“Day Care 3 เดือน – 3ปี” ตอบโจทย์พัฒนาเด็กไทย นมแม่ควบคู่การเลี้ยงดูคู่เรียนรู้แบบมีคุณภาพ

จากรายงานการสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย MICs 6 (MICs: Multi Indicator Cluster Survey) พ.ศ.2565 ประเทศไทยมีอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนอยู่ที่ร้อยละ 28.6 และลดลงเมื่อครบกำหนดลาคลอด 3 เดือน
เมื่อแม่ต้องกลับไปทำงานหน้าที่ในการเลี้ยงดูเด็กจึงอยู่ที่ปู่ย่าตายายสูงถึงร้อยละ 70.6 ซึ่งมีผลต่อคุณภาพในการเลี้ยงดูเด็กเล็กในช่วงวัยที่เรียกว่า “หน้าต่างแห่งโอกาส” ที่จะต้องเริ่มต้นด้วย “นมแม่อย่างเดียว 6 เดือน นมแม่ควบคู่อาหารตามวัย และการเลี้ยงดูคู่เรียนรู้ที่เหมาะสมกับพัฒนาการในแต่ละช่วงอายุ” มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย จึงได้ดำเนิน โครงการสร้างสุขภาวะเด็กไทยด้วยนมแม่ ฝ่าวิกฤติโควิด-19 และสานพลังเครือข่ายสู่การขยายผล เพื่อสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้มีแนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนในสังคมไทย สร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และการเลี้ยงดูคู่การเรียนรู้อย่างเหมาะสมกับช่วงวัย โดยได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)

ศ.คลินิก พญ.ศิราภรณ์ สวัสดิวร ผู้จัดการโครงการสร้างสุขภาวะเด็กไทยฯ เปิดเผยว่า การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นหัวใจและจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการสร้างต้นทุนสุขภาพที่ดี ซึ่งเด็กทารกหลังคลอดถึง 3 ปีนั้นถือว่าเป็นช่วงวัยที่เป็นหน้าต่างแห่งโอกาสที่สำคัญของชีวิต นมแม่และการเลี้ยงดูคู่เรียนรู้เป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนากำลังคน สร้างคนไทย 4.0 เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในศตวรรษที่ 21

“นมแม่เป็นต้นทุนด้านอาหารที่มีประสิทธิภาพสูง มีสารอาหารสำคัญครบถ้วน ช่วยให้เด็กมีร่างกายแข็งแรงและมีภูมิต้านทานสูง เด็กวัยก่อน 3 ขวบถือเป็นช่วง Sensitive Period โครงสร้างสมองของมนุษย์มากกว่าร้อยละ 80 จะเกิดการพัฒนาขึ้นในช่วงนี้ เมื่อแรกเกิดสมองทารกมีจำนวนเซลล์สมองประมาณ 86,000 ล้านเซลล์ และมีเซลล์พี่เลี้ยง เช่น glia cell อีกประมาณ 85,000 ล้านเซลล์ การที่สมองมีการเจริญเติบโตจนมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น เป็นผลจากการขยายใยประสาทและการเพิ่มจุดเชื่อมต่อ ซึ่งตัวกระตุ้นให้เกิดคือประสบการณ์การเลี้ยงดู การเรียนรู้ที่เกิดขึ้นรายวันและอาหารที่เด็กได้รับ ข้อมูลวิชาการยืนยันว่าถ้าลูกได้กินนมแม่ลูกมีโอกาสฉลาด และยิ่งได้กินมากยิ่งมีโอกาสฉลาดมาก แต่จะมีผลดีมากกว่านี้ หากลูกได้นมแม่ควบคู่กับการเลี้ยงดูคู่เรียนรู้แบบมีคุณภาพ”

ผศ.ดร.จริยา วิทยะศุภร ที่ปรึกษาโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี และกรรมการมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันแม่สามารถลาคลอดได้เพียง 3 เดือน และเมื่อแม่ต้องไปทำงานส่วนใหญ่ฝากลูกไว้กับปู่ย่าตายายหรือสถานรับเลี้ยงเด็กเล็กทั้งที่มีและไม่มีคุณภาพ ซึ่งแนวคิดในการเลี้ยงดูเด็กในยุคปัจจุบันก้าวไกลไปมาก นอกจากต้องเลี้ยงดูด้วยความรัก ความเอาใจใส่และความผูกพันแล้ว มีงานวิจัยและทฤษฎีต่างๆ ระบุชัดว่าเด็กต้องได้รับการดูแลและพัฒนาในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะการพัฒนาด้านสมองเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ จำเป็นต้องได้รับการพัฒนาตั้งแต่แรกเกิดผ่านการสร้างกระบวนการเรียนรู้อย่างเหมาะสมในแต่ละช่วงวัย

