16 กันยายน 2566 ณ ที่ว่าการอำเภอธารโต จ.ยะลา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำคณะผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามงานพร้อมพบปะประชาชน และรับฟังปัญหาด้านเกษตรในพื้นที่ อ.ธารโต จ.ยะลา
โดยมี นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พร้อมด้วย นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพื้นที่ หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกษตรกร และประชาชน ให้การต้อนรับในครั้งนี้
โดยการลงพื้นที่ในครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับฟังข้อมูลสถานการณ์ด้านการเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงประเด็นปัญหาในพื้นที่ จากตัวแทนเกษตรกร ซึ่งมีเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่า นำเสนอประเด็นปัญหาว่า
ในระยะเวลาสามถึงสี่ปีนี้ มีช้างป่าลงมาทำลายพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้าน ซึ่งทำให้พืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย และชาวบ้านเสียชีวิต โดยทางเจ้าหน้าที่อุทยานได้เข้ามาช่วยเหลือแล้วแต่ไม่เพียงพอเนื่องจากขาดประสบการณ์ในการช่วยเหลือ
และสิ่งสำคัญตอนนี้คืออยากให้มีงบประมาณเยียวยาในการชดเชย ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากช้างป่าในครั้งนี้ ในส่วนของปัญหาแปลงใหญ่ทุเรียน ตัวแทนเกษตรกรได้นำเสนอว่า สถานการณ์ของไม้ผลจากที่ผ่านมาจะมีปัญหาในเรื่องของราคาทุเรียนจากเดิมที่ราคาสูง แต่ตอนนี้ราคาตกต่ำลงมาก
ซึ่งพบปัญหาในเรื่องของหนอน การตัดทุเรียนอ่อนไป และปัญหาของล้งต่างๆที่เข้ามาในพื้นที่ อีกอย่างนึงไม่อยากให้มีของพ่อค้าแม่ค้ามาซื้อทุเรียนอ่อนเข้าไปสู่ตลาด ซึ่งตอนนี้ราคาทุเรียนลงเรื่อยเรื่อย เนื่องจากพยายามทำทุเรียนให้มีคุณภาพแต่ราคาที่ได้กลับไม่ได้ตามคุณภาพ ในส่วนของผลไม้อื่นๆ มังคุด ลองกอง เงาะ ก็อยากให้ช่วยผลักดันเรื่องราคาให้สูงขึ้น
ที่สำคัญให้มีการซื้อขายในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม เพราะเกษตรกรพยายามทำผลผลิตให้มีคุณภาพอย่างจริงจัง เพื่อสนับสนุนผลผลิตในพื้นที่ให้มีคุณภาพตามใบ GAP ซึ่งจังหวัดยะลาเปรียบเสมือนแหล่งใหญ่ที่เปิดรับทุเรียนในหลายหลายพื้นที่เข้ามาทั้งนราธิวาสและปัตตานี จึงอยากให้มีการรับรองให้มีคุณภาพจริงๆ
และในส่วนปัญหาสวนยาง ตัวแทนเกษตรกรได้นำเสนอปัญหาว่า ตอนนี้ชาวสวนยางประสบปัญหาเรื่องยางราคาถูก เจ้าของสวนยางไม่มีลูกจ้างในการกรีดยาง เพราะลูกจ้างไปหางานอื่น เนื่องจากราคายางถูกทำให้ค่าจ้างถูกไปด้วย ในส่วนของโรคใบร่วงปีนี้ดีขึ้น เนื่องจากอากาศแห้ง ทางการยางก็ได้ให้คำแนะนำให้ปลูกพืชผลไม้ผสมในสวนยาง และอยากให้ผลักดันราคายางกิโลกรัมละ 80 บาท ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้มากขึ้น เพราะชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่ยังมีอาชีพเป็นชาวสวนยางอยู่
ทั้งนี้ยังได้มอบเอกสารสิทธิ์ ปัจจัยการผลิต/สินเชื่อกองทุน (ส.ป.ก.จ.ยะลา) และสิ่งของจำเป็นในการประกอบอาชีพ ให้แก่ตัวแทนเกษตรกรในพื้นที่ ประกอบด้วย มอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน ต.บือมัง อ.รามัน จ.ยะลา เกษตรกร จำนวน 5 ราย ,มอบต้นไม้โครงการวนเกษตรในเขตปฏิรูปที่ดิน ต.ห้วยกระทิง อ.กรงปีนัง จ.ยะลา เกษตรกร จำนวน 4 ราย ,
มอบสินเชื่อกองทุน ส.ป.ก. โครงการพัฒนาอาชีพและรายได้ จำนวน 1,259,000 บาท ให้ตัวแทน 3 ราย และมอบสิ่งของใช้ที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ โดยโครงการชลประทานยะลา มอบข้าวสาร โดยสำนักงานสหกรณ์จังหวัดยะลา มอบสารชีวภัณฑ์ปรับปรุงบำรุงดิน โดยสถานีพัฒนาที่ดินยะลา อย่างละจำนวน 300 ชุด
พร้อมเยี่ยมชมซุ้มการจัดแสดงนำเสนอตามประเด็นต่างๆ ได้แก่ ปัญหาช้างป่าทำร้ายเกษตรกรและทำลายทรัพย์สินทางการเกษตร และ การแก้ไขปัญหาช้างป่าอย่างยั่งยืน ,สถานการณ์สินค้าเกษตร /การบริหารจัดการผลไม้ ,วิสาหกิจชุมชนพัฒนาคุณภาพทุเรียนบ้านบาตูปูเต๊ะ ,การแก้ไขปัญหาโรคใบร่วงยางพารา และโครงการประตูระบายน้ำกรงปินัง
ทางด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ปัญหาใหญ่ในที่นี้คือช้างป่า ซึ่งสาเหตุที่ช้างลงมาหาอาหารในสวนของชาวบ้าน เพราะช้างไม่มีอาหารกินไม่เพียงพอ
การแก้ไขเฉพาะหน้าในตอนนี้คือการพลักดันให้ช้างเข้าไปในถิ่นฐานเดิมของมัน และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยสำรวจความเสียหายของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมดำเนินการเยียวยาชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งหากมีความจำเป็นก็อาจจะประกาศเป็นภัยพิบัติได้
ในส่วนของราคาทุเรียนที่ตกต่ำ ที่ประสบปัญหาตอนนี้ในเรื่องทุเรียนอ่อนและมีหนอน ทำให้ราคาทุเรียนตกต่ำ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่เราต้องแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วน ซึ่งผมต้องการสร้างตลาดกลางของแต่ละจังหวัดเพื่อควบคุมราคาและคุณภาพของทุเรียน ไม่ให้มีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อทุเรียนในราคาที่ไม่เป็นธรรมต่อเกษตรกร ทำยังไงให้ทุเรียนมีคุณภาพมีราคา
ส่วนของเรื่องยางพารา จะให้มีมาตรการการบังคับใช้ยางในประเทศอย่างจริงจัง ซึ่งผมประกาศเลยว่าการแก้ปัญหายางตกต่ำและใบร่วง ผมจะรีบนำไปหารือว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ซึ่งจะช่วยเหลือพี่น้องชาวสวนยางแน่นอน
โดยการแก้ไขปัญหาต่างๆด้านการเกษตรที่ชาวบ้านร้องเรียนในวันนี้ ผมจะกลับไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจะรีบแจ้งทางจังหวัดให้เร่งดำเนินการ เตรียมความพร้อมในเรื่องของมาตรการ เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาแก้พี่น้องชาวเกษตรกรได้อย่างยั่งยืน
