คลิกฟังบทความที่…?
เปลว สีเงิน
“ม้าพิธา” กับ “ม้าอุ๊งอิ๊ง”
“ค่ายเดียวกัน” แต่แยก ๒ คอก เป็น “คอกส้ม-คอกแดง”
แรกๆ ก็อี๋อ๋อกันดี
แต่ตอนนี้ “ผีไม่เผา-เงาไม่เหยียบ” กันซะแล้ว
เหตุจาก “แหติดตอ”!
“แห” คือนโยบาย “ล้มเจ้า-ล้มสถาบัน-ล้มกองทัพ-ล้มสถาบันครอบครัว” ของก้าวไกล เขาเข้าใจว่า “ติดตลาด” แล้ว
ที่แท้ “ตลาด” คือ “ตอ”!
พวกส้มก็กระดี๊กระด๊า ขนาด “ช่อ-พรรณิการ์” ปราศรัยเต็มปากว่า อีก ๔-๕ วัน พิธาก็จะได้เป็นนายกฯ แล้ว จึงมีขบวนการจ้องทำลายพิธาด้วยเรื่องถือหุ้น ITV
นี่ผมฟังจากข่าวช่อง ๓๖ เย็นวานนี้ ยังสดๆ อยู่ในรูหู
ฝ่ายเพื่อแดง-เพื่อไทย ก็แหติดตอเหมือนกัน
มั่นใจตามโพลฝรั่ง ยังไงๆ ก็ต้อง “แลนด์สไลด์” กูจะเป็นรัฐบาลพรรคเดียวไม่ให้พรรคไหนมาเอี่ยวเก้าอี้รัฐมนตรีด้วย
ถึงขั้น “เศรษฐา” คนที่ไม่เคยอ่านนิทานอีสปเรื่อง “สุนัขกับก้อนเนื้อในน้ำ” สำรากวรรคทองกับพวกแท็กซี่สาวกแดง ว่า
“ผมเดินทางมาเนี่ย ๖๐ วัน ไข้ขึ้นมาทุกวัน เป็นเวลา ๑๑ วันแล้ว เหนื่อยยากขนาดนี้ ผมไม่เอากระทรวงดี ๆ ไปให้พวกแม่งหรอก”
ภาษิตโบราณว่า “มีเงินนับเป็นน้อง มีทองนับเป็นพี่”
แต่ภาษิตยุคคนกินชาติมีว่า
“มีเงินนับเป็นน้อง มีทองนับเป็นพี่ แต่เก้าอี้นายกฯ ไม่มีพี่-ไม่มีน้อง ต้องตายกันไปข้าง”
ตอนนี้ พรรคส้ม-แดง เลยต่างฝ่าย-ต่างไล่ฟัดกันเอง ด้วยต่างหลงเข้าใจว่า
ตอที่แหติดนั้นคือ “ปลาตัวใหญ่” กูจะเอาไว้กินคนเดี่ยว ไม่แบ่งใคร!
นี่คือ “โลภระหว่างรบ” ของ ๒ ค่าย ๒ สี แต่ DNA “รวยแล้วไม่โกง” เดียวกัน
อีก ๓ วันนับจากนี้ ก็จะถึง ๑๔ พฤษภา.วัน “เข้าคูหากาบัตรเลือกตั้ง”
ในขณะที่ “แดง-ส้ม” ฟัดกันนัวเนียด้วยมโน “แหติดตอ”
“พี่ตู่-รวมไทยสร้างชาติ”……..
สะเป๊อะ-สะป๊ะ สัตย์ซื่อตามประสาพระเอก “ทหารลูกทุ่ง” ปรากฏว่า ทั้งเสียง-ทั้งคะแนน ไหลมา-เทมา ยังกะน้ำป่าหลาก กลายเป็นม้านำโด่งใน “ทางโล่ง” ตัวเดียวโดดๆ
ตามมาติดๆด้วย…….
ม้าอนุทิน-ภูมิใจไทย, ม้าป้อม-พลังประชารัฐ, ม้าจุรินทร์-ประชาธิปัตย์ และม้าวราวุธ-ชาติไทยพัฒนา!
ทำเป็นเล่นไป “ตู่-ตลาดแตก” มีสิทธ์เข้าป้ายเป็นม้าวิน ด้วยคะแนนพรรคเกิน ” ๑๐ ล้านเสียง” (ไม่ถึง…ก็ถือว่าผมไม่ได้พูด)
ทฤษฎีการเมืองเรื่องกินเมือง เขาชอบ “รัฐบาลพรรคเดียว”
เพราะพรรคเดียว คือ “ประชาธิปไตยเบ็ดเสร็จ”
ที่แปลเป็นไทยว่า “โกงเอาไปแบ่งกัน”!
