เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2564 เวลา 11.50 น.นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ องค์การคลังสินค้า (อคส.) พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ ผู้ช่วยผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ที่ได้ตั้งขึ้นตามระเบียบ อคส. ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัยของพนักงานปี 2561 เข้ารายงานผลต่อ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ณ ชั้น 11 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์
โดยภายหลังการรายงาน นายจุรินทร์ เปิดเผยว่า ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้าหรือ อคส. ได้รายงานความคืบหน้าของการสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดในกรณีการจะซื้อถุงมือยางเทียมของอคส.โดยแจ้งวันนี้ว่าคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงที่ได้ตั้งขึ้นตามระเบียบ อคส. ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัยของพนักงานปี 2561 ได้สอบสวนข้อเท็จจริงเสร็จสิ้นแล้วและมีมติ 3 ข้อ คือ
1.ได้ข้อสรุปว่ามีผู้กล่าวหา 3 คน ที่มีมูลว่ามีความผิดวินัยอย่างร้ายแรง จึงเห็นควรตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งจะมีโทษสูงสุดถึงไล่ออกหรือให้ออก
2.คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงพบความเสียหายที่ก่อให้เกิดกับองค์การคลังสินค้าประกอบด้วยเงินจำนวน 2,000 ล้านบาท บวกดอกเบี้ย และบวกความเสียหายอื่นๆ จึงเห็นควรตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงการกระทำผิดทางละเมิดตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ปี 2539 และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ปี 2539 และ
3.เห็นควรส่งผลการสืบสวนข้อเท็จจริงไปยัง ป.ป.ช. เพื่อประกอบการพิจารณาในการไต่สวนคดีจัดซื้อถุงมือยางเทียมของ อคส.ต่อไป
“ผมได้กำชับและสั่งการว่าให้เร่งดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงให้บังเกิดผลต่อไปโดยเร็วที่สุดเพื่อแจ้งให้สาธารณะรับทราบว่า อคส.มีความตั้งใจในการหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว
เรื่องนี้ผมจะไม่ปล่อยไว้ใครกระทำความผิดและเกี่ยวข้องกับการกระทำที่มิชอบจะจัดการโดยเด็ดขาด ทั้งเรื่องทางวินัย ทางแพ่ง หรือทางอาญา และกำชับให้ผู้อำนวยการ อคส.ให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการทุกชุดที่ชอบด้วยกฎหมายให้เต็มที่
เพื่อให้สามารถหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้โดยเร็วที่สุดและเพื่อให้ชดใช้ความเสียหายที่เกิดกับ อคส.ให้ได้เร็วที่สุด ” นายจุรินทร์ กล่าว
ด้านนายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ องค์การคลังสินค้า(อคส.) กล่าวว่า วันนี้จะรวบรวมสำนวนทั้งหมด 900 กว่าหน้าส่ง ป.ป.ช.โดยมั่นใจว่าทุกบาททุกสตางค์ต้องได้คืนหมดพร้อมดอกเบี้ย เพราะใครจะเป็นตัวกลางตัวการร่วมหรือสนับสนุนก็จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดตามบัญชาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ส่วนทางด้าน พ.ต.อ.สุรพงศ์ ระบุว่า ข้อมูลพยานหลักฐานขณะนี้เพียงพอที่สามารถพิจารณาว่ามีมูลความผิดวินัยร้ายแรงได้ตามที่รายงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์