สันต์ สะตอแมน
“ขอบคุณทุกกำลังใจ..
และขอให้เรื่องเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย คนที่เป็นเพื่อนกันมา รู้จักกันมา จะรู้ดีว่าตนเป็นคนอย่างไร แต่ศาลท่านอาจจะไม่ได้เห็นในเรื่องนี้..”
นี่..เป็นคำพูดของครูไพบูลย์ แสงเดือน หลังศาลตัดสินจำคุกในความผิดฐานพรากผู้เยาว์ และกระทำชำเราเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี กระทงละ 2 ปี 4 กระทง รวมจำคุก 8 ปี
พร้อมชดใช้ค่าเสียหาย 350,000 บาท ไม่รอลงอาญา!
ซึ่งจะมีใครเป็นกำลังใจบ้างไม่รู้ แต่ที่รู้.. “คดีพรากผู้เยาว์เอาลูกศิษย์” ทำให้วงการเพลงอินดี้ต้องสูญเสียนายห้างคนหนึ่งไป อย่างที่คุณประจักษ์ชัย ไหทองคำ ได้โพสต์นั่นแหละ!
แต่..จะว่าเป็นการสูญเสียเลยก็เห็นจะไม่ถูก เพราะนี่แค่ศาลชั้นต้น ครูไพบูลย์ยังมีสิทธิ์สู้ในชั้นอุทธรณ์ และชั้นฎีกา ซึ่งก็คงจะใช้เวลาอีกนาน
ตอนนี้ จึงมีโอกาส มีอิสรภาพที่จะได้สร้างสรรค์ผลงานของศิลปินในสังกัดจ้วดจ้าด มิวสิค ออกสู่หู-สูตาแฟนเพลงอยู่เป็นปกติ..
และยังจะได้นอนกอดภรรยา “กระต่าย พรรณนิภา” (อดีตผู้เยาว์) ด้วยความรักหวานชื่นอยู่เหมือนเดิม!
พูดถึงกำลังใจ ในฐานะที่เคยได้สัมผัส-ได้พูดคุยกันมาบ้าง เมื่อคุณอ๋อม-สกาวใจ พูนสวัสดิ์ ได้ประกาศ-เปิดตัวลงสมัคร ส.ส.กทม. เขตสะพานสูง ประเวศ ในนามพรรคเพื่อไทย
ผมก็เห็นจะต้องขอแสดงความยินดี และเป็นกำลังใจให้เธอได้เป็น “ผู้แทน” สมความมุ่งหวัง-ตั้งใจ!
ส่วนที่คุณอ๋อมให้สัมภาษณ์ “มติชนทีวี” ว่า.. “ตัดสินใจนานมาก ก่อนเข้าสู่การเมือง สนใจในการเมืองฝั่งประชาธิปไตย มั่นใจว่าชนะ ไม่มีคำว่าไม่ชนะ ไม่มีคำว่าแพ้..
เลือกตั้งครั้งนี้เป็นจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ ประเทศเราต้องย่ำอยู่กับที่มานานแล้ว โยนทิ้งคำว่าว่ากำลังพัฒนาไปได้ เราต้องเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว” นั้น
ก็ไม่ได้จะขัดใจ แต่การเลือกตั้ง แพ้-ชนะขึ้นอยู่กับคะแนนเสียงของประชาชน อาจจะพูด “ไม่มีคำว่าไม่ชนะ” เพื่อข่ม หรือประโลมใจตัวเองน่ะได้ แต่ไม่อยากให้มั่นเกินไป!
อย่าทึกทัก คิดเอาเอง “อยู่ฝั่งประชาธิปไตย” แล้ว ไม่มีคำว่าแพ้ เพราะความเป็นจริงประชาชนเขารู้-เขาเข้าใจ ทุกพรรคการเมืองที่เข้าสู่การเลือกตั้ง ล้วนต่างก็เป็นประชาธิปไตย
ถ้าเริ่มต้นเข้าสู่การเมืองโดยไม่รู้ความหมายประชาธิปไตยที่แท้จริง-ถูกต้องคืออะไร ก็อยากแนะนำให้อ่านที่คุณโบว์ ณัฏฐา มหัทธนา โพสต์เมื่อสักกลางเดือนที่แล้ว..
“วันนี้ฝ่ายประชาธิปไตยเป็นง่ายมากครับ แค่ย้ายพรรคก็เป็นแล้ว..
เหมือนจะเป็นคำพูดที่จริงมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อคำว่า