คลิกฟังบทความ…?
เปลว สีเงิน
ต้องขอโทษ “ลุงป้อม” หน่อย
เมื่อวาน “ไทยโพสต์” พาดกบาลข่าว “บกพร่องโดยสุจริต” ในการสื่อสารให้ตรง “ที่มา-ที่ไป” ชนิดสมควรตำหนิ
คือพาดหัวดื้อๆ ว่า “ป้อมสั่งฆ่าเสื้อแดง”
โด่ๆ โดยไม่มีอินโทรแบบนั้น
คนที่อ่านเฉพาะพาดหัว ถึงรู้ว่าไม่น่าใช่ แต่ก็อดตงิดใจไม่ได้ว่า ……….
ในเหตุการณ์เสื้อแดงนปช.ทักษิณ จลาจล “เผาบ้าน-เผาเมือง” เมื่อปี ๕๒-๕๓ ทำให้มีทั้งฝ่ายนปช.ที่ก่อจลาจลและฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่เข้าควบคุมสถานการณ์ต้องเสียชีวิตนั้น
“จริงหรือ…..ที่ลุงป้อมไม่รู้เห็น?”
ก็ขอทำความเข้าใจถึง “ที่มา-ที่ไป” ของพาดหัวนั้นซักนิด
คือมาจากคำปราศรัยหาเสียง “นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่อุดรฯ เมื่อวันก่อน
โดยตอนหนึ่ง นายพิธาปราศรัย ว่า….
“วันนี้ ผมต้องเตือนความจำทุกคนว่า พลเอกประวิตรที่วันนี้อ้างว่า ต้องการมาสร้างความปรองดอง แท้จริงแล้ว เป็นการฟอกขาวตัวเอง
เพราะความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนั้น พลเอกประวิตรก็เป็นผู้สร้างมันขึ้นมากับมือ
ตัวเองเป็นผู้อำนวยการศอฉ.ต้องไม่ลืมว่า พลเอกประวิตรคือคนที่มีส่วนร่วมฆ่าประชาชนในวันนั้น…ฯลฯ”
นี่แหละ….
หัวหน้าข่าวของผม ก็ “ฆ่าตัดตอน” ประโยค หยิบเฉพาะคำที่พิธาสาดใส่ลุงป้อมไปพาดกบาลข่าวเรียกแขก
“ลุงป้อม” ท่านไม่ได้ว่าอะไรหรอก
แต่ผมเห็นว่ามัน “ครึ่งสุก-ครึ่งดิบ” มากไป ยิ่งช่วงนี้ เป็นช่วงเลือกตั้ง อาจทำให้ลุงป้อมและพรรคพลังประชารัฐเสียหายได้
ผมจึงต้อง “ขอโทษ” ลุงป้อมและพลังประชารัฐอย่างแรง
ถึงไม่มีเจตนา
แต่ “พลาดพลั้ง-บกพร่อง” นั้น ด้วยมาตรฐานไทยโพสต์ ผมขอโทษ และยอมรับผิดสถานเดียว โดยไม่แก้ตัวใดๆทั้งสิ้น!
ปี ๕๒-๕๓ ที่นปช.เผาบ้าน-เอาเมือง
ถึงวันนี้ ก็ผ่านมา ๑๓-๑๔ ปี
แต่คนพูด “นายพิธา” เกิดปี ๒๕๒๓ นั่นเท่ากับตอนทักษิณสั่งนปช.จลาจลทั้งแผ่นดิน นำไปสู่การบาดเจ็บล้มตาย นั้น
นายพิธา อายุก็ราวๆ ๒๘-๒๙ ปี!
ไม่แน่ใจว่า ตอนนั้น นายพิธา “หลานนายผดุง” ร่วมในเหตุการณ์ด้วย หรือยังศึกษาอยู่ต่างประเทศ?
ไม่ใช่อะไร เพราะที่พิธาพูดนั้น ตัดตอนแต่ผล คือการมี “คนตาย” จากจลาจลนั้น มาตีขลุม ป้ายขี้ใส่ลุงป้อม
โดยไม่พูดให้ครบความว่า……
ต้นเหตุของการปลุกระดมให้คนมาตายนั้น มาจากเรื่องอะไร?
