เปลว สีเงิน
ต้องถามท่านแล้วหละว่า….
ซักฟอกนายกฯ ลูกทักษิณ ๒ วันที่ผ่านไป เป็นไงบ้างครับ มันหยดติ๋งสมราคาคุยพรรคฝ่านค้านมั้ย?
ผมมัวเอาแต่ป่วยรายเดือน รำคาญโรคล่าชีวิต เลยหนีมันไปเที่ยว มันก็ยังอุตส่าห์ตามไป
มันตามไป เราก็หนีกลับ ครั้นจะร้อง กี้..กี้..กี้ เพื่อเรียกแรง นั่งดูหน้าจอ ก็ไม่ไหว พักเอาแรงซะคืน เพื่อจะฝืนมาทำงานหาเงินไปเลี้ยงโรงพยาบาล
จากที่เคาะถามในที่ทำงาน เขาบอกในภาพรวมว่า ฝ่ายค้าน-พรรคประชาชน เที่ยวนี้ปรับลกการอภิปราย จากรุ่นใหม่ “ร่างกายอยากปะทะ”
เหมือนเหล้าบ่มผ่านไป ๑ สมัย ความร้อนแรงในลีลาท่าทางและน้ำเสียงอภิปราย ดีกรีลดกร่างลง
จาก “รุ่นใหม่” เลือดร้อน ประสบการณ์บ่มหมักสู่ขั้น “วัยกำลังใช้งาน” ทั้งพูดจา ลีลา ท่าทาง ค่อยละเมียด-ละไม สุขุม-นุ่มลึก ไม่บาดคอ-บาดตีนผู้ชม ผู้ฟังเหมือนก่อน
และผมดูตามโชชียล….
ถึงขั้นมีคนออกโพสต์ เมื่อก่อนเคยเกลียดรุ่นใหม่พวกนี้ ที่กร่าง ดิบ ไม่รู้จักแยกแยะในความพอดี
แต่ฟังอภิปรายรอบนี้ ถึงเกลียดยังไม่กลาย….
แต่ใจ “ยอมรับได้” ในอภิปรายที่มีเนื้อหานำหน้า การพูดจากริยาเกรี้ยวกร้าน
แล้วเขาก็ยกการอภิปรายของ สส.วิโรจน์ ที่พูดเรื่อง การออกตั๋ว PN ของนายกฯ ล่อแหลมเข้าข่ายเจตนา “เลี่ยงภาษี”
และสส.โรม ที่อภิปรายเรื่องชั้น ๑๔ ลำดับความเจ๋ง ความกร่าง-กร้าว แบบดิบๆ ลดลงไป เสริมเน้นตำแหน่ง “ดาวสภา” ในอนาคต ไม่หนีไปไหน
ยังไม่หมดเท่านี้ หัวหน้าฝ่ายทีวีออนไลน์ไทยโพสต์ เจอหน้าผม เขายังถาม “เมื่อคืน… “หมายถึงคืนวันที่ ๒๔ มีนา.” ตอน ๕ ทุ่ม ดู สส.พริษฐ์อภิปรายหรือเปล่า?”
พอผมบอกไม่ได้ดู เพราะ ๕ ทุ่ม ผมหงายเก๋งไปแล้ว เขาก็บอกว่า
“เที่ยวนี้พริษฐ์อภิปรายดีมาก” เรื่องขัดขวางประชาธิปไตยหรืออะไรนี่แหละ
ถามว่า “ดียังไง?”
เขาว่า อภิปรายแยกแยะเป็นเรื่องๆ เป็นหมวดหมู่ ลำดับความเป็นขั้นเป็นตอน เข้าใจง่าย “อภิปรายดีเลยแหละ น่าฟัง” เขาว่างั้น
สรุปแล้ว ตัวท็อปพรรคประชาชน ทั้งวิโรจน์ ทั้งโรม ทั้งพริษฐ์ ทั้งเนื้อหา ลีลา และคารม-คมคำ แฟนเก่า-แฟนใหม่ ชมกันตรึม
ผมมาได้ดูอภิปรายหน้าจอก็ตอนบ่ายที่สำนักงาน
ตอน “สส.ไหม-ศิริกัญญา” สับนายกฯ “หางแมงป่อง” คาเขียงก่อนเขี่ยลงถังขยะ ด้วยเรื่องบริหารเศรษฐกิจ จากที่ตะโกน รวยไปด้วยกัน มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีกิน มีใช้ไปด้วยกัน
เอาเข้าจริง ต้องเอาหนังควายตากแห้งมาต้มแบ่งกันกิน อดอยากปากแห้งไปด้วยกัน ลำบากยากจนไปด้วยกัน อับอายที่มีนายกฯ Gen Y ลงทุ่ง ควายเรียกพี่
เดือดร้อน “พิชัย-ขุนคลัง” ในคอกพ่อ ต้องควานเศษเนื้อขึ้นมา รักษาหน้าผู้นำ “มีกิน-มีใช้ พวกเราจะรวยไปด้วยกัน” ด้วยการกางตำราเศรษฐศาสตร์สาธยาย
ปีนี้ จะโต ๓% ปีต่อไป จะโตขึ้นอีก ทำนองว่าให้เพื่อไทยเป็นรัฐบาลไปซักชาติ รับรอง…เศรษฐกิจไทยโตนำหน้าใครๆในอาเซียน!
สรุป เที่ยวนี้ พรรคประชาชน “เตรียมตัวมาดี” เรียกว่ารู้จักใช้อดีตให้เป็นประสบการณ์ในปัจจุบัน
แม้ยังไม่ถึงขั้นเลิศ แต่การปรับทัศนคติตัวเองได้ขนาดนี้ ถ้าลงตะไบอีกหน่อย บอกเลยว่ “มีอนาคต”
แม้หนังที่ฉายจริงเรื่อง “ดีลแลกประเทศ” ไม่มีทีเด็ดตื่นเต้น-เร้าใจ เหมือนในหนังโฆษณาและแผ่นโปสเตอร์ซักเท่าไหร่
ได้ขนาดนี้ นับว่า โอเค.ในระดับหนึ่งแล้วหละ!
เหตุที่คนในสังคมการบ้าน-การเมือง “ส่วนใหญ่” ให้คะแนนความพึงพอใจฝ่ายค้านในการอภิปรายครั้งนี้
คะแนนมาจากไหน รู้มั้ย?
บอกได้เลย มาจาก “ความน่ารังเกียจ” น่าขยะแขยง ที่คนไทยยอมรับไม่ได้ ในกริยาการ “โง่แล้วอวดหยิ่ง”
ทำจิกตากรอกไปมา เบะบูดปาก ซ่อนยิ้มหยันอภิปรายฝ่ายค้าน ทำนอง “ช่างมัน ฉันไม่แคร์”
ยกมือ “กูก็ชนะ” ประมาณนั้น
ที่สำคัญ แก้ข้อกล่าวหาสส.วิโรจน์ไม่ได้ ก็ยกความเข้าข่ม ด้วยถ้อยคำว่า
“แม้ฉันจะอายุน้อยกว่าท่าน แต่ดิฉันมั่นใจว่าเสียภาษีมากกว่าท่านแน่นอน” นั้น
นอกจากเป็น “คนละเรื่อง-คนละประเด็น” ที่เขาตั้งข้อกล่าวหาในการอภิปรายแล้ว
อุ๊งอิ๊งควรทราบ………
“รวย-จน” ไม่ได้เป็นเครื่องหมาย “คนดี-คนเลว, คนซื่อสัตย์-คนคดโกง, คนมีสมองคน หรือ คนมีสมองควาย!
คุณสมบัติพื้นฐาน “ความเป็นคน” ง่ายๆ ขั้นต้น แค่นี้ อุ๊งอิ๊งยังแยกแยะเพื่อรับรู้ไม่ได้
แล้วมาเป็น “นายกฯ” นำบริหารประเทศ ไม่ต้องคิด แค่ในความรู้สึก มันก็ “สุดทุเรศ-เวทนา” แล้ว
เพราะด้วยกรรมเวรคนไทยหรือกรรมเวรประเทศชาติแค่ปางไหนก็ไม่รู้ วันนี้ จึงทำให้หญิงมีแต่กะโหลกและบังเอิญมีเงินอันมีที่มีสับสนมาเป็นนายกฯ บริหาร
ดีอยู่อย่างเดียวที่….
“หญิงมีแต่กะโหลก” วันนี้ ทำให้ “หญิงมีแต่กะโหลก” อีกคนที่เคยเป็นนายกฯ กลายเป็นหญิงที่ดูดีกว่าขึ้นมาทันที
เพราะใน “กระโหลกเธอ” ยังพอมีสมองอยู่บ้าง!
ตอนนี้ “เกรดไทย-เกรดเขมร” ด้านบริหาร ในสายตาสังคมโลก
“มาตรฐานเดียวกัน” เปี๊ยบ!
จาก “พ่อส่งต่อลูก” เป็นการ “สืบต่ออำนาจ” แท้จริงเพื่อควบคุมประเทศสู่ความมั่งคั่งพวกพ้องและวงษ์ตระกูล
มันไม่ใช่แค่วาทกรรมที่เคยใช้โจมตีสมัย “รัฐบาลพลเอกประยุทธ์” แม้กระทั่งพรรคประชาชนเองที่เป็นขมิ้นกับปูนพลเอกประยุทธ์
เมื่อวาน ฟังแว่วๆ สส.ศิริกัญญายังบอกว่า “สมัยพลเอกประยุทธ์บริหาร เศรษฐกิจยังดีกว่าวันนี้”!
ผมว่า คนที่ติดตามการอภิปรายตลอด ๒ วันที่ผ่านมา ซึ่งจะโหวต “ไว้วางใจ-ไม่ไว้วางใจ” กันตอนเช้าวันนี้ (๒๖ มี.ค.)
ประเด็นใหญ่ อยากฟัง-อยาดูนายกฯ อุ๊งอิ๊งว่า จะลุกขึ้นโต้ฝ่ายค้านว่าอย่างไรบ้าง?
แต่อุ๊งอิ๊งกลับทำให้ทุกคนผิดหวังและความทุเรศ ความอัปยศอดสูเข้ามาแทน ที่เห็นเธอลุกขึ้นลอยหน้า ทำว่าข้าเก่ง ข้าแน่
แล้วอ่านไอแพดตามที่ไอ้พวกควายเฒ่าในคอกพ่อเขียนป้อนเข้ามาให้อ่าน ชนิด “ถามแมว-ตอบหมา”
แล้วนึกว่าเท่ อ่านคำที่เขาประดิษฐ์เป็นลีลามาให้อ่านเสียดสี-เย้ยหยันฝ่ายตรงข้าม แถมทำหน้า-ทำตา อุ๊ย..เอาซี้..ตบมา ชั้นก็ตบไป!
อย่างกับลุงป้อม “พลเอกประวิตร” ผมดูในคลิป ตอนอุ้งอิ๊งลุกขึ้นใช้คำพูดล้อเลียน แล้วทำเป็นดูนาฬิกาที่ข้อมือ
โถ….อุ๊งอิ๊งเอ้ย
เรื่องนาฬิกาลุงป้อมน่ะ จะของเพื่อนหรือของใครก็ช่าง
เทียบกับพ่อใครซักคน “โกงชาติ-โกงประชาชน” ทั้งแผนดิน ต้องหนีคดีคอร์รัปชันไป ๑๗ ปี
กลับมา ยอมรับสารภาพว่าโกงจริง ศาลพิพากษาจำคกุ ๘ ปี
ลุงป้อมแค่เอานาฬกาเพื่อนสมัยนักเรียนมาใส่ ซึ่งไม่ได้โกงมา ไม่ได้คอร์รัปชันมา อย่างเก่งราคาก็ไม่ถึง ๑๐ ล้าน
อุ๊งอิ๊ง เสียดสี เยาะหยัน
แต่เมื่อเทียบกับเงินที่ไอ้ตัววายร้ายโกงชาติ-โกงแผ่นดินไป เป็นหมื่นๆ ล้าน ตรงนั้น อุ๊งอิ๊งกลับไม่รู้สึกอะไรเลยหรือ?
เอาละครับ….
วันนี้ ผมเหมือนเพิ่งกลับมารายงานตัว จะคุยให้เต็มพิกัดจากเรื่องที่ฝ่ายค้านอภิปรายและฝ่ายนายกฯ “ถามวัว-ตอบควาย” ก็คงกะพร่อง-กะแพร่งข้อมูล
ก่อน ๒ ยาม เมื่อคืน เขาก็จะปิดอภิปราย เพื่อมาโหวตกันในเช้าวันนี้ ก็คอยดูผล “แพ้-ชนะ” กัน ๔ โมงก็แล้วกัน
ความจริง ไม่ต้องรอโหวตก็รู้แล้ว ประชาธิปไตย ระบบสภา เขาไม่ได้วัดความถูก-ความผิดด้วยคุณธรรมสำนึกมนุษย์
แต่เขาใช้ระบบ “ฝ่ายไหนมือมากกว่า-ฝ่ายนั้นก็ชนะไป” ซึ่งเป็นประชาธิปไตย ระบบมนุษย์วัตถุ
ฉะนั้น ไม่ต้องลุ้นก็ได้ ยังไงๆ ฝ่ายรัฐบาลที่ “ถามวัว-ตอบควาย” ก็ชนะวันยังค่ำ
ลุ้นว่า จะมีลิงจากซีกค้านกี่ตัวดอด “กินกล้วย” รัฐบาลนั่นแหละ!
เปลว สีเงิน
๒๖ มีนาคม ๒๖๘
