30 มีนาคม 2566 นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบรายชื่อผู้สมัครทั้งแบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อตามที่คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครพรรคชาติไทยพัฒนา ว่า ได้กำชับผู้สมัคร ส.ส. เขต ทั้ง 50 เขต ให้เร่งประสานงานกับแกนนำของผู้สมัครในพื้นที่เพื่อเดินหน้าหาเสียง แต่สิ่งที่สำคัญคือต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย การเข้าร่วมงาน การให้ การสัญญาว่าจะให้ ทุก ๆ คำที่ผู้สมัครพูดไปต้องระมัดระวัง
อะไรที่สุ่มเสี่ยงขอให้ถามคณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง และในวันที่ 31 มีนาคม นี้ จะมีการปฐมนิเทศผู้สมัครใหม่ทุกคน เพื่อทำความเข้าใจ เพราะนอกจากเรื่องการทำงานแล้ว ยังมีเรื่องการทำบัญชี ที่จะต้องส่งมาภายหลังเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว
ส่วนการที่มีการเปลี่ยนจำนวนเขตเลือกตั้งในพื้นที่ต่าง ๆ นั้น นายวราวุธ กล่าวว่า ไม่รู้สึกกังวล เพราะที่ผ่านมาเคยมีการปรับเปลี่ยนหลายครั้ง ผู้สมัครในพื้นที่มีความคุ้นเคยกับการแบ่งเขตที่เกิดขึ้น คาดว่าไม่มีปัญหา
นายวราวุธ กล่าวต่อว่า ไม่มีปัญหากรณีที่พรรคอื่น ๆ ลงไปหาเสียงในพื้นที่หลักที่พรรคหมายมั่นปั้นมือเอาไว้ เพราะเราเองคงจะหมายมั่นใหญ่กว่า และปั้นมือใหญ่กว่า ใครอยากจะมาสุพรรณบุรีก็เชิญ ใครอยากเอาสรรพกำลังของท่านมาเปลืองที่สุพรรณบุรีเราก็ไม่ว่ากัน
ส่วนการจัดสรรบัญชีรายชื่อ 1 – 10 ชื่อ เราดูประสิทธิภาพการทำงานให้กับพรรค และอัตราสัดส่วนของสุภาพสตรี และสุภาพบุรุษด้วยเช่นกัน เพราะในสังคมไทยปัจจุบัน ความเท่าเทียมทางเพศเป็นสิ่งที่หลายฝ่ายเรียกหา พรรคชาติไทยพัฒนาในวันนี้เรามีสุภาพสตรีอยู่ 4 ท่าน พิสูจน์ว่าเราไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ส่วนการเสนอตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กับการเป็นลำดับที่ 1 ของบัญชีรายชื่อ ของแต่ละพรรคจะเป็นชื่อเดียวกันหรือไม่ ขึ้นอยู่กับแนวคิด และสิทธิของแต่ละพรรค แต่ละท่าน เพราะไม่มีกฎหมายห้ามเอาไว้ แต่ในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนา บัญชีรายชื่อเบอร์หนึ่ง กับแคนดิเดต นายกรัฐมนตรีคือคนคนเดียวกัน คือผม
ส่วนที่มาของนายกรัฐมนตรีควรเป็นอย่างไรนั้น นายวราวุธ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องที่พรรคการเมืองจะกำหนดว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะต้องมาจากการเลือกตั้งหรืออย่างไร เป็นหน้าที่ของพี่น้องประชาชน แต่แนวทางในการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ของพรรคชาติไทยพัฒนาก็คือการที่ให้มี สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร. ที่มาจากทุกเพศ ทุกวัย ทุกสถานะ ทุกฝ่าย คนกลุ่มนี้จะเป็นผู้กำหนดว่านายกรัฐมนตรีควรจะมาจากไหน