ไม่มีอะไรนอกจาก “ตีรวน”- เปลว สีเงิน

คลิกฟังบทความ..⬇️

เปลว สีเงิน

“บุคคลจะเป็นเช่นใด ดูได้จากพฤติกรรมของเขา”
เห็นได้ชัดเลย
จากพรรคก้าวไกลและแก๊ง
ตอนกกต.ยังไม่ประกาศรับรองเลือกตั้ง ก็บอก “ร่วมสองเดือนแล้ว นานไป ความล่าช้าทำให้ประเทศชาติเสียโอกาสในการที่จะมีรัฐบาลเข้าไปบริหารงานเร็วๆ”

นี่เข้าตำรา “รักชาติจนน้ำลายไหล”

แต่พอพิธาไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาให้เป็นนายกฯ เท่านั้นแหละ

พรรคก้าวไกล พรรคเป็นธรรม บางคนในเพื่อไทย กระทั่งนิด้าโพล บอกว่า….

“ให้เสนอชื่อพิธาให้รัฐสภาพิจารณาไปเรื่อยๆ จนครบ ๑๐ เดือน ซึ่งสว.จะหมดอำนาจโหวตนายกฯ ตามบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๗๒”!

นี่เข้าตำรา “คอหยักๆ สักแต่ว่าเป็นคน”

ก็เพื่อ “ประโยชน์ตัวเอง” เป็นที่ตั้งทั้งนั้น ตอนจะเอา ก็อ้าง “เพื่อประเทศชาติ” เร่งจะเอาเร็วๆ

ตอนจะเสีย แต่ไม่อยากเสีย ก็อ้าง “ผมเป็นพรรคอันดับ ๑ประชาชน ๑๔ ล้านเสียงเลือกมา” จะยื้อต่อไปอีก ๑๐ เดือน คือกูจะเอาให้ได้

แล้วทีอย่างนี้ ทำไมก้าวไกลไม่คิดในด้าน “ประเทศชาติเสียโอกาส” บ้างเลยล่ะ?

เห็นอ้างสัจจะ อ้าง MOU ๘ พรรค เป็นปลิงเกาะขาเพื่อไทย “ประเทศฉิบหายช่างมัน ขอให้กูต้องได้เป็นรัฐบาลด้วย” เท่านั้นเป็นพอ

ทีอย่างนี้ ก้าวไกลทำลืม “สัจจะในหมู่โจร” เฉยเลย!?

ความจริง เป็นบุญประเทศด้วยซ้ำ ถ้ายังตั้งรัฐบาลกันไม่ได้ ก็ยังมี “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” รักษาการบ้านเมืองที่ไว้ใจได้

สว.จะหมดวาระในเดือนพฤษา.๒๕๖๗ ในความหมายยื้อกันไปเรื่อยๆ ๑๐ เดือน ก็พอดีลุงตู่เป็นนายกฯ ครบ ๑ ทศวรรษ

ก็เป็นที่มหัศจรรย์ยิ่ง……
ที่คนถูกประณามว่า โง่ ว่าทำประเทศล้าหลัง ว่าเป็นเผด็จการ ว่าเป็นผู้นำรัฐบาลที่ล้มเหลว กลับอยู่ยาวนานถึง ๑๐ ปี

และใน ๑๐ ปี นั้น สร้างสรร-พัฒนา จนประเทศชาติมั่นคง ทั้งด้านการเงิน การคลัง การลงทุน โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมนวัตกรรม จนไทยติดอันดับโลกนับไม่ถ้วน

แต่ก็นั่นแหละ ความดี-ความรัก-ความชอบ จะให้อยู่เหนือครรลองบ้านเมืองก็ไม่ถูก

นั่นคือ เมื่อถึงวาระ “คนเก่าต้องไป-คนใหม่จะมา” ก็ต้องให้เป็นไปตามนั้น

ผมจึงไม่เห็นด้วย ทั้งมองว่า การที่ใครใช้ “ความหน้าด้านกว่า” เป็นตะกวดขวางการให้มีรัฐบาลใหม่ตามกาลอันควรนั้น ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ!

MOU นั้น เข้าใจกันซะให้ชัด
มันไม่ใช่ “กำไล EM” ติดข้อเท้าผู้ต้องหา ที่ผู้ต้องหาต้องปฎิบัติตามเขื่อนไขเป๊ะๆ หรอก

MOU นั้น เขาเข้าใจกันทั้งโลก ว่า ….
มันคือข้อตกลงว่าด้วย “สัญญาต่างคน-ต่างหลอก” หรือพูดกันอีกที “สัญญาแก้เขิน” ในการได้พบปะคุยกัน

ได้ยินการเมืองระหว่างประเทศประจำใช่มั้ย ประเทศนั้นกับประเทศนี้ ทำ MOU ตกลงจะซื้อสินค้าประเภทนั้น-ประเภทนี้ต่อกัน ปีละเท่านั้น-เท่านี้ล้านล้านบาท

คนไม่รู้ ได้ยินก็ตาโต อู้ฮู…ประเทศโน้นล้านล้าน ประเทศนี้ล้านล้าน อย่างนี้ประเทศไทยขายของได้ รวยตายห่ะ!

