ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ร่วมเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล จ.กระบี่ โดยเปิดเวทีปราศรัยขนาดย่อมบนรถแห่ที่หน้าตลาดสะตอ อ.เมืองกระบี่ ช่วยหาเสียงให้กับ วศิน สิริเกียรติกุล ผู้สมัคร ส.ส.กระบี่ เขต 1 (เบอร์ 7) ก่อนเดินทางเปิดเวทีปราศรัยต่อที่สนามเทศบาลตำบลคลองท่อมใต้ อ.คลองท่อม ช่วยหาเสียงให้กับ ศุภฤกษ์ มีล่าม ผู้สมัคร ส.ส.กระบี่ เขต 3 (เบอร์ 2)
ในช่วงหนึ่งของการปราศรัย ธนาธรระบุว่าพรรคก้าวไกลที่เสนอคำขวัญว่า ‘กาก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม’ ก็เพื่อตอบโจทย์ที่ประชาชนจำนวนหนึ่งไม่เชื่อว่าการเลือกตั้งจะทำให้ประเทศไทยเปลี่ยนไปได้ ทำให้เราอยากเรียกศรัทธาจากทุกคนให้กลับมาเชื่อในประชาธิปไตย เชื่อว่าลูกหลานของเราเกิดและเติบโตในสังคมที่ดีกว่านี้ได้อีกครั้ง
นั่นเป็นเพราะพรรคก้าวไกลไม่เคยคิดว่าจะแก้ปัญหาแบบขอไปที ซ่อมตรงนั้นทีแก้ตรงนี้ที แต่ต้องแก้ปัญหาที่ต้นตอ ที่ผ่านมาหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ประเทศไทยเป็นแบบนี้ เพราะไม่มีพรรคการเมืองที่กล้าชนปัญหาที่ต้นตอจริงๆ แม้จะมีหลายคนบอกว่าเราเพ้อฝันทำไม่ได้ แต่พรรคก้าวไกลยืนยันว่าทำได้ถ้าเรากล้าชนกับกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ระบบราชการ และกองทัพ และพรรคก้าวไกลก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเราคือพรรคที่กล้าชนเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน
“เหลือเวลาอีก 20 กว่าวันให้ทุกคนกลับไปคิดดีๆ ว่าถ้าเลือกก้าวไกลแล้วจะเสียอะไร ผมเชื่อมั่นในก้าวไกล 2566 ว่าดีกว่าอนาคตใหม่ 2562 แน่นอนถึงกล้ามาช่วยหาเสียงให้ กาพรรคก้าวไกลท่านไม่เสียอะไร ลองคิดอย่างจริงจังดู อย่างมากก็เสียอีก 4 ปี ที่ผ่านมา 8 ปีเราทนมาได้ ไม่แย่กว่านี้แน่ ถ้าทำไม่ได้ 4 ปีหน้าก็เลือกพรรคอื่น ลองใช้เราสักครั้ง ถ้าเป็นฝ่ายบริหารแล้วทำอะไรให้ดีขึ้นไม่ได้ ผมไม่มีหน้ามาขอทำต่อแน่นอน” ธนาธรกล่าว
สำหรับบรรยากาศที่เวทีปราศรัยวันนี้ เต็มไปด้วยประชาชนที่มารอฟังการปราศรัยตั้งแต่ช่วงเย็น และหลังการปราศรัยจบ มีประชาชนเข้ามาต่อแถวรอถ่ายรูปเป็นจำนวนมากจนคิวยาวแทบจะสุดสนามเทศบาลตำบลคลองท่อมที่จัดงาน และกินเวลาเกือบชั่วโมงจึงเสร็จสิ้นลง
ด้านพรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ได้ร่วมขึ้นเวทีปราศรัยกับอิทธิพล ชลธราศิริ ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น เขต 2 พรรคก้าวไกล (เบอร์ 1) สองเวทีติดกัน ได้แก่ที่โรงเรียนบ้านสาวะถี วัดเกษตรวนาราม และที่วัดป่ารัตนมงคล โดยทุกเวทีมีผู้เข้าร่วมเกือบพันคน แม้จะมีฝนตกลงมาอย่างหนักบางช่วง ประชาชนก็ยังอยู่ฟังปราศรัย
พรรณิการ์กล่าวว่า ในโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง ประชาชนกำลังคิดหนักว่าจะเลือกพรรคไหน ตนขอเสนอให้พี่น้องเลือกด้วยสามเหตุผล ดังนี้
1. เลือกพรรคที่ทำงานดุดันไม่เกรงใจใคร เกรงใจเฉพาะประชาชน กล้าเสนอนโยบายที่ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าเสนอ อย่างปฏิรูปกองทัพ ลดจำนวนนายพล กล้าแฉพฤติกรรมเอื้อประโยชน์ระหว่างรัฐกับทุนใหญ่พลังงานที่ทำให้คนไทยต้องจ่ายค่าไฟแพง
2. เลือกพรรคที่ให้เกียรติประชาชน ไม่วางตนเป็นเจ้าใหญ่นายโต สำนึกในบุญคุณของประชาชนที่เลือกผู้แทนฯ เข้าสภา ไม่ใช้คำว่าแจกนั่นแจกนี่ แต่บอกว่าเป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องรับใช้ดูแลสร้างสวัสดิการให้ประชาชนเจ้าของประเทศ เจ้าของภาษี 3. เลือกพรรคที่หาเสียงอะไรแล้วทำได้จริง พรรคก้าวไกลแม้เป็นฝ่ายค้านก็ยังพยายามผลักดันกฎหมายเพื่อให้นโยบายที่หาเสียงไว้เป็นจริง ย่อมเชื่อได้ว่าวันใดมีอำนาจบริหารประเทศ ก็จะทำตามที่หาเสียงไว้ได้จริงแน่นอน
ในช่วงสุดท้าย พรรณิการ์กล่าวว่า คำว่าเลือกก้าวไกลได้ประยุทธ์ เป็นเพียงคำพูดที่หวังสกัดขัดขาฝ่ายประชาธิปไตย วันนี้เลือกพรรคไหนก็ได้แคนดิเดตพรรคนั้น เลือกก้าวไกลได้พิธา ส่วนพี่น้องที่ยังลังเล ระหว่างเพื่อไทยกับก้าวไกล ขอให้สบายใจ เลือกพรรคที่ท่านชอบ ที่ท่านเชื่อว่าจะทำงานรับใช้ได้ถูกใจ เปรียบเหมือนไก่ชนมุมแดงกับมุมส้ม ไก่มุมแดง เจนสังเวียน ประสบการณ์สูง กรำศึกมาหนัก ไก่มุมส้ม หนุ่มแน่นแรงดี สู้ไม่ถอย สู้ยิบตา ชอบแบบไหนสไตล์ไหนก็เลือกพรรคนั้น มั่นใจได้ว่าได้เป็นรัฐบาลไม่มีเสียของแน่นอน