14 ก.พ.2564- นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะเกิดขึ้นว่า
หลักการที่สำคัญคือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นกลไกที่สำคัญในระบบประชาธิปไตย ที่ต้องมีการตรวจสอบถ่วงดุลจากฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อตรวจสอบการทำหน้าที่ของรัฐบาล ญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจคือข้อกล่าวหา รัฐมนตรีที่ถูกกล่าวหาก็ต้องชี้แจง ข้อมูลของทั้งสองฝ่ายมีความสำคัญ ฝ่ายค้านถ้าข้อมูลไม่ดี ไม่เป็นความจริงก็ต้องรับผิดชอบ ยุคสมัยนี้ข้อมูลสื่อสาร การรับรู้ที่รวดเร็ว ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน
หลักการในการอภิปรายมีข้อบังคับการประชุมกำหนดไว้ชัดเจน สิ่งไหนพูดได้สิ่งไหนพูดไม่ได้ ข้อที่ 69 สำคัญที่สุดคือ การอภิปรายต้องอยู่ในประเด็นหรือเกี่ยวกับประเด็นที่กำลังปรึกษากันอยู่ ต้องไม่ฟุ่มเฟือย วนเวียน ซ้ำซาก หรือซำ้กับผู้อื่น และห้ามไม่ให้นำเอกสารใด ๆ มาอ่านให้ท่ีประชุมฟัง โดยไม่จำเป็น และห้ามไม่ให้นำวัตถุใด ๆ เข้ามาแสดงในที่ประชุม เว้นแต่ประธานจะอนุญาต
ห้ามผู้อภิปรายแสดงกิริยาหรือใช้วาจาอันไม่สุภาพ ใส่ร้าย หรือเสียดสีบุคคลใด และห้าม กล่าวถึงพระมหากษัตริย์หรือออกช่ือสมาชิกหรือบุคคลใดโดยไม่จำเป็น
เชื่อว่าหากการอภิปรายยึดตามข้อบังคับ การตรวจสอบถ่วงดุลในครั้งนี้ก็จะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศ
นายราเมศ กล่าวต่อว่า เชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ตรงไปตรงมา มีความเป็นกลาง และด้วยข้อบังคับที่ระบุไว้ชัดหากมีการฝ่าฝืน มีการกล่าวถึงสถาบันโดยไม่จำเป็นประธานสภาก็ต้องดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับอยู่แล้ว ทุกคนทุกพรรคต้องรู้ว่าสิ่งไหนควรหรือไม่ควร ก็จะเป็นผลดีต่อการอภิปรายหากยึดหลักการอภิปรายอย่างสร้างสรรค์
ส่วนรัฐมนตรีของพรรคพร้อมชี้แจง ไม่มีความหวั่นไหวใดๆทั้งสิ้น เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ชี้ให้ฝ่ายค้านเห็นว่า รัฐมนตรีของพรรคนอกจากไม่มีการทุจริตแล้ว มีผลงานมากมายที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนและประเทศ ในช่วงที่มีการอภิปรายนอกจากมีคณะทำงานด้านติดตามและสนับสนุนข้อมูล นำโดยนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ จะมีทีมสื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชน เพื่อให้ได้รับรู้ข้อมูลที่ถูกต้อง ขณะนี้ทีมงานทุกคนพร้อมเต็มที่