แต่คนมีประสบการณ์ทางการเมือง เขาชอบ “รัฐบาลผสม”
นอกจากแต่ละพรรคจะ “คานอำนาจ” คอยกระแอมกันเองในครม.แล้ว ยังเข้าลักษณะที่ว่า
“รัฐบาลผสม หลายหัวคิด ผนึกเป็นกอไผ่ หักยาก มาก ประโยชน์ ถ้าได้ตัวนำที่ดี”
นี่ไม่ใช่ผมพูดเรื่อยเปื่อย ตัวอย่างมีมาแล้ว ในยุคทักษิณ เลือกตั้งปี ๒๕๔๘
“พรรคไทยรักไทย” เลือกตั้งชนะ ๓๗๗ สส.ในจำนวนเต็ม ๕๐๐ ขึ้นเป็น “รัฐบาลพรรคเดียว” เบ็ดเสร็จ
แล้วเป็นไง เบ็ดเสร็จนั้น อยู่ได้ซักปีมั้ง ม็อบต้านกินเมืองเต็มเมือง ถึง ๑๙ กรกฏา.๔๙ ไปแล้ว-ไปลับ ไม่กลับมาถึงวันนี้!
แล้วดู “รัฐบาลผสม” พี่ตู่ซี ………
เลืกตั้งปี ๖๒ พรรคใหญ่ พรรคเล็ก ๒๐ พรรคได้มั้ง ร่วมเป็นรัฐบาล
จากว่า “เดี๋ยวก็คว่ำ” แต่กลับอยู่จนฝ่ายค้านต้องกราบมือ-กราบตีนขอให้ยุบสภา พวกข้าจะได้มีโอกาสไปผุด-ไปเกิดบ้าง!
ตรงนี้ สะท้อนให้เห็นว่า “ต่างคิด” นั้น ไม่ใช่อุปสรรค
ถึง “หางจะกระดิก” บ้าง แต่ “หัวไม่ส่าย” ซะอย่าง
ทุกอย่างก็ “เอาอยู่” (ไม่เชื่อถามยิ่งลักษณ์)
ตรงข้าม จะกลับเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำ ในความคิด-ความเห็นต่างที่คนเป็นผู้นำคอยบริหาร มันจะไปสู่การ “ร่วมทำ” ในทิศทางที่ตกผลึก
การพัฒนาประเทศที่เห็นเป็นรูปธรรมขณะนี้มากมาย ก็จากรัฐบาลผสมพลังประชารัฐ ๔ ปี ที่พลเอกประยุทธ์เป็นตัวนำ
ก็เห็นๆ กันอยู่!
แต่ผมหน่อมแน้มอยู่อย่าง อยากให้ช่วยบอกเหมือนกันว่า ด้วยอะไร…เขาถึงมั่นอก-มั่นใจว่า ก้าวไกลจะชนะเลือกตั้ง แล้วพิธาได้เป็นนายกฯ?
พิธาเนี่ยนะ จะเป็นนายกฯ ของประเทศไทย?!
โอ..พ่อนาก แม่นาคพระโขนง ยาวไปยันตราด ช่วยบอกลูกช้างด้วยเถิด ว่าประเทศไทยมันจะดำดิ่งไปถึงจุดนั้นแล้ว?
โอ..มาย ก๊อด ด้วยก็ได้ ช่วยตอบที!
ผมไม่ได้ดูถูก-ดูแคลนนายพิธา และนโยบายเลือกก้าวไกลให้เข้าไปเปลี่ยนแปลงประเทศ อะไรนั่นหรอก
หากแต่พูดเพราะ “มั่นใจ-ศรัทธา” DNA พี่น้องไทย ว่าไม่มีใครต้องการให้เปลี่ยนราชอาณาจักรไทยไปเป็น “สาธารณรัฐ”
และมีประธานาธิบดีแทนสถาบัน “ชาติ-ศาสน์-กษัตริย์” ตะหาก!
พวกที่มุ่งล้มสถาบันก็ไทย …….
