ผักกาดหอม
ดีแล้วครับ….
การที่ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย มติที่ประชุมรัฐสภาเห็นว่าการเสนอชื่อบุคคลชิงตำแหน่งนายกฯซ้ำ ทำไม่ได้เพราะขัด ข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อที่ ๔๑ นั้นไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
จะได้รู้ดำรู้แดงกันไปว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะรับวินิจฉัยหรือไม่ หรือวินิจฉัยแล้วเป็นอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น
แต่การให้ศาลรัฐธรรมญูญมีคำสั่งเลื่อนเลือกนายกฯออกไปจนกว่าจะวินิฉัยคดีเสร็จ ประเด็นนี้ต้องระวัง
ศาลรัฐธรรมนูญจะมีขอบเขตอำนาจมากไปหรือไม่
ทั้งหมดนี้ก็เป็นประเด็นที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เช่นกรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อพระมหากษัตริย์ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง โดยให้เหตุผลว่า เป็นการกระทำทางการเมือง ของคณะรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญฝ่ายบริหารในความสัมพันธ์เฉพาะกับพระมหากษัตริย์
ส่วนกรณีนี้เป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติตีความข้อบังคับการประชุมของตัวเอง
ฉะนั้นการเลื่อนโหวตนายกฯออกไปโดยไม่รู้กำหนดว่าจะโหวตได้เมื่อไหร่ ย่อมไม่เกิดประโยชน์ต่อประเทศโดยรวมแน่นอน เพราะรัฐบาลรักษาการมีอำนาจที่จำกัดจำเขี่ย
จึงจำเป็นต้องว่าไปตามไทม์ไลน์เดิม
แต่…แค่นี้ก็ทำให้ก้าวไกลกลับมาคึกคักทันตาเห็นครับ
ออกแถลงการณ์ในฐานะพรรคอันดับ ๑ ว่าต้องจัดตั้งรัฐบาลใหม่ให้สำเร็จเพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลเดิม
พร้อมกับยื่นเงื่อนไข ไม่เอาพรรค ๒ ลุง คือ พลังประชารัฐ กับ รวมไทยสร้างชาติ
ไม่พูดถึงภูมิใจไทย ก็แสดงว่าพร้อมที่จะยอมรับ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ร่วมรัฐบาล
คือ…มันเลยเวลาของก้าวไกลไปแล้วใช่หรือเปล่า แล้วจะมายื่นเงื่อนไขตอนนี้เพื่อ…
อีกอย่างไปถาม ภูมิใจไทย แล้วหรือยัง เพราะเขาประกาศชัด มีภูมิใจไทยต้องไม่มีก้าวไกล
นี่แหละครับถึงบอกว่าไม่น่าคบโดยสันดาน เพิ่งจะให้สิทธิเพื่อไทยไปตั้งรัฐบาลหยกๆ พอเห็นผู้ตรวจการรัฐสภาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแค่นั้นแหละครับ
สันดานเก่าโผล่มาทันที
เอาเถอะครับถ้าอยากกลับมามีบทบาทก็ต้องไปคุยกันใน ๘ พรรค ไม่ใช่นึกจะออกแถลงการณ์ข้ามหัวเพื่อนก็ออก
ทำเป็นเล่นไป….
พรรคอันดับ ๓ ได้สิทธิตั้งรัฐบาลขึ้นมาจะว่าไง?
จับพลัดจับผลู “เสี่ยหนู” คว้าพุงปลาไปกิน ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ ๓๐ สถานการณ์แบบนี้อย่าคิดว่าเป็นไปไม่ได้เชียวครับ
ไม่ได้ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยด้วย
เสียงข้างมากนี่แหละครับ!
