ก้าวข้ามความขัดแย้ง – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ตกใจ!!!

อ่านหัวข่าวหน้า ๑ ไทยโพสต์วานนี้ (๖ มีนาคม) ต้องขยี้ตา ๓ รอบ

“ป้อม” สั่งฆ่า!เสื้อแดง

พลิกไปดูเนื้อใน เป็นคำปราศรัยที่อุบลราชธานี ของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”

“…พล.อ.ประวิตร ที่วันนี้อ้างว่าต้องการมาสร้างความปรองดอง แท้จริงแล้วเป็นเพียงการฟอกขาวตัวเอง เพราะความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนั้น พล.อ.ประวิตร ก็เป็นผู้สร้างมันขึ้นมากับมือ ตัวเองเป็นผู้อำนวยการ ศอฉ. ต้องไม่ลืมว่า พล.อ.ประวิตร คือคนที่มีส่วนร่วมฆ่าประชาชนในวันนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ ๑๓ ปีที่แล้ว ต้องได้รับการแสวงหาข้อเท็จจริง เอาคนผิดมารับโทษ จึงจะสร้างการปรองดองได้…”

“พิธา” หยิบเอาเหตุการณ์เสื้อแดง เผาบ้านเผาเมืองมาโจมตี “ลุงป้อม”

มือตกขนาดนี้เลยหรือ?

พรรคก้าวไกลเป็นความหวังของคนรุ่นใหม่ แต่กลับเล่นการเมืองแบบ ส.ส.ยุคไดโนเสาร์

เตือน “พิธา” ระวังปากเอาไว้! เพราะมีคนติดคุกด้วยกรณีใกล้เคียงนี้มาแล้ว

ไม่เชื่อลองไปถาม “จตุพร พรหมพันธุ์” ดูได้

ไปกล่าวหา “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เป็นฆาตกรสั่งฆ่าประชาชนระหว่างการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง

การสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงช่วงเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๓ มีรายละเอียดที่ค่อนข้างซับซ้อน หากติดตามการออกมาแฉ “ทักษิณ” ของ “จตุพร” ก็จะรู้ว่า ก่อนการสลายการชุมนุม ที่แยกราชประสงค์ นั้นมีคนต้องการให้เกิดความรุนแรง

“…เมื่อแกนนำขึ้นไปกล่าวยุติการชุมนุมก็จะมีอีกชุดหนึ่งเข้ามาซ้อนยึดเวทีแทน ซึ่งจะยิ่งทำให้สถานการณ์ตึงเครียดและความตายจะมากกว่าเดิม เพราะเราสู้ทางการเมืองจึงต้องยืนยันในแนวทางสันติวิธี

ถ้ามีการสู้ทางการทหารเมื่อไหร่ก็พังทันที

ดังนั้น เวทีต้องเดินต่อไป จึงไม่ควรทิ้งประชาชนเพื่อไปเอาหีบเลือกตั้ง แล้วเดินลงเวทีอย่างคนอัปยศอดสูที่สุด

เพราะเจ้าของจ่ายค่าเวทีตัวจริงนั้น เขาไม่ต้องการให้ยุติเวที แต่ทุกคนถอดใจหมดแล้ว…

…ที่เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง เพราะนายอดิศร ยกเรื่องชุมนุมปี ๒๕๕๓ มา โดยวันที่ ๑๙ พฤษภาคม บนเวที คนที่มีบทบาทมากที่สุดคือ ธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ คอยกันไม่ยอมให้ผมขึ้นเวที เพราะสถานการณ์ช่วงนั้นมีความเสี่ยงต่อชีวิตมากมาย ทหารล้อมหมด ขยับใกล้มาถึงจุดสุดท้ายที่เวทีทุกขณะ

อารมณ์คนอยู่หน้ามีแต่คนแก่และผู้หญิงประมาณ ๕๐๐ คน ซึ่งพร้อมตายกัน เวลานั้นผมนอนบนเก้าอี้ผ้าใบหลังเวที เดี๋ยวมีคนมาลาจากไป แต่เรารอเวลา จึงลุกขึ้นไปบนเวที เพื่อยุติการชุมนุม ถ้าไม่ยุติความตายอย่างรุนแรงก็จะเกิดขึ้นกลางเวทีเพราะเป็นจุดสุดท้าย

ผมเล่ามาถึงตอนนี้เพื่อจะบอกว่า หลายปีต่อมา มืองานคนสำคัญอีกชุดหนึ่ง (ชุดซ้อนยึดเวที) มาเล่าให้ฟังว่า วันนั้น (๑๙ พ.ค.) มีการวางแผนกันจะยิงถล่มเวที ขณะที่ขึ้นกล่าวยุติการชุมนุม แต่มีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาไม่ตัดสินใจทำ…อีกทั้งการซ้อนยึดเวทีนั้น

ผมได้ยินมาเช่นกันว่า มีการร้องขอจากฝ่ายเดียวกันให้จัดการผมเอง (ตกเป็นเป้าถูกสังหาร) ด้วยซ้ำไป…”

