12 พฤษภาคม 2566 ณ ศูนย์สรรพสินค้า Show DC ถ.พระราม 9 เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและแกนนำพรรค นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้อำนวยการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ, นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์, นางสาวศุภมาส อิศรภักดี ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ,
นางสาวอนุสรี ทับสุวรรณ ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ และทีมผู้สมัครกรุงเทพมหานคร เปิดเวทีปราศรัยหาเสียงท่ามกลางประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมกว่า 5 พันคน บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยระหว่างการปราศรัยนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้ปรากฏตัว ที่ทางด่วนด้านบนจุดปราศรัย ก่อนที่นายชูวิทย์จะเดินทางกลับไปโดยไม่มีเหตุวุ่นวาย
นายอนุทิน กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า วันนี้ผมมีความพร้อมที่จะรับใช้พี่น้องประชาชนทั้งชาวกรุงเทพฯ และคนไทยทั่วประเทศ ผมขึ้นมาอยู่ถึงจุดนี้ได้ไม่มีทางลัด แต่มาด้วยผลงาน
“ก่อนหน้านี้มีการใช้คำสรรพนามว่าพวกแม่ง ถ้าหมายถึงผม แล้วผมมีโอกาสทำงาน ผมจะทำงาน จนคนที่เรียกผมว่าแม่ง เปลี่ยนมาเรียกผมว่าท่าน”
เชื่อว่าประชาชน เห็นการทำงานของเรา ก็จะเห็นว่าพรรคภูมิใจไทยพูดจริงพูดแล้วทำ เราก็มาทำงานด้วยสติ เข้ามาทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน เรื่องความขัดแย้ง ตนเชื่อว่า ทำให้คนไทยเสียโอกาสมาเยอะ มันถึงเวลาต้องกอดกัน ต้องช่วยกันแล้ว
“พรรคภูมิใจไทย 4 ปีที่ผ่านมา คน กทม. เจอ PM 2.5 เราเอาเมล์ติดแอร์มาให้บริการประชาชนไม่มีควัน ไม่มีฝุ่น ไม่มีเสียง ปีหน้า 5,000 คันวิ่งเต็ม กทม. เดินทางได้เลย ตลอดสาย ตลอดวัน นี่คือความใส่ใจที่พรรคภูมิใจไทยมอบให้ชาว กทม. เราขอหมั้นท่านด้วยผลงานของเรา”
4 ปีที่ผ่านมาพา เรายกระดับทั้งคุณภาพชีวิต การสาธารณสุข การคมนาคมเศรษฐกิจปากท้องของพี่น้องประชาชน คนไทยทุกคน
ขณะที่นายพุทธิพงษ์ กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า พรรคภูมิใจไทยมั่นใจมาก เราไม่สนกระแส เพราะเรามั่นใจในตัวพี่น้องประชาชน วันนี้ คนชื่ออนุทิน อยู่ตรงกลางเดินหน้าแก้ปัญหาไม่สนใจใครเลย วันนี้พี่น้องกลับไปขึ้นแฮชแท็กเลย “อนุทินไปต่อไม่รอแล้ว” ปล่อยให้ลุงกับหลานเขาทะเลาะกันไป เพราะวันนี้ปัญหาของพี่น้องประชาชนมีเยอะ นายอนุทินจึงขอเดินหน้าทำงานให้พี่น้องประชาชนลูกเดียว
“มีคนปรามาสหัวหน้าพรรค และตน ว่าไม่เคยมีส.ส.ในกทม. อยู่บ้านนอกดีแล้ว ซึ่งหัวหน้าพรรคบอกอย่าไปโต้เถียงหรือว่าใคร ให้ตั้งใจทำงาน แล้วประชาชนจะเข้าใจเราเอง”