ประเด็นมันอยู่ที่เพื่อไทยจะเอาไง
เรื่องแก้ม.๑๑๒ พรรคก้าวไกลและด้อมส้มต้องอยู่กับความเป็นจริง จะเอา ๑๔ ล้านเสียงมาแคลมว่าคือเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนต้องการให้แก้ม.๑๑๒ ไม่ได้
มันจบตั้งแต่เขียนเอ็มโอยู ๘ พรรคแล้ว
เพื่อไทยพบ พรรคขั้วรัฐบาลเดิม ยกเว้นพรรคประชาธิปัตย์ ทุกพรรคพูดเหมือนกันหมด ไม่เอาพรรคแก้ ม.๑๑๒
พรรคประชาธิปัตย์เอง ถึงเพื่อไทยไม่ไปทาบทาม เขาก็มีจุดยืนชัดเจนมาตลอด ไม่เอาพรรคแก้ม.๑๑๒ เช่นกัน
การเลือกตั้งที่ผ่านมามีผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ๓๙ ล้านคน
เลือกก้าวไกล ๑๔ ล้านคน
ตัวเลขกลมๆเท่ากับมีประชาชน ๒๕ ล้านคน ไม่ได้ลงคะแนนเพราะอยากให้ส.ส.ไปแก้ม.๑๑๒
หากเข้าใจสมการนี้ ก็จะเข้าใจว่าทำไมก้าวไกลไม่ได้เป็นรัฐบาล
หันมาที่เพื่อไทย กำลังกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ของด้อมส้ม หาว่าเป็นผู้ทรยศ
ก๊วนทะลุ จะดุดันไปถึงไหน บุกที่ทำการพรรคเพื่อไทย ดีว่าไม่ถึงขั้นเผา ก็เป็นความพยายามที่จะมัดเพื่อไทยไว้กับก้าวไกล
ด้วยข้ออ้าง “ฝ่ายประชาธิปไตย”
หัวครกอะไรหละครับ!
ไม่พอใจใครก็บุกทำลายข้าวของบ้านเขา แล้วอ้างว่าเป็นวิถีประชาธิปไตย
ชุมนุมที่อโศกก็เอารูป “ชลน่าน ศรีแก้ว” มาผลัดกันกระทืบ แม้จะไม่ถึงจุดแตกหัก แต่ก็ยากจะกลับไปเป็นแบบเดิม
อยู่ที่เพื่อไทยว่าจะทนถูกย่ำยีได้ขนาดไหน
มาถึงจุดต้องสมมติฐานว่า หากพรรคเพื่อไทย ถอดใจเพราะสลัดขั้วไม่หลุด ขอเสียงจากส.ว.ไม่ได้ จะเกิดอะไรขึ้น
อย่าลืมนะครับว่าวันนี้ “ด้อมส้ม” มีความก้าวร้าวกับวุฒิสมาชิกมากกว่าเดิม
มากกว่าวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ที่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ถูกวุฒิสมาชิกเสียงส่วนใหญ่คว่ำ
ฉะนั้นการมีก้าวไกลในรัฐบาล ไม่ว่าพรรคไหนจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลโอกาสคือเป็นไปไม่ได้
หากไม่เลื่อนโหวตเลือกนายกฯ ก่อนถึงวันที่ ๒๗ กรกฎาคม พรรคเพื่อไทยต้องหาทางออกให้ตัวเอง หากไม่แคร์ด้อมส้ม เพราะไหนๆคนกลุ่มนี้ไม่เลือกเพื่อไทยอยู่แล้ว เพื่อไทยสลัดขั้วตั้งรัฐบาลกับขั้วรัฐบาลเดิม ก็จบ
มีม็อบตามป่วนแน่ ก็ด้อมส้มนี่แหละครับ ก็ต้องไปวัดกันว่าใครจะอึดกว่ากัน
หรือเพื่อไทยจะปิ้งปลาประชดแมว ในเมื่อไม่อยากให้ไปตั้งรัฐบาลกับต่างขั้ว ก็ขอสละสิทธิ เพราะการกลับไปตั้งรัฐบาลกับ ๘ พรรคนั้น ไม่มีทางเป็นไปได้
ก็เป็นสิทธิพรรคที่ ๓ คือภูมิใจไทยจัดตั้งรัฐบาลบ้าง
