สันต์ สะตอแมน
ความจริงก็คือความจริง!
เมื่อนายปรีชา ใคร่ครวญ บอกได้ตัดสินใจลงสมัคร สส.กาญจนบุรี เขต 1 ในนามพรรคประชากรไทย จริง ก็ต้องให้เกียรติกับคนพื้นที่ในการตัดสินใจ
และถ้ายุได้ก็อยากบอกหมวดจรูญ วิมูล ให้ช่วยลงแข่งที เพราะนอกจากจะเติมสีสันให้กับการเลือกตั้งแล้ว ด้านหนึ่งก็จะได้รู้กันไปเลยว่า..
“คดีหวย 30 ล้าน” คนเมืองกาญจน์ฯ เขต 1 เชื่อใคร?
ส่วนนั่น ใครเชื่อก็ออกลูกเป็นแม้ว เอ๊ยแมวแล้ว ก็คำตอบของนายทักษิณ ชินวัตร ต่อคำถาม.. “น้องอิ๊งค์ พอจะเป็นนายกได้หรือไม่”?
“ถ้าถามผมนะ เขาเป็นได้ดีทีเดียว ผมชี้นำเขาไม่ได้ เขาต้องตัดสินใจเอง เพราะผมครอบงำเขาไม่ได้แม้ว่าจะเป็นฐานะพ่อ เขาโตแล้ว คิดเองได้ มีครอบครัวแล้วก็ต้องคิดเองได้
ผมก็แล้วแต่เขา วันนี้เขาทุ่มเทให้พรรคเพื่อไทยมาก..ผมในฐานะผู้ก่อตั้งไทยรักไทยก็ภูมิใจมากที่เขาทุ่มเท แม้ว่าจะท้องแก่ขนาดนี้เขาก็ยังทุ่มเท
เขามีลักษณะที่ผมเองอาจจะไม่มี คือมี DNA แม่ ผมเลยเชื่อว่า เขาจะทำได้ดีกว่าผมนะ”
นี่..ในสายตานายทักษิณ แกมองคนไทย “โง่” เป็นควายอยู่ทั้งปีทั้งชาติเลยรึไง (วะ) ถึงได้พูดโกหก ตอแหล กะล่อนปลิ้นปล้อนอย่างไรก็ได้..
“…ผมชี้นำเขาไม่ได้ เขาต้องตัดสินใจเอง เพราะผมครอบงำเขาไม่ได้…” ถุย!
เออ..ผมก็งงเหมือนกัน ในขณะที่ตอแหล “ผมครอบงำเขาไม่ได้” แต่กลับไปฟาดนายธนาธร รุ่งเรืองกิจ..
“…วันนี้ผมงงมาก ธนาธร ออกมาโจมตีเพื่อไทย ที่คนบอกว่าก้าวไกลเหมือนประชาธิปัตย์ ผมว่าก็ชักเหมือนขึ้นทุกวัน…”
เรื่องขายพ่วงหรือไม่พ่วง สรุปแล้ว เพื่อไทยเขาไม่มีสาขา และเขาไม่คุยกับใคร ไม่จับมือกับใครล่วงหน้า คือ ใช้หลักการช่วยตัวเองก่อน “ผมคิดว่าเขาคงขายเดี่ยว ไม่น่าขายพ่วง”
แน่ะ..รู้ลึก-รู้ดี ยิ่งกว่า “ทีวีพูล” ของเจ๊ติ๋มเสียด้วย ทำยังกะเป็นเจ้าของพรรค แต่ผมก็ว่าจริงแหละ อุ๊งอิ๊ง-หมอชลน่านจะไปคุยหรือจับมือกับใครล่วงหน้าได้ล่ะ..
ต้องเจ้าของคอกเท่านั้นที่จะทำอย่างนั้นได้..จริงมั้ย?
พูดถึงนายธนาธร ก็พอดีอ่านข้อความบางช่วงบางตอนของ รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่โพสต์..
“…ไม่ทันไรก็ได้ยินคุณธนาธรให้สัมภาษณ์ในรายการๆ หนึ่งเช่นกันทำนองว่า พรรคการเมืองในระบบรัฐสภา เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีการ deal กัน เจรจากัน ไม่มีอะไรแปลก และกล่าวว่า
“ตั้งแต่พ.ร.บ. สุรา ผมบอกส.ส.ของผมทุกวันว่า หน้าที่คุณคือ ไปหามือมาให้ได้ 251คน ไม่มีอะไรแปก (แปลก)”
คำว่า “ส.ส.ของผม” ทำให้เห็นชัดยิ่งกว่าชัดว่า พรรคก้าวไกลไม่ใช่อยู่แค่ใต้เงาของคุณธนาธร แต่อยู่ใต้การบงการของคุณธนาธรมาตลอดตั้งแต่ตั้งพรรค
คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ยอมรับเองในช่วงที่มีปัญหากับ อ.ปิยบุตร แสงกนกกุลว่า คุณธนาธรมาขอให้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรค
นั่นแสดงว่าการโหวตเลือกหัวหน้าพรรคก้าวไกลมีการกำหนดตัวมาแล้วก่อนหน้า การโหวตจึงเพียงทำเป็นพิธีเท่านั้น…
การหลุดครั้งนี้ยังไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่ถ้าพรรคก้าวไกลต้องถูกยุบก็อย่าโวยวายว่าถูกรังแกอีกก็แล้วกัน
เพราะหากรักจะเล่นการเมือง ก็จะต้องระวังตัวตลอดเวลาไม่ให้พลาด เพราะจะมีฝ่ายตรงข้ามคอยจ้องจับผิดตลอดเวลา
สำหรับการเมือง เรื่องแบบนี้ก็ “ไม่มีอะไรแปลก” เช่นกัน.”
หนาวๆ ร้อนๆ ไหมทอน?
