เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2566 นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ชี้กรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ พยายามโจมตี นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย
ในกรณีที่เกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินให้ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) นั้น คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง
ข้อมูลที่มีการเปิดเผยออกมานั้นไม่มีอะไรไม่ชอบมาพากล อีกทั้งบริษัท แสนสิริ เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต้องมีหลักธรรมาภิบาล การซื้อขายทรัพย์สินก็ต้องทำตามกฎหมาย
นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี มีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ มิได้กระทำการใดฝ่าฝืนจริยธรรม และไม่ได้ละเมิดกฎหมายใดๆ
ข้อกล่าวหาดังกล่าวคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เพราะไม่ได้เป็นตัวการ ไม่ได้เป็นผู้สนับสนุนและไม่ได้มีส่วนร่วมหรือสมรู้ร่วมคิดในเรื่องดังกล่าว
นายเศรษฐา ทวีสิน ไม่เกี่ยวข้องใดๆ ซึ่งเข้าใจว่าการซื้อขายที่ดินระหว่างบริษัท แสนสิริ กับผู้ขายนั้น หน้าที่ชำระภาษีอยู่ที่ผู้ขาย ฉะนั้นผู้ขายต้องชำระภาษีให้ถูกต้องตามกฎหมาย และไม่ได้มีเหตุสงสัยว่าผู้ขายเลี่ยงภาษี
กรณีนี้หากมีข้อสงสัยก็สามารถสอบถามไปที่กรมสรรพากรได้
บริษัท แสนสิริ เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต้องมีหลักธรรมาภิบาล การซื้อขายทรัพย์สินก็ต้องทำตามกฎหมาย
ภารกิจของซีอีโอเกี่ยวข้องเพียงแค่อนุมัติโครงการและจำนวนเงินเท่านั้น ไม่ได้รู้เห็นใดๆ ไปถึงการชำระภาษี และจนบัดนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานใดๆ ว่าผู้ขายเลี่ยงภาษี
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีความพยายามโจมตีเรื่องนี้ในเวลานี้มีเจตนาดิสเครดิต ลดทอนความน่าเชื่อถือของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยหรือไม่
‘นพดล’ ยืนยันว่า เศรษฐา เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ไม่ได้เป็นตัวการ ไม่ได้เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ไม่ได้เป็นผู้สนับสนุนในการเลี่ยงภาษีแต่อย่างใด ทุกอย่างทำถูกต้องตรวจสอบได้และพร้อมให้ตรวจสอบ
นพดล ย้ำว่า ข้อมูลที่เปิดเผยออกมานั้นไม่ได้มีอะไรไม่ชอบมาพากล และเชื่อว่าสมาชิกรัฐสภาจะโหวตให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี ก็คงต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริง ไม่ได้ดูแต่เพียงข้อกล่าวหา
นพดล ย้ำว่า เศรษฐา มุ่งมั่นอาสาตัวเองเข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมือง แก้ปัญหาให้ประชาชน เพื่อผลักดันนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน แต่ขณะเดียวกันก็พร้อมให้ประชาชนได้ตรวจสอบ