ตั้งแล้วเสียงไม่พอ ทำไงหละครับ ก็ดูดเพื่อไทย ไปอยู่ด้วย
อย่างน้อยๆเพื่อไทยพอจะแก้ตัวได้ว่า ไม่ได้เป็นแกนนำ ไปในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล
แน่นอนครับ ด้อมส้ม ตามด่าเช่นเคย
พรรคมีส.ส.มากกว่าไปยอมพรรคที่เล็กกว่าได้ไง เสียศักดิ์ศรี
ก็เหมือนก้าวไกลไงครับ ตั้งรัฐบาลไม่ได้ก็ให้พรรคเพื่อไทยที่มีเสียงน้อยกว่ารับช่วงแทน
การตั้งรัฐบาลสูตรนี้ อาจจะเกิดหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ แต่ก็มีความเป็นไปได้ หากเพื่อไทยทนแรงกดดันไม่ไหว
ครับ…วานนี้ (๒๔ กรกฎาคม) ตัวตึงก้าวไกล “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ซื่อตาใส บอกว่า ประเด็นเรื่องการแก้ไข ม.๑๑๒ น่าจะเป็นเพียงข้ออ้าง ที่ไม่ให้ก้าวไกลเป็นรัฐบาล เพราะกลัวก้าวไกลจะไปปราบโกง ทำลายทุนผูกขาด กระจายอำนาจ ฯลฯ
แถมยื่นเงื่อนไขว่า ถ้าจะให้ถอย จะให้ลดตรงไหน ก็บอกมาเพราะที่ผ่านมาก็ถอยมาแล้ว เช่นไม่มีแก้ม.๑๑๒ ในเอ็มโอยูตั้งรัฐบาล
เอาเนื้อหามากาง มาคุยกัน
“วิโรจน์” ครับ เขากางตั้งแต่คุณเอาเรื่องนี้ไปปราศรัยหาเสียงแล้ว แต่พวกคุณไม่เคยฟัง แถมด่ากลับเสียๆหายๆอีก
เนื้อหาที่เขากางมีการวิเคราะห์ว่า ก้าวไกลแก้ม.๑๑๒ ลดสถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์ เปิดประตูให้คนบางกลุ่มก่อการณ์ล้มล้างสถาบันฯ
จน ณ ขณะนี้ ไม่มีใครเรียกร้องให้ ลดให้ถอยแล้ว เขาต้องการให้ก้าวไกลยกเลิกแนวคิดแก้ม.๑๑๒ อย่างถาวร
แต่…อย่าไปหลอกใครว่าจะถอย จะลดเลยครับ เพราะถ้าทำจริง ควรจะทำตั้งแต่ก่อนโหวตเลือกนายกฯวันที่ ๑๓ กรกฎาคม
มาลดมาถอยตอนนี้ ไม่มีใครเขาเชื่อหรอกครับ เหม็นขี้ฟัน
มันจนมุมมากกว่า
คนฟังไม่ได้ปัญญาอ่อนขนาดนั้น
จะผลิตวาทกรรมอะไรก็เชิญครับ
แต่การที่ “วิโรจน์” บอกว่าฝั่งตรงข้าม เอาเรื่อง ม.๑๑๒ มาเป็นข้ออ้างลอยๆ แบบไม่จบไม่สิ้น นั้นก็แสดงว่า ก้าวไกล ไม่เข้าใจผู้อื่นเลย
เรื่องที่ก้าวไกลพยายามแก้ม.๑๑๒ ไม่ใช่เรื่องโคมลอย มาอ้างกันลอยๆ แต่เพราะก้าวไกล เคยเสนอร่างกฎหมายแก้ไขม.๑๑๒ เข้าสภาแล้ว
เนื้อหาก็ชัดเจน ลดทอนความเป็นสถาบันพระมหากษัตริย์ลงไปมาก สถานะแทบจะเท่าบุคคลทั่วไป
เขามีตา มีสมองครับ อ่านออกว่าก้าวไกลต้องการอะไร ปลายทางคืออะไร
ไม่มีใครกลัวก้าวไกลจะไปปราบโกง ทำลายทุนผูกขาด กระจายอำนาจ หรอกครับ
ที่เขากลัวคือพวกคุณจะเข้าไปทำลายโครงสร้างของประเทศ จนย่อยยับไม่เหมือนเดิม ชาติมหาอำนาจก็จ้องตาเป็นมันหวังจะเข้ามามีบทบาท สูบประโยชน์จากไทย
จนกลายเป็นรัฐที่ล้มเหลว