“ มูลนิธิศูนย์นมแม่ฯ จับมือกับคณะแพทย์ศาสตร์และคณะพยาบาลศาสตร์ของมหาวิทยาลัยต่างๆ สร้างต้นแบบสถานพัฒนาเด็กเล็ก และร่วมมือกับกรมอนามัยที่ได้เชิญชวนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มี Daycare เด็กโต 3-6 ปี ให้ขยายการรับเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ซึ่งจำเป็นต้องพัฒนาบุคลากรผู้ให้การเลี้ยงดูเด็กเหล่านี้อย่างมีคุณภาพ บุคลากรพยาบาลรับผิดชอบหลักให้การดูแลสุขภาพและคุณครูปฐมวัยรับผิดชอบหลักการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ตามเกณฑ์มาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ 2562 โดยร่วมกันบูรณาการการดูแลและการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์การเล่นและการช่วยเหลือตนเองของเด็ก นอกจากนี้มีการเชื่อมโยงระหว่างบุคลากรและคุณแม่ของเด็กเพื่อให้เข้าใจและตระหนักรู้ถึงประโยชน์ที่แท้จริงของนมแม่ ทำให้แม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนต่อเนื่องด้วยนมแม่ร่วมกับอาหารตามวัยถึง 2 ปีหรือนานกว่าได้ เด็กมีการเจริญเติบโตสูงดีสมส่วน และมีพัฒนาการที่สมวัย ในปีนี้เราได้สร้าง Daycare ต้นแบบ 10 กว่าแห่ง เพื่อเป็นพี่เลี้ยงในการให้คำแนะนำหรือขยายผลสู่ Daycare องค์กรส่วนภูมิภาค และวางแผนร่วมมือกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พัฒนา Daycare ในสถานประกอบการของภาคเอกชน รวมไปถึงมีความพยายามที่จะขับเคลื่อนกฎหมายลาคลอดให้เพิ่มเป็น 6 เดือน”

“การรณรงค์สัปดาห์นมแม่โลกในปีนี้มีสโลแกนว่า สานพลังสร้างสรรค์สังคมนมแม่เพื่อพ่อแม่ที่ต้องทำงาน ดังนั้น Daycare 3 เดือน – 3ปี จึงตอบโจทย์ความต้องการของแม่ทำงานที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ วันนี้เรามีอัตราการเกิดที่ลดลงกว่าร้อยละ 50 เราจะทำอย่างไรให้เด็กไทยที่เกิดน้อยต้องไม่ด้อยคุณภาพ เป็นความฝันในการมีสถานดูแลเด็กเล็กที่มีคุณภาพใกล้บ้าน เพื่อช่วยกันดูแลและสร้างเด็กไทยที่มีคุณภาพ” ศ.คลินิก พญ.ศิราภรณ์ กล่าว

“มีการศึกษาพบว่าการลงทุนเลี้ยงดูเด็กในช่วงปฐมวัย 6 ขวบปีแรก จะมีผลตอบแทนสูงถึง 6.7-17.6 เท่า ยิ่งลงทุนตั้งแต่ระยะตั้งครรภ์ยิ่งให้ผลคุมค่า โดยช่วงอายุ 3 ขวบปีแรกจะให้ผลตอบแทนสูงกว่าช่วงอายุ 4-5 ขวบ ดังนั้นการจัดระบบบริการสถานพัฒนาเด็ก(daycare) สำหรับเด็กกลุ่มต่ำกว่า 3 ขวบ เป็นรอยต่อก่อนเข้าโรงเรียนอนุบาลจึงมีความจำเป็น เป็นช่วงเวลาสำคัญของการสร้างรากฐานชีวิตทุกด้าน ทั้งด้าน ร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ และสังคม” ผู้จัดการโครงการฯ กล่าวย้ำ

สำหรับแม่ที่กำลังตั้งครรภ์-หลังคลอด สามารถศึกษาหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพื่อเตรียมตัวอย่างถูกต้องได้ที่ www.thaibf.com หรือที่ Facebookเพจ : Thaibf และ นมแม่ หรือดาวน์โหลด Application : Everyday Doctor ของกรมอนามัยที่เปิดคลินิกนมแม่ออนไลน์ เพื่อให้คำปรึกษาแม่ที่มีปัญหาในการให้นมแม่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

Written By
More from pp
ปล่อยวางไม่ได้ – สันต์ สะตอแมน
สันต์ สะตอแมน “พวกเรายังรักและนับถือพี่แอ๊ดเสมอเสมอและตลอดไป ไม่เกี่ยวกับลูกพี่ ขอบคุณค่ะ” นี่..เป็นข้อความทิ้งท้ายของคุณกานต์ วิภากร ภรรยา คุณเสก โลโซ ที่ได้โพสต์เมื่อวันวาน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าพี่แอ๊ด...
Read More
0 replies on ““Day Care 3 เดือน – 3ปี” ตอบโจทย์พัฒนาเด็กไทย นมแม่ควบคู่การเลี้ยงดูคู่เรียนรู้แบบมีคุณภาพ”