การที่ “จตุพร” พูดแบบนี้ ก็สะท้อนให้เห็นว่า เพื่อให้การชุมนุมขับไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์บรรลุผล มีความเป็นไปได้เช่นกันที่ คนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งถูกสังหารโดยฝ่ายเดียวกัน

เพื่อสร้างสถานการณ์ว่าฝ่ายรัฐบาลเป็นคนฆ่าเสื้อแดง

ฉะนั้นไม่มีหรอกครับเจ้าหน้าที่รัฐจะตั้งหน้าตั้งตาสังหารประชาชน

แต่เพราะ ในขบวนการคนเสื้อแดงเอง มีการเคลื่อนไหวหลายส่วน และแกนนำอย่าง “จตุพร” เองก็ควบคุมไม่ได้

ยกตัวอย่างกองกำลังติดอาวุธชุดดำ

ในเหตุการณ์เผาเมือง หากไม่มีกองกำลังติดอาวุธชุดดำ จะไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อ ไม่มีผู้เสียชีวิตจากทุกฝ่ายร่วมร้อยคนแน่นอน

แต่เพราะมีการใช้อาวุธสงครามตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐ ถึงได้มีการปะทะกันเกิดขึ้น

จะให้เจ้าหน้าที่งอมืองอตีน ปล่อยกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งเป็นกองกำลังเถื่อน ถล่มอยู่ฝ่ายเดียวคงไม่ได้

ฉะนั้นการบอกว่าใครฆ่าใครในเดือนพฤษภาคม ปี ๒๕๕๓ ต้องหาข้อมูลให้รอบคอบก่อน

ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เขาก็มีลำดับชั้นในการทำงานชัดเจน

หากคิดว่าใครใน ศอฉ.ฆ่าเสื้อแดง ก็ไปร้องกับศาลหาความเป็นไปได้ แต่ไม่ใช่นำมาเป็นประเด็นโจมตีฝ่ายตรงข้ามหวังผลเลือกตั้ง

เหมือนที่ “พิธา” เอาความเท็จมาโจมตี “ลุงป้อม”

ลองไปอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ยกฟ้อง “อภิสิทธิ์-สุเทพ” คดีสลายการชุมนุมปี ๒๕๕๓ ดูครับว่า เป็นเพราะอะไร

ทำให้นึกถึงการชุมนุมของ กปปส.ครับ

กปปส.ไม่มีกองกำลังติดอาวุธสงครามไว้ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่เหมือนมวลชนเสื้อแดง

กลับกัน กปปส.ถูกกองกำลังติดอาวุธถล่มทั้ง เอ็ม ๗๙ ระเบิดมือ เสียชีวิตกันไปหลายคน “พิธา” ไม่เคยเรียกร้องความยุติธรรมให้เลย

แค่เหลือบมามองยังไม่มี

แล้วดูซิครับว่าที่ผ่านมา “พิธา” กับพวกทำอะไรไว้บ้าง

ล่าสุด “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” จัดหาเต็นท์ ให้ “ตะวัน-แบม” อดข้าวประท้วง ท่ามกลางเสียงเตือนจากพวกเดียวกันว่า ไม่ต่างไปจากสนับสนุนให้ “ตะวัน-แบม” ฆ่าตัวตาย

แยกเยื้อแยกน้ำฟันธงครับ ความสมานฉันท์ของคนในชาติไม่มีทางเกิดเพราะพรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้าได้อย่างแน่นอน

เอาแค่หลังเลือกตั้ง พรรคไหนจะเชิญพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลบ้าง…ก็ยากเต็มทน

เพราะเอาแต่ท้ารบ ทำลายล้าง แล้วมันจะสงบสุขได้อย่างไร

ในส่วนของ “ลุงป้อม” หาเสียงเดินทางสายกลาง ชูสโลแกน “ก้าวข้ามความขัดแย้ง” เป็นประโยชน์กับประเทศ ประชาชน มากกว่า

สำรวจดูนโยบายพรรคการเมือง มีไม่กี่พรรคที่ชูเรื่อง สมานฉันท์ ลดความขัดแย้ง

พรรคพลังประชารัฐ ก้าวข้ามความขัดแย้ง

พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ก้าวข้ามความขัดแย้งเช่นกัน

พรรคภูมิใจไทย ชัดเจน ไม่ขัดเแย้งกับใคร

พรรคประชาธิปัตย์ มีนโยบาย สันติภาพสู่สันติสุข

ส่วนฝ่ายค้านท้าตีท้าต่อยทั้งนั้น

เพื่อไทย ก้าวไกล ยังแผ่นเสียงตกร่อง เด็ดหัว ๓ ป.อยู่เลย

ก็อยู่ที่ประชาชนแล้วล่ะครับว่าต้องการเลือกพรรคการเมืองไหน

เลือกพรรคที่พร้อมจะเปิดสงครามหลังเลือกตั้ง…

ก็จะได้สงครามครับ

Written By
More from pp
‘ในหลวง’ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้เอกอัครราชทูตออสเตรีย เฝ้าฯ กราบบังคมทูลลา
18 ม.ค.2565 – เวลา 18.38 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ...
Read More
0 replies on “ก้าวข้ามความขัดแย้ง – ผักกาดหอม”