บางคนถึงจะเป็นไทยตามบรรพบุรุษเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารก็เถอะ
แต่เราไม่มีความรังเกียจเดียดฉันท์กัน นับเป็นสายเลือดไทยเท่าเทียมกันแท้จริง
ยกตัวอย่าง เช่น “ธนาธร-พิธา” นี่ก็พี่น้องไทยด้วยกัน ทั้งสองคน ปากพร่ำว่า “เป็นคนต้องเท่าเทียมกัน”
แต่ครอบครัวคุณรวยเป็นพัน-เป็นหมื่น-เป็นแสนล้าน
แล้วส้มสามกีบสาวกพวกคุณที่ออกมาเลอะเทอะตามถนนนั่นน่ะ มีใครมั้ย ที่รวยทัดเทียมพวกคุณ?
เห็นมีแต่ ติดคุกแล้ว แปะเบอร์บัญชี?
แบบนี้ถือว่าเฮงซวย ปั่นหัวใช้กันนี่หว่า หรือว่าไม่จริง?
ในความเป็นคนไทยด้วยกัน คุณต้องเชื่อนะว่า “พระสยามเทวาธิราช” มีจริง
จริงที่ว่านั้น ใครที่ซื่อสัตย์ต่อชาติ-ต่อแผ่นดิน จะอยู่สุข สืบทรัพย์สิน ไม่หมด-ไม่สิ้น บนแผ่นดินไทย
แต่ใครที่คด คิดอสัตย์ ทำไม่ซื่อ ต่อชาติ-ต่อแผ่นดิน มันผู้นั้น จะอยู่ไม่สุข ทุกข์ซ้ำ-กรรมซัด-วิบัติเป็น
คือ ใครเมื่อคิดผลาญชาติ….
ครอบครัว-วงศ์ตระกูล กระทั้งตัวของมันผู้นั้น จะมีอันเป็นไปในทางวิบัติ ฉิบหาย ล้มละลาย ขายตระกูล
ทั้งในเบื้องต้น-ท่ามกลาง แลบั้นปลาย เห็นได้ในชีวิตนี้!
พิธา-ธนาธร และพวกคุณ เชื่อเรื่องนี้ เชื่อใน “พระสยามเทวาธิราช”พระผู้คอยปกปักพิทักษ์รักษาบ้านเมืองไทย” กำจัดคนพาล อภิบาลคนดี”มั้ย?
ผมเชื่อนะ เพราะผมเป็นคนไทยรุ่นเก่า ที่ยึดมั่นใน “ชาติ,ศาสน์,สถาบันพระมหากษัตริย์” ถึงอยู่มาได้ร่วม ๑๐๐ ปีแล้วไง
แต่คุณ เป็นคนไทยรุ่นใหม่ และตีค่าคนรุ่นใหม่ ตามลัทธิศาสดาปิยบุตรว่า
ประเทศไทย ต้องปฎิวัติ ล้มล้างของเก่าชนิด “ขุดราก-ถอนโคน”!
แล้วรุ่นใหม่แบบนี้ พวกคุณจะอยู่ได้ซักกี่ปี?
อิจฉาปลวกกับเงินหมื่นล้าน-แสนล้านพวกคุณนะ
พิธาน่ะ…เคยคิดมั้ย?
ว่าตั้งนมนานกาเล ถือครอง ๔๒,๐๐๐ หุ้น ไอทีวีอยู่ ไม่มีใครปูดเรื่องนี้
แต่พอได้รับการอวยยศเป็น “พ่อของส้ม” จะได้นั่งเก้าอี้นายกฯเท่านั้นแหละ
“นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” ไปร้องกกต.ให้สอบเลย!
รู้ใช่มั้ย ว่าครอบครัวเพื่อไทยเขาประกาศมาตั้งนานแล้วว่า “เก้าอี้ของข้าใครอย่าแตะ”
แล้วเป็นไง แตะปุ๊บ เป็นเรื่องปั๊บ!
ภาพยนต์เรื่องลกเจ๊กตอนเป็นเด็กโกหกว่าถูกทหารกักตัวจนไปคารวะศพพ่อไม่ทัน ก็คงอวสานแบบเดียวกับเรื่อง “ซุกหุ้นสื่อ” ภาค ๑ เมื่อปี ๒๕๖๒
ความลับเรื่องถือหุ้นไอทีวีหลุดถึงมือเรืองไกรได้ยังไง?
จะยังไม่มีใครรู้ จนกว่าจะรู้ว่า….
“ตกม้าตาย” ทั้งคู่แล้วนั่นแหละ!
เปลว สีเงิน
๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๖