30 มีนาคม 2566 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ได้บรรยายพิเศษ แนวทางการร่วมมือการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านการค้าไทย-จีน
โดยระบุว่าพรรคไทยสร้างไทย ให้ความสำคัญกับนโยบายการค้าการลงทุนกับประเทศจีน ซึ่งเป็นมหามิตรที่มีความสัมพันธ์ที่ดีมาอย่างยาวนาน ระหว่างตัวบุคคลของพรรคไทยสร้างไทย และพรรคคอมมิวนิสต์จีน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนี้ และความเข้มแข็งของทีมงานของพรรคไทยสร้างไทย
พรรคไทยสร้างไทย จะสามารถเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างไทย-จีน ให้มากกว่าปัจจุบันอีกหลายเท่า ด้วยการแขวนการบังคับใช้ใบอนุญาตประมาณ 1,400 ฉบับ เป็นเวลา 3-5 ปี เพื่อให้นักลงทุน สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างสะดวก และเป็นธรรม
ไทย
จะเป็นศูนย์กลาง “Global Gateway” การเดินทาง การขนส่ง ทั้งทางบก ทางเรือ ทางอากาศ ของภูมิภาค และของโลก เชื่อมต่อเส้นทางสายไหม BRI ของจีนไปสู่ภูมิภาค และของโลก โดยการเร่งเจรจาสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงให้สำเร็จภายใน 1 ปี
และทำการศึกษาเชิงลึกโครงการ ”คลองสันติภาพไทย” ผลักดันให้เป็น New Economic Corridor เพื่อเป็นแม่เหล็กดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลก สร้างเศรษฐกิจไทยให้ GDP โตขึ้นอย่างยั่งยืนต่อเนื่อง สามารถประหยัดเงิน และเวลาในการขนส่งสินค้าไปยังต่างประเทศ
โดยจะเอาผลการศึกษาทั้งผลดีทางเศรษฐกิจ และผลเสียทางสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมทุกด้าน มาแผยแพร่ต่อประชาชน แล้วให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ
รวมถึงสร้างความร่วมมือ ข้อตกลงด้านการค้าการลงทุน กับ 2 ประเทศยักษ์ใหญ่ คือจีน และอินเดีย หรือที่เรียกว่า “Chaina India Thailand Economic initiative” โดยใช้ไทยเป็นสะพานเชื่อม 2 ประเทศ เพื่อดันการเติบโตของเศรษฐกิจ
เพราะ 3 ประเทศ รวมกันมีประชากรเกือบ 3,000 ล้านคนหรือ 36% ของประชากรโลก เศรษฐกิจรวมกันใหญ่ถึง 22.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ26% ของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจของทั้ง 3 ประเทศได้
ทั้งนี้ การประชุมครั้งนี้ จัดโดยสมาคมการค้าอาเซียน-จีน และสมาคมการค้าอินเตอร์อุตสาหกรรมร่วมมิตรไทย-จีน เพื่อรับฟังวิสัยทัศน์ และนโยบายพรรคไทยสร้างไทย
โดยมีคณะผู้บริหารพรรค นำโดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค ,นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะกรรมยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ ,นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ประธานคณะกรรมการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ ,นายไชยวัฒน์ หาญสมวงศ์ คองหัวหน้าพรรค และคณะผู้บริหารพรรค เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้