น่าเศร้าสภาฯ ไทย-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ก็เหมาะสมดี

สภา ๓ วันหนี ๔ วันล่ม

นักข่าวประจำรัฐสภาเขาตั้งฉายาให้ สภาผู้แทนราษฎร ไว้แบบนั้น

ไปดูเหตุผลกันหน่อย

…เนื่องจากการประชุมของ ส.ส.ตลอดปี ๒๕๖๕ ประสบแต่ปัญหาสภาล่มซ้ำซาก ตั้งแต่เริ่มศักราชใหม่จนส่งท้ายปี ทำให้การทำงานล่าช้า โดย ส.ส.ฝ่ายค้าน มักเล่นเกมนับองค์ประชุม ทั้งที่ฝ่ายตนก็ขาดประชุม ขณะที่ ส.ส.รัฐบาล ไร้ความรับผิดชอบในการรักษาองค์ประชุมทั้งที่เป็นเสียงข้างมาก

มิหนำซ้ำช่วงท้ายวาระการดำรงตำแหน่ง ส.ส.ต่างหนีลงพื้นที่ หาเสียงก่อนเลือกตั้ง ละเลยการประชุม ซึ่งถือเป็นหน้าที่สำคัญ ด้วยเหตุเหล่านี้จึงเป็นที่มาของฉายาดังกล่าว….

มุมหนึ่งก็น่าเห็นใจ ส.ส.ครับ เพราะนานๆ ทีสภาจะอยู่ครบวาระ หรือใกล้ครบวาระสักที มันจึงมองเห็นอนาคตอันใกล้ว่าจะเลือกตั้งกันเมื่อไหร่

ไทม์ไลน์ของ กกต.ก็ระบุเอาไว้ชัดเจน รับสมัครเลือกตั้งวันที่ ๓-๗ เมษายน ๒๕๖๖

เลือกตั้งวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๖

มันก็ต้องลงพื้นที่หาเสียงซิครับ

คนอื่นเขาเดินสายงานบวช งานศพ งานแต่ง จะให้อยู่โยงเฝ้าสภาได้ไง

ธรรมเนียมการเมืองไทยมันเป็นแบบนั้น

อย่าไปเทียบกับการเมืองฝรั่งเขาครับ ไม่มีหรอก ไปนั่งฟังพระสวดให้เจ้าภาพเห็นหน้า ไปชูแก้วบนเวทีเป็นสักขีพยานให้คู่บ่าวสาว

ก็ต้องว่ากันแบบไทยๆ

สภาล่มใกล้เลือกตั้งก็คงไม่ต้องแก้ไขอะไร ปล่อยให้มันล่มไป

มีสนามให้เล่น ดันไม่เล่น เวลาไม่มีสนามให้เล่นก็อย่าบ่น

เรื่องพวกนี้มันขึ้นกับสำนึกของสภาผู้แทนฯ โดยรวมครับ

ถ้ายังไม่มีสำนึกก็อย่าเที่ยวชี้นิ้วสั่งคนอื่น

นักข่าวสภาให้เหตุผลสภาล่มไว้ได้ชัดเจนมาก ส.ส.ฝ่ายค้าน เล่นเกมนับองค์ประชุม แล้ววิ่งออกไปนอกห้องประชุม บางส่วนก็โดดร่ม ลงพื้นที่หาเสียง

ส.ส.รัฐบาล ก็ไม่รับผิดชอบในการรักษาองค์ประชุมทั้งที่เป็นเสียงข้างมาก

สรุปคือมันคุมกันไม่ได้ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน

แต่ก็อย่างที่บอก หากสภาไม่มีสำนึกก็ปล่อยมันไป

ถือเสียว่าเป็นโรคประจำฤดูกาล

เลือกตั้งเสร็จ ได้รัฐบาลใหม่ หากยังเป็น สภา ๓ วันหนี ๔ วันล่ม ค่อยจับมาเชือดถลกหนังรายตัว ให้ประชาชนได้รับรู้ว่า ที่เลือกมานั้น เลือกผิดคน

มาถึง “วุฒิสภา” ได้ฉายา “ตรา ป.”

