต้องเค้น ไม่มีมุกไหนแป้ก (หรือเราเส้นตื้น??) ตลกน่ารักแบบหัวเราะน้ำตาไหล แล้วตลกไปเรื่อยๆเหมือนจะไม่มีหยุด
3. ร้องไห้ .. ส่วนตัวเริ่มร้องไห้ตั้งแต่ตอนที่มั่นใจมากว่าเขายังไม่ได้ตั้งใจจะให้ร้อง แต่มันเกิดขึ้นเองแบบงงๆ
มานึกได้ทีหลังว่าเหมือนเวลาฟังเพลงที่เพราะมากจนน้ำตาไหล (มีอีกอย่างที่เปรียบได้เช่นกันแต่ไม่บอกดีกว่า) มันคือความอิ่มเอมตื้นตันจนร้องไห้ออกมาเอง
นี่คือครั้งแรกที่ดูหนังแล้วมีน้ำตาก่อนจะถึงตอนเศร้า … และแน่นอนเมื่อเริ่มแล้วหยุดยาก หลังจากนั้นคือถาโถมมาก เพราะเราให้หมดใจไปแล้ว
4. ความภูมิใจ คือความรู้สึกที่ชัดมากหลังดูหนังจบ ทั้งที่เราก็แค่คนซื้อตั๋วมาดู ภูมิใจในทุกรายละเอียดที่เห็น ภาษา วัฒนธรรม ปรัชญาความคิด ทุกอย่างที่ปรากฏบนจอ
จนต้องนั่งดูรายชื่อทีมงานทุกคนในตอนจบ ตั้งแต่ผู้อำนวยการสร้าง ไปถึงคนถือไมค์บูม ทุกคนมีชื่ออยู่ในเครดิตหนังตอนจบหมด และเรานั่งอ่านจนครบชื่อสุดท้าย ขอบคุณจริงๆ ค่ะ
จะไม่แปลกใจเลย ถ้าหนังเรื่องนี้จะทำเงินจนทะลุพันล้านในที่สุด ส่วนตัวจะไปดูซ้ำแน่นอนเพราะอยากให้ใครหลายๆ คนในชีวิตเราได้ดูด้วย
อยากให้คนไทยทุกคนได้ดู (และอยากให้คนต่างชาติไปดูด้วยเพราะอยากอวด)
นี่คือครั้งแรกที่ได้ดูหนังของ “จักรวาลไทบ้าน” แล้วก็ต้องถามตัวเองว่า “ที่ผ่านมาเราพลาดอะไรไป?”
“สัปเหร่อ” .. รักมาก .. ไม่อยากให้พลาดกันค่ะ.”
ครับ..ถ้าลองคุณโบว์รักมาก ก็เห็นจะไม่โอ้เอ้แล้วล่ะ เสร็จจากปั่นต้นฉบับนี้เสร็จ ผมจะรีบบึ่งไปโรงหนังเอสเอฟฯ คริสปาร์ค ในเร็วพลัน
ที่เจาะจงไปที่นั่น เพราะสะดวก สบาย จอดรถปุ๊บ ขึ้นลิฟต์ปั๊บ จอดชั้น 14 เอ๊ยชั้น 4 ปุ๊บ ซื้อตั๋ว ข้าวโพดคั่ว เดินเข้าโรง ไม่ต้องเบียดเสียดใคร เพราะทุกครั้งไป มีไม่เกิน 20 คน หน้าโรง!
นี่..ผมว่าคุณโบว์ต้องปลีกเวลาดูหนังให้มากๆ นะ (หรือว่ามากอยู่แล้ว) โดยเฉพาะหนังไทย และจะดี-ไม่ดี ชอบ-ไม่ชอบอย่างไร ก็อยากให้คุณโบว์ได้พูด-ได้เขียนเล่าสู่กันฟัง
ผมนั้น ไม่ชอบการ “รีวิว” เพราะบางที (บางเรื่อง) ก็เบื่อกับความไม่จริงใจของคนในแวดวงเดียวกัน หนังพอดูได้ก็อวยเสียเลิศเลอ หนังดีก็กระแนะกระแหนไปตามอคติ-อารมณ์ส่วนตัว
แต่พอได้อ่านคนนอก (แวดวง) อย่างคุณโบว์..เออ เขียนด้วยใจบริสุทธิ์ ซื่อๆ ตรงๆ ง่ายๆ แบบนี้ ทำให้นึกอยากดู (ตาม) ขึ้นมาเสียมากกว่า!
ว่าแต่..คุณโบว์ได้ดู “มนต์รักนักพากย์” รึยังล่ะ ถ้าดูแล้วช่วยเขียนเล่าความรู้สึกให้อ่านหน่อยสิ ผมน่ะอ่านรีวิวของใครต่อใครจนตาลายไปหมดแล้ว
ส่วนใหญ่ก็มีแต่ชื่นชม ยกยอ ถึงขั้น “อวย” กันแบบไม่กระมิดกระเมี้ยนก็ได้อ่านอยู่ ซึ่งตัวผมจากสายตาที่ได้ดู.. ดีนะดี แต่ก็ไม่ถึงกับ10/10 จึงใคร่อยากรู้คุณโบว์ดูแล้วจะเห็นเป็นอย่างไร?
อ้อ..ส่วนคุณนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ดูแล้วเห็นว่า.. “..สงครามระหว่างรัสเซีย กับ ยูเครน คนไทยไม่เสียชีวิต
แต่สงครามระหว่างอิสราเอล กับ ฮาบาส คนไทยเสียชีวิตไปแล้วหลายคน และต้องอพยพอีกนับหมื่นคน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จึงต้องทำอะไรที่มากกว่าการขึ้นไปนั่งบนปืนกลโบราณ แล้วทำท่ายิง
ท่านี้ เขาให้เด็กอนุบาลนั่งตอนวันเด็กแห่งชาติครับ”
เจ็บจี๊ดไหม..บิ๊กทิน?