3 ตุลาคม 2566 เวลา 11.40 น. ณ บริเวณหน้าตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า
สถานการณ์น้ำตอนนี้อยู่ภายใต้การควบคุม โดยได้สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ให้รัฐมนตรีทุกคนให้เร่งให้การช่วยเหลือเป็นพิเศษ พร้อมกำชับสมาชิกผู้แทนราษฎรในพื้นที่ให้ลงพื้นที่รับทราบปัญหา และดูแลประชาชนที่เดือดร้อนทันที ส่วนเรื่องของการเยียวยาพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกรที่ได้รับความเสียหาย รัฐบาลจะดำเนินการพิจารณาต่อไป
ส่วนเรื่องของการผันน้ำวันนี้ จะมีการคุยต่อว่าการระบายน้ำของแต่ละพื้นที่ เราจะไม่ทำงานแบบวัวหายล้อมคอก โดยวันศุกร์นี้จะมีการลงพื้นไปจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งจากแผนที่ที่กรมชลประทานแสดงให้เห็นนั้น ก็มีความกังวลอยู่ โดยในพื้นที่มีน้ำล้นขึ้นมา ได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่จัดเตรียมแผนงานไว้
เพราะจากปีที่ผ่านมาจังหวัดอุบลราชธานีเกิดน้ำท่วมเยอะและมีระยะเวลานาน ถ้าน้ำท่วมในระยะเวลาสั้น ๆ พื้นที่เพาะปลูกอาจไม่เสียหายมาก แต่ถ้าเกิดน้ำท่วมในระยะยาวพื้นที่เพาะปลูกก็จะเสียหายมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนมีความกังวลอยู่ โดยรัฐบาลก็จะมีการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
ส่วนในเรื่องของแผนระยะยาวในการป้องกันการเกิดน้ำท่วมซ้ำซากนั้นรัฐบาลมีแผนบูรณาการไม่ท่วม ไม่แล้ง แต่ขอเวลาในการจัดเตรียมงานหากพร้อมจะมีการแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
นายกรัฐมนตรียังกล่าวอีกว่า รัฐบาลมีความกังวลเรื่องของน้ำในการใช้อุปโภค บริโภคซึ่งจากการตรวจสอบ พบมีปริมาณน้ำที่เพียงพอ ส่วนเรื่องของการรักษาระบบนิเวศนั้น มีการบริหารจัดการอยู่ ส่วนเรื่องที่เรามีความกังวลมากนั้น คือ เกษตรกรรม
ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงของน้ำท่วมและในอีก 6 เดือนข้างหน้าจะเป็นช่วงฤดูแล้ง ปัญหาดังกล่าวนี้จะต้องการมีการบริหารจัดการอย่างเหมาะสม นอกจากนั้นเรื่องของการใช้น้ำในภาคอุตสาหกรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ที่จะเข้ามานั้น มีความต้องการน้ำในปริมาณมาก
เพราะปัจจุบันเราเป็นอุตสาหกรรมพื้นฐานก็ยังมีความต้องการน้ำนั้นอยู่ซึ่งรัฐบาลต้องมีแผนป้องกันและทำงานเชิงรุกเพื่อสร้างความมั่นใจว่าภาคอุตสาหกรรมจะไม่มีการขาดแคลนน้ำ ถ้าสามารถบริหารจัดการน้ำในส่วนนี้ได้เชื่อว่าจะเป็นการดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศที่จะมาลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่จะช่วยยกระดับภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย
ทั้งนี้ ได้มีการพูดคุยระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภาคเอกชนแลกเปลี่ยนข้อมูลพร้อมทั้งเสนอแนะวิธีการแก้ปัญหาและจะมีการพูดคุยกันอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงนั้นต้องมีการเฝ้าระวังโดยไม่เข้าไปแทรกแซงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของตลาด การที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงนั้นไม่ได้ส่งผลเสียทั้งหมด การส่งออกซึ่งเป็นส่วนประกอบของจีดีพีของประเทศไทยมากกว่า 50% ก็จะได้รับอานิสงส์ในเชิงบวก การท่องเที่ยวเองก็เป็น 20% ของจีดีพีทั้งหมด แต่ต้องดูให้เหมาะสม โดยเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการจับตาและดูแลอยู่ ส่วนการที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน ประเทศไทยมีการนำเข้าน้ำมันเยอะอาจเกิดผลกระทบเป็นเรื่องธรรมดา เราต้องมีการหาพลังงานทดแทนและต้องใช้แผนระยะยาวในการแก้ไขปัญหา
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการพบปะกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ หัวหน้าหน่วยงานต่าง ๆ จะเป็นการทำงานในลักษณะที่ไม่ต้องมีองค์ประชุมใหญ่ มีการสั่งการรับฟังความคิดเห็นระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นมิติใหม่ในการทำงาน ไม่ต้องมีความเป็นทางการมาก ไม่ต้องมีการเตรียมงาน เป็นการกระตุ้นให้ทุกคนมีข้อมูลพร้อมตลอดเวลา โดยขอให้ผู้ร่วมงานทุกคน หัวหน้าหน่วยงานมีความกระตือรือร้นและไม่ต้องเครียดในการประชุม ส่วนประเด็นเรื่องความขัดแย้งของตำรวจระหว่างผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินั้น จะเห็นว่ามีการพูดคุยกันเชิงบวกแล้ว การทำงานร่วมกันอาจมีความเห็นที่ไม่ตรงกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนว่าเรามีภารกิจใหญ่ ความมั่นคงของประเทศ ดูแลบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชนสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่สำคัญ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงประเด็นเงินดิจิทัลวอลเล็ต ได้มีการพูดคุยกับท่านผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับนโยบายระยะยาวและระยะกลาง หากนโยบายเกิดขึ้นแล้วนั้นภาพรวมจะเป็นอย่างไรและให้คำแนะนำว่ารัฐบาลควรจะต้องดำเนินการอย่างไร หากเกิดเหตุฉุกเฉินรัฐบาลยืนยันว่าสถานภาพการเงินการค้าของประเทศไทยยังแข็งแรง ส่วนเรื่องของการชะลอสั่งซื้อยุทโธปกรณ์นั้น รัฐบาลยืนยันว่าการใช้งบประมาณต้องใช้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด อะไรที่ไม่มีความจำเป็นก็ขอให้ปรับลดลง ไม่ใช่แค่กองทัพอย่างเดียวรวมไปถึงหน่วยงานอื่น ๆ ด้วย ทุกหน่วยงานต้องให้ความสำคัญกับการใช้งบประมาณอย่างระมัดระวัง ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมืองเป็นหลักและผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน