ผักกาดหอม
มีกลิ่นตุๆ….
พรรคก้าวไกล เหยียบเรือสองแคม
แคมหนึ่งขา “ศิริกัญญา ตันสกุล” เหยียบอยู่
แคมนี้ถล่มนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตเสียเละเทะ จับคู่ นายกฯ เศรษฐา ซดกันผ่านโซเชียลมันหยดมาหลายวันแล้ว
อีกแคม ขาของ “ชัยธวัช ตุลาธน” เหยียบไว้
ท่าทีเหมือนรอมชอม และพร้อมสนับสนุนแจกเงินหัวละหมื่น
แถมยังรู้สึกวิตกกังวลแทนด้วย
ลึกๆ แล้วคืออะไรกันแน่?
วานนี้ (๑๔ พฤศจิกายน) บทสัมภาษณ์ของ หัวหน้าพรรคก้าวไกล
“…เรามีความกังวลว่าการดำเนินนโยบายเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตอาจจะไม่สำเร็จ เพราะวิธีการที่จะเสนอการออกพระราชบัญญัติ เงินกู้ ๕ แสนล้านบาท ซึ่งทางพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะคุณศิริกัญญา ได้ให้ความเห็นไปแล้วว่า ถ้ารัฐบาลเลือกทางนี้ อาจมีข้อกังวลว่า รัฐบาลอาจสะดุดขาตัวเอง และทำให้ไม่สามารถดำเนินนโยบายนี้ได้…”
“…ยอมรับว่าเป็นความกังวลของพรรคก้าวไกลเหมือนกันว่า ร่าง พ.ร.บ.นี้ จะถูกล้มโดยขั้นตอนของกฤษฎีกาเลยด้วยซ้ำ หากรัฐบาลจะผลักดันนโยบายนี้ต่อ ต้องคิดแผนสำรองไว้…”
“…ต้องเรียนว่าถ้าฟังเนื้อหาสาระของพรรคก้าวไกลอย่างวางอคติ ความเห็นทั้งหมดไม่ได้เป็นการขัดขวางนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เพียงแต่เราวิพากษ์วิจารณ์มีความเห็นท้วงติงว่าด้วยความเป็นห่วงว่า จะไม่สามารถดำเนินการได้สำเร็จ ไม่สามารถตอบโจทย์เป้าหมายในทางนโยบายได้จริง…”
อ่านข้อความทั้งหมดอยู่สองสามเที่ยว ให้ความรู้สึกเดียวกันคือ เหมือนพรรคก้าวไกลเป็นพรรคร่วมรัฐบาล
เทียบกับความเห็นของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ที่ให้สัมภาษณ์วันเดียวกัน จะยิ่งเห็นความผิดปกติของหัวหน้าพรรคก้าวไกล
“…ไม่มีใครจะมัดมือชก หากเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เป็นไปตามนโยบายและชอบด้วยกฎหมาย ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ พรรคร่วมมีหน้าที่สนับสนุน…”
“…เดี๋ยวจะมีขั้นตอน เราต้องดูว่าสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะมีความเห็นอย่างไร ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน มั่นใจว่าต้องทำตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ถ้าไม่ถูกต้องก็ต้องหาวิธีหาหนทางใหม่ที่จะทำ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงจุดนั้น…”
พรรคร่วมรัฐบาลแท้ๆ ยังมีเชิงมากกว่า
หากพรรคก้าวไกลมั่นใจแล้วว่าตัวเองเป็นฝ่ายค้าน ควรมีท่าทีแบบ “ศิริกัญญา ตันสกุล”
ต้องตรวจสอบทุกเม็ด
ตรวจสอบตั้งแต่ยังเป็นนโยบาย ไม่ใช่ไปหูตาแหกเอาตอนที่เขาแจกแล้วเจ๊งแล้ว แบบนั้นเขาไม่เรียกว่าฝ่ายค้าน
เป็นฝ่ายรอเสียบเสียมากกว่า
ท่าทีของ “ชัยธวัช ตุลาธน” ดีกรี ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร น่าจะมีปัญหาครับ
การแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตมีผู้เห็นปัญหามาก่อนที่ นายกฯ เศรษฐา จะกลับลำประกาศว่า ต้องออกเป็น พ.ร.บ.กู้เงิน มานานหลายเดือน
และการออก พ.ร.บ.ไม่ใช่ปัญหาเดียวของนโยบายนี้ แต่ “ชัยธวัช ตุลาธน” กลับโฟกัสไปที่การออก พ.ร.บ.เท่านั้น
เหมือนเอาใจช่วยรัฐบาลให้ผ่านไปให้ได้ มากกว่าที่จะทำหน้าที่ตรวจสอบในฐานะฝ่ายค้าน
แบบนี้เขาไม่เรียกว่าการเมืองมิติใหม่หรอกครับ
เหยียบเรือสองแคมเสียมากกว่า!
ฝั่งรัฐบาลเองก็เริ่มหาพวก
วันก่อนบอกว่า “ศิริกัญญา ตันสกุล” เห็นด้วยตอนเล่นละครตั้งรัฐบาล ๘ พรรค
ต่อมาอ้างว่า ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ เสนอให้ทำเป็นพระราชบัญญัติกู้เงิน
ล่าสุดมาลงที่ประชาชนครับ
อ้างว่าประชาชนเลือกมาแล้ว ก็ต้องทำตามสัญญาประชาคม
นับวัน “ภูมิธรรม เวชยชัย” จะเลอะเลือนมากขึ้นไปทุกที ใช้ตรรกะวิบัติมาอธิบายถึงความจำเป็นต้องแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต
“…ความคิดเห็นที่วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้มีทั้งสนับสนุนและไม่เห็นด้วย อยากให้พิจารณาว่าพรรคเพื่อไทยได้เสนอเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งเป็นสัญญาประชาคม และในเมื่อประชาชนตัดสินใจเลือกพรรคเพื่อไทยเข้ามา และพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลในการบริหารประเทศ
ก็ต้องยอมรับว่าในกระบวนการประชาธิปไตยหากจะเดินหน้าไปได้ ก็ต้องยอมรับสิ่งที่ประชาชนเรียกร้องและตัดสินใจ
ดังนั้นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยกำลังทำในฐานะรัฐบาล หรือการทำคือการทำตามเจตนารมณ์ของประชาชน
ส่วนที่มีความคิดเห็นที่แตกต่าง เราไม่ได้นิ่งนอนใจรับฟังความคิดเห็นมาโดยตลอด และได้พูดย้ำหลายครั้งอยากให้วิพากษ์วิจารณ์โดยคำนึงถึงสองเรื่อง คือกระบวนการประชาธิปไตยที่จะต้องเดินหน้า แล้วเรื่องที่สองคือ ต้องมองว่ากำลังวิกฤตเราจึงต้องเดินหน้า และเราได้รับฟังความคิดเห็นต่างๆ มา
ดังนั้นกระบวนการที่มีการปรับตามที่ได้รับฟังความคิดเห็น ดังนั้นอยากให้พิจารณาเหตุผลต่างๆ เพราะถ้าเราไม่ปรับตามที่ประชาชนหรือบุคคลที่เห็นต่างมันก็จะเป็นปัญหา…”
“…ผมอยากให้คนที่คัดค้านหรือพรรคการเมืองที่คัดค้านต้องเคารพในระบอบประชาธิปไตย เมื่อหาเสียงมาแล้วเราต้องทำตามสิ่งที่สัญญาไว้กับประชาชน ส่วนว่าถ้าทำแล้วไม่เป็นไปตามที่คิด ล้มเหลวหรือมีปัญหา อันนั้นค่อยว่ากันตามกระบวนการประชาธิปไตย…”
โครงการรับจำนำข้าวฉิบหายมาทีหนึ่งแล้ว นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการประชาธิปไตยใช่หรือไม่
เมื่อนโยบายประชานิยมสุดขั้ว เป็นตัวกำหนดผลการเลือกตั้ง ความเสียหายจากการใช้งบประมาณแผ่นดินจึงต่อเนื่องยาวนาน ต้องตั้งงบประมาณขึ้นมาเพื่อชดเชยหลายแสนล้านบาท
การเคารพระบอบประชาธิปไตย ต้องเคารพการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลด้วย นี่มันแนวคิดอะไรกัน
ตอนเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน มีสักวันหรือเปล่าที่เคารพนโยบายคนละครึ่งของรัฐบาลลุงตู่ นั่นเขาชนะเลือกตั้งมา เป็นประชาธิปไตยในนิยามของพรรคเพื่อไทยเหมือนกัน
ไม่มีหรอกครับ ด่าทุกวัน
เด็ดหัว สอยนั่งร้าน!
แล้วเป็นไง คนละครึ่ง มันได้ผลจริง เพราะมาถูกสถานการณ์
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มีการออกเสียงประชามติ ประชาชน เห็นชอบ ๑๖,๘๒๐,๔๐๒ เสียง คิดเป็น ๖๑.๓๕% ถือเป็นประชาธิปไตยใช่หรือไม่
ถ้าใช้ตรรกะเดียวกันพรรคเพื่อไทยต้องเคารพด้วย
แล้วมันจริงหรือเปล่า
จะชำเรารัฐธรรมนูญกันท่าเดียว
หากรัฐบาลดวงตาเห็นธรรม ยกเลิกแจกเงินดิจิทัล ประชาธิปไตยก็เดินหน้าไปได้ ไม่มีอะไรติดขัดแม้แต่น้อย
กลับกัน การให้คนที่คัดค้านเห็นด้วย แล้วอ้างว่านั่นคือประชาธิปไตย…ไม่ใช่หรอกครับ!
มันคือการบังคับ
คือเผด็จการดิจิทัล