แต่ไม่มีหรอก
ตกลง “จะซื้อ” แต่วัน/เดือน/ปีไหน และชาติไหน ไม่มีข้อผูกมัดหรอก นี่แหละคือ MOU ทางการเมืองละ

จะทึกทักเป็นสัจจ่ง-สัจจะบ้าบออะไรที่ไหนมี

การเมืองเพื่อประเทศชาตินั้น จะให้ผลประโยชน์เฉพาะตัวเหนือกว่าผลประโยชน์ประเทศชาติไม่ได้

ฉะนั้น ไม่มีใครเขาเอา MOU มาเป็นก้อนหินผูกขาติดกันตกน้ำแล้วต้องจมตายไปด้วยกันหรอก

ด้อมส้ม นักวิชาการ และสื่อบางสำนัก เห็นเพื่อไทยเชิญ ๕ พรรครัฐบาลปัจจุบันไปคุย พากันทำตัวเป็นพยาธิในรูทวารก้าวไกล

ยก MOU เป็นสัจจะบ้าง ไปค้นคลิปตอนหาเสียง มีเราไม่ลุง มีเราไม่เผด็จการบ้าง มาค้ำคอเพื่อไทย
เพื่อไม่ให้ไปจับขั้วตั้งรัฐบาล ทั้งที่ ๘ พรรคมันตายโคม-ตายด้านไปแล้ว!

ต้องชม “หมอชลน่าน” เขานะ

เที่ยวนี้ การดำเนินงาน การพูดจา “สมภาวะ-สมภูมิ” คู่ควรกับการเป็นหัวหน้าพรรค มีเหตุผล อดทน-อดกลั้น

แยกแยะได้ระหว่าง “ประโยชน์พรรค-ประโยชน์ชาติ” โดยให้อยู่ในกรอบเงื่อนไข ๘ พรรค พูดง่ายๆ ว่า ไปทีละขั้นตอน

แต่การเป็นผู้ใหญ่ ไม่ทำอะไรเอาแต่ได้…
ก็ทำให้เพื่อไทยตกอยู่ในภาวะ “กรรมตามสนอง” พอสมควร เคยทำม็อบผู้อื่นมามาก ตอนนี้ก็เลยโดนมั่ง

ถูกด้อมส้มบุกละเลงเละถึงพรรค
แถมนักวิชาการและสื่อบางสำนัก “ขัดใจ” หันไปลากไส้พฤติกรรมเพื่อไทยในอดีตออกมาประจานทีละขด-สองขด

เพื่อไทยก็ต้องทำใจนะ และควรต้องทำความเข้าใจกับคำว่า “กรรมเก่าชดใช้-กรรมใหม่อย่าก่อ” ให้ถ่องแท้

วันนี้-๒๕ กค.เห็นว่า ๘ พรรค ๓๑๒ เสียง จะประชุมกัน ก่อนถึงวันโหวตนายกฯ รอบ ๓ พฤหัสที่ ๒๗ กค.

ดูท่าแล้วคงต้องเลื่อนไปก่อน เพราะมีนักวิชาการเขาไปร้องกับ “สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน” ว่าการที่ประชุมรัฐสภาเมื่อ ๑๙ กค.ลงมติว่า

การเสนอชื่อบุคคลให้รัฐสภาเห็นชอบ เพื่อแต่งตั้งเป็นนายกฯถือเป็นญัตติ ซึ่งต้องปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๔๑ ซึ่งกำหนดว่า

ญัตติใดที่ตกไปแล้ว ห้ามนำญัตติซึ่งมีหลักการเช่นเดียวกันขึ้นเสนออีกในสมัยประชุมเดียวกัน นั้น

เป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้ร้องเรียน จึงขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ

เมื่อวาน ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาแล้ว ก็เห็นด้วยกับคำร้อง ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ​ชะลอพิจารณานายกฯ ออกไปก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญ​จะมีคำวินิจฉัย

ก็น่าจะวันนี้ (๒๕ กค.) ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินจะยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ​

ฉะนั้น ๒๗ กค.อาจไม่มีการโหวตนายกฯ
แม้มีการโหวต ต่อให้เพื่อไทยเสนอเทวดาเป็นนายกฯ แต่ถ้ายังมีก้าวไกลร่วมเป็นรัฐบาล ก็ไม่ผ่านความเห็นชอบรัฐสภา!

เรื่องที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความนั้น ในความเห็นผม no problem
โอกาสที่ศาลฯ จะไม่รับเรื่องมีถึง ๙๙.๙๙%!