เรื่องทักษิณแค้นที่ถูกถีบตกเก้าอี้นายกฯ จนต้องหนีไปเป็นสัมภเวสี จึงสั่งขบวนการนปช.เสื้อแดง ก่อจลาจลเมือง
ประกาศแยกแผ่นดิน-เปลี่ยนประเทศเป็น “แดงทั้งแผ่นดิน…ทักษิณสถาปนา” นั่นใช่มั้ย?
แล้วทำไมพิธาไม่บอกชาวบ้านเขาให้ครบความด้วยล่ะ!
ว่าหมาตัวไหน ที่บัญชาการจากนอกประเทศเข้ามา…บุกเข้าไปเลยพี่น้อง ถ้าเสียงปืนดังขึ้นนัดเดียว ผมจะมาเดินนำหน้าพี่น้องเสื้อแดงเอง
และหมาตัวไหนล่ะ ที่ตะโกนว่า…
พี่น้องเสื้อแดงทุกคน ฟังทางนี้ ให้ทุกคนไปรวมตัวกันที่หน้าศาลากลาง รอฟังสัญญานจากเวทีใหญ่ แล้วลงมือ (เผา) พร้อมกัน นั่นน่ะ
พิธาอมส้นอะไรอยู่ในปากมิทราบ ถึงไม่พูดให้ชาวบ้านรู้จนครบความ ถึงตัวสร้างเหตุ จนเหตุนั้น ส่งผลเป็นความตายตามมาจากเหตุนั้น
อยู่ดีๆ ถ้าทักษิณไม่สั่งนปช.จลาจลเป็นเหตุ มันจะมีคนตายเป็นผลหรือ?
และที่ตาย มันใช่ประชาชนซะที่ไหนล่ะ!
ประชาชนเขาไม่เผาบ้าน-เผาเมืองหรอก มีแต่กองโจรทั้งทราบฝ่ายและไม่ทราบฝ่ายเท่านั้น ที่ก่อจลาจลเผาบ้าน-เผาเมือง
เมื่อ “ตำรวจ-ทหาร” เข้าควบคุมสถานการณ์ ก็ถูกโจรเสื้อแดง-เสื้อดำ ฆ่าตาย หรือไม่ก็สร้างสถานการณ์ฆ่ากันเอง แล้วป้ายความผิดไปที่ตำรวจ-ทหาร
“โจร” ไม่อยู่ในคำจำจัดความว่า “ประชาชน”!
ฉะนั้น ที่นายพิธาบอกว่า “พลเอกประวิตร มีส่วนร่วมฆ่าประชาชน” นั้น เป็นการใส่ร้ายลุงป้อมโดยหวังผลทางการเมืองด้วยพฤติกรรมต่ำทราม
เพราะว่ากันจริงๆ พลเอกประวิตรด้วยซ้ำ เขารู้กันทั้งบางว่า มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับครอบครัวทักษิณและพรรคทักษิณ
และในสถานการณ์นั้น….
ลุงป้อมเป็นรัฐมนตรีกลาโหมก็จริง แต่แทบไม่ได้เข้าไปมีส่วนในการสั่งการหรือปฎิบัติการซักเท่าไหร่
ถ้าอยากพูดเรื่องนปช.จลาจลเมือง พิธาน่าจะถามนายธนาธรให้ถ่องแท้ก่อนพูด เพราะธนาธรเขาร่วมเป็นนปช.เสื้อแดงอยู่ในเหตุการณ์ด้วย
ดังนั้น คำที่ปราศรัยกล่าวหาลุงป้อมนั้น บ่งบอกชัดเจนว่านายพิธาไม่รู้เรื่อง-รู้ความเลย
ถ้ารู้ ก็แสดงว่าจงใจ “กล่าวหา-ใส่ร้าย” ลุงป้อม ด้วยหวังผลทางเลือกตั้ง
พิธาปราศรัยแบบโกหก-พกลม ว่าลุงป้อมเป็น “ผู้อำนวยการศอฉ.” ซึ่งในข้อเท็จจริง ลุงป้อมไม่ได้เป็น
พิธาปั้นข้อมูลเท็จ ใส่ร้ายว่า “ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนั้น พลเอกประวิตรเป็นผู้สร้างมันขึ้นมากับมือ”
แท้จริงแล้วทั้งสถานการณ์ประจักษ์ ทั้งจากการสอบสวน-สืบสวนคดีความ ไม่เคยได้ยินเลยว่า
ความขัดแย้งนั้น ลุงป้อมเป็นผู้สร้างขึ้นมากับมือ?!