เหตุผลประกอบคือ …เพราะตลอดปี ๒๕๖๕ ส.ว.ยังคงทำหน้าที่รักษามรดกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และในการลงมติพิจารณาเรื่องสำคัญแต่ละครั้ง ก็ไม่มีแตกแถว เพื่อประโยชน์ของ ๒ ป. คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือ ป.ประยุทธ์ และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หรือ ป.ประวิตร โดยเฉพาะในการแก้รัฐธรรมนูญ

และปัจจุบัน ส.ว.ยังถูกแบ่งออกเป็น ๒ ฝ่าย คือ ฝ่ายสนับสนุน ป.ประยุทธ์ และฝ่ายสนับสนุน ป.ประวิตร จนกระทั่งล่าสุด มีการเช็กชื่อแล้วว่า ส.ว.คนไหน จะสนับสนุน ป.ใด เป็นนายกรัฐมนตรี…

มันก็จริงตามนั้น

และจริงแท้แน่นอนหลังจากนี้ คือก่อนตั้งรัฐบาลหน้า ส.ว.จะเสียงแตก

แบ่งขั้วกันสนับสนุน “ลุงตู่” และ “ลุงป้อม”

ก็อยู่ที่ใครสายใครครับ

ส.ว.มี ๒๕๐ คน ยังได้รับสิทธิ์เลือกนายกรัฐมนตรีอยู่

บทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๗๒ บัญญัติว่า

…ในระหว่างห้าปีแรกนับแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญนี้ การให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีให้ดำเนินการตามมาตรา ๑๕๙ เว้นแต่การพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๕๙ วรรคหนึ่ง ให้กระทำในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา และมติที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา ๑๕๙ วรรคสาม ต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา…

ความโดยสรุปคือ วุฒิสภา สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีจนกว่า จะหมดวาระลง ในวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๗

ก็แสดงว่าจนกว่าจะถึงวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๗ วุฒิสภา ยังมีสิทธิ์เลือกนายกรัฐมนตรีอีกอย่างน้อย ๑ ครั้ง

จะมากกว่า ๑ ครั้งหากรัฐบาลหน้าอายุสั้น

แต่อย่าเพิ่งไปไกลครับ เอาแค่เลือกตั้งครั้งหน้านี้ วุฒิสมาชิกก็น่าจะปั่นป่วนแล้ว

พรรคพลังประชารัฐ เสนอ “ลุงป้อม” เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

พรรครวมไทยสร้างชาติ นำเสนอ “ลุงตู่”

หลังเลือกตั้งหากพรรคร่วมรัฐบาลเดิมมีเสียงมากพอจับมือกันตั้งรัฐบาลอีกครั้ง วุฒิสภาจะเลือกใครเป็นนายกฯ

ก่อนรัฐสภาจะลงมติเลือก ต้องวิ่งกันตีนขวิดแน่

ถ้าตกลงกันไม่ได้ ก็กลายเป็น ส.ว.คนละครึ่ง

เอาไปคนละครึ่ง

“อุ๊งอิ๊ง” ยิ้มมุมปากมาแต่ไกลเลยครับ

อีกสูตร ถ้า พรรคภูมิใจไทยได้ ส.ส.มากกว่า พรรคพลังประชารัฐ และ พรรครวมไทยสร้างชาติ วุฒิสภาจะเทคะแนนให้ใคร

ถ้าไม่ให้ “อนุทิน” สูตรตั้งรัฐบาลอาจเปลี่ยนทันที

และ ๒๕๐ ส.ว. แทบไม่มีความหมายอีกต่อไป

นึกภาพเพื่อไทยแลนด์สไลด์ตามที่โม้เอาไว้

ภูมิใจไทยได้ ส.ส.เกิน ๑๐๐ ที่นั่ง

บวกกับพรรคเล็กพรรคน้อย

ได้ ส.ส.เกิน ๓๗๕ เสียง ตั้งรัฐบาลได้ทันที

สูตรนี้พรรคภูมิใจไทย มีพลังต่อรองสูงมาก

เลือกกระทรวงเกรดเอได้ตามใจชอบ

เทียบกับอยู่ขั้วเดิม ได้ ส.ส.มากที่สุดแต่ “อนุทิน” ไม่ได้เป็นนายกฯ ภูมิใจไทยคงช้ำใจมากกว่า

ครับ…การเมืองปีหน้าอาจต้องอ่านสามก๊กรอไปพลางๆ

แต่ที่น่าเศร้าสำหรับปีที่ผ่านมา

ฉายา “ดาวเด่น ๖๕” และ “คนดีศรีสภา ๖๕” ฝุ่นเกาะรางวัลต่อไปเพราะ นักข่าวสภาบอกว่า ไม่มีผู้ใดเหมาะสม

น่าเศร้าจริงๆ

Written By
More from pp
ในหลวง พระราชทานกระบี่แก่ผู้สำเร็จการศึกษาโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
22 พฤศจิกายน 2566 – เวลา 18.45 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง...
Read More
0 replies on “น่าเศร้าสภาฯ ไทย-ผักกาดหอม”