ร้องประวิงเวลาไปอย่างนั้นเอง ผมว่านะ มันเป็นการเอาข้อบังคับมาเหนือกว่ารัฐธรรมนูญอย่างที่อ้างกันตรงไหน และมันละเมิดสิทธิเสรีภาพบุคคลตรงไหน?

“รัฐสภา” เป็น “องค์กรนิติบัญญัติ”

มติที่ประชุมวันนั้น เป็นมติเห็นชอบร่วมกันของรัฐสภาต่อกระบวนการเสนอชื่อบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ

ซึ่งต้องพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๒๗๒ วรรคหนึ่ง
ไม่ใช่เฉพาะกับตัวนายพิธาโดยตรง

ดังนั้น จะโมเมว่านายพิธาถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพไม่ถูกต้อง

จริงๆ แล้ว ตามมาตรา ๒๗๒ ไม่มีตรงไหนต้องสงสัยเลย เพราะเห็นชัดๆ ว่ามี ๒ วรรค

วรรคแรก บอกให้เสนอชื่อ…ให้สมาชิกรัฐสภาโหวตเป็นนายกฯ ได้คะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่ง คือ ๓๗๖ ขึ้นไป ก็ได้เป็นนายกฯ

เสนอพิธาแล้ว ได้รับความเห็นชอบไม่มากกว่ากึ่งหนึ่ง
การโหวตนายกฯตาม “วรรคแรก” ก็จบไปแล้ว

ที่ดันทุรังกัน จะเอาชื่อพิธามาเสนอใหม่อีก ทั้งที่ที่ประชุมองค์กรนิติบัญญัติมีมติไปแล้วว่า “ไม่เห็นชอบ”
ที่ไม่เห็นชอบ ไม่ใช่ว่าจะเสนอชื่อนายพิธาอีกไม่ได้

เสนอได้ แต่ต้องทำตามขั้นตอน

คือเมื่อตามวรรค ๑ ไม่ผ่าน ก็ต้องดำเนินการตามวรรคสอง ของมาตรา ๒๗๒ ที่ว่า ต้องประชุมร่วมสองสภาโดยพลัน

คือ ขั้นแรก สมาชิกรัฐสภาเสนอให้รัฐสภามีมติยกเว้นไม่ต้องเสนอชื่อนายกฯตามบัญชี หมายถึง ให้เสนอคนนอกเป็นนายกฯได้

ขั้นตอนที่สอง เมื่อรัฐสภาด้วยเสียง ๕๐๐ ให้ยกเว้นได้ ตอนนี้แหละ กลับไปทำตามวรรคแรกได้

คือจะเสนอชื่อคนนอกให้โหวตก็ได้ จะเสนชื่อนายกฯ ตามบัญชีพรรคก็ได้ รวมถึงพิธาที่สอบตกรอบแรกไปแล้วด้วย

แล้วแบบนี้ ๑๑๕ คณาจารย์ ต้องเข้าชื่อเป็นหางอึ่งออกแถลงการณ์ค้านให้ชาวบ้านหยันไปเพื่ออะไร?

มาตรา ๒๗๒ มี ๒ วรรค วรรคแรกตันแล้ว ก็หลับหู-หลับตาจะดันกันเข้าไปอยู่นั่นแหละ

ทั้งที่เขาบอก เมื่อวรรคแรกตัน ก็เปิดวรรคสองเป็นทางให้เดินอยู่ทนโท่ ต้องโง่เบอรไหนนะเนี่ย ถึงได้ “ฉลาดงมโข่ง” กันอยู่แค่นั้น

เอาละ แค่นี้ คงเข้าใจกันนะ

ไม่ต้องไปสับสนกับการตีรวนของพวกก๊วนส้ม เมื่อพรรคอันดับ ๒ ตั้งไม่ได้ ก็ให้ภูมิใจไทย พรรคอันดับ ๓ เขาตั้ง
๑๘๘+๑๔๑ มันก็ตั้ง ๓๒๙ เข้าไปแล้ว

เมื่อไม่มีก้าวไกลร่วม จะเอาจากสว.อีกเท่าไหร่ ขี้เกียจเขาจะรีบทูนหัวทูนเกล้าให้ด้วยซ้ำ!

เปลว สีเงิน

๒๕ กรกฏาคม ๒๕๖๖

Written By
More from plew
“อนุทิน” เปิดสัปดาห์สุขภาพจิตแห่งชาติ จ.นครราชสีมา แนะวัยรุ่นมองโลกแง่บวก ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดงานสัปดาห์สุขภาพจิตแห่งชาติ ประจำปี 2565 จังหวัดนครราชสีมา แนะวัยรุ่นมองโลกในแง่บวก ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ อยู่กับปัจจุบัน พัฒนาจิตใจตนเองให้พร้อมเสมอ และช่วยเหลือผู้อื่นเท่าที่จะช่วยได้ เผย ข้อมูลคัดกรองสุขภาพใจคนไทย...
Read More
0 replies on “ไม่มีอะไรนอกจาก “ตีรวน”- เปลว สีเงิน”