หรือพิธามีหลักฐาน ก็แสดงออกมา ผมจะขอโทษ ถ้าไม่อย่างนั้น ถือว่านายพิธา ใส่ร้ายป้ายสีลุงป้อม!
คนเป็นผู้อำนวยการศอฉ.ตอนนั้น คือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง
แล้วนายพิธาไปเอาข้อมูลจากไหน….
มาเที่ยวตะโกนหลอกชาวบ้านที่อุดรฯว่า “พลเอกประวิตรคือคนที่มีส่วนร่วมฆ่าประชาชนในวันนั้น”?
ถ้าพูดว่า ตอนนั้น พลเอกประวิตร ใจส่วนหนึ่งอยู่กับฝ่ายทักษิณ นั่นยังจะตรง “ความจริงในใจ” ของลุงป้อมมากกว่าที่จะไปพูดว่า “ลุงป้อมร่วมฆ่าโจรเผาเมือง”
ก็แคะความจำช่วงนั้นเป็นการชำระประวัติศาสตร์บิดเบือน ฉบับ “กระดุมกางเกง ๕ เม็ด” ให้ทราบกันคร่าวๆ แค่นี้
เพราะปล่อยทิ้งไว้ นานไป……..
อาจมีคนจงใจอ้างอิงประวัติศาสตร์บิดเบือนนี้ นำไปโพนทนาต่อๆ กันไป
ทั้งหมดนี้ ลุงป้อมจะให้อภัยหรือไม่ให้ ก็ไม่ว่าอะไร
ว่าแต่ว่า เสื้อเท่ๆ ที่ใส่ไปวัดชนะสงครามเมื่อวาน มันจ๊าบ เห็นแล้วผมจี๊ดที่หัวใจ
“ซื้อฝากผมตัวนะ..ลุงป้อม”!
พูดถึงลุง ทำไป-ทำมา ลุ่งตู่ “ทำแล้ว-ทำอยู่-ทำต่อ” สังขารสู้ลุงป้อม “ใจบันดาลแรง” ไม่ได้แฮะ
เพราะลุงป้อม ถึงดูป้อแป้ แต่กลับแข็งปั๋ง ส่วนลุงตู่ ที่ดูปึ๋งปั๋ง กลับต้องนอนเตียง
“มือบวม” ไม่ใช่โรค เป็นเพียงอาการ ยังห่างหัวใจนักหรอก เห็นหมอบอกว่า ตอนนี้หายดี มีแรง ให้กลับบ้านแต่เย็นวาน
เช้านี้ คงมาประชุมครม.ให้นักข่าวตามตอแย แหย่ให้นายกฯ แกล้งโกรธสนุกๆ อีก
ไม่แปลกใจที่นายกฯ มือบวม เพราะลงพื้นที่ทางไหน ชาวบ้านก็แย่งกันจับบ้าง นายกฯ จับชาวบ้านบ้าง จับไป-จับมา มันก็อักเสบจนบวมได้
ผมก็เคยเป็น เพราะใช้มือจิ้มคอมฯ เกือบทั้งวัน แต่ไม่ได้บวมที่มือ ไพล่ขึ้นไปบวมเป็นลูกมะกรูดที่ข้อศอก
หมอบอก เอ็นในกระดูกมันอักเสบ…..
ต้องเจาะเอาน้ำปนเลือดตรงที่บวมปูดออก และบอก เป็นอาการคนแก่น่ะ หายแล้ว มันก็เป็นได้อีก
ก็ต้องหมั่นบริหารเส้นเอ็นตามท่าที่หมอแนะ หลับตาเห็นภาพเลย คนอยู่ในตำแหน่งบริหาร ว่าวันๆ มีเอกสารต้องเขียน ต้องอ่าน ต้องเซ็น นับเป็นร้อย-เป็นพันแผ่น
ฉะนั้น “บวม” เป็นภาระจำยอม
เพราะลุงตู่ยังจะต้องบวมกับการเกษียณหนังสือในตำแหน่งนายกฯ ต่อไปอีกหลายปี
กับหน้าที่ “ทำแล้ว-ทำอยู่-ทำต่อ”
“ถอดเฝือก” ได้ แต่ห้าม “ถอดใจ” นะ…ลุง!
เปลว สีเงิน
๗ มีนาคม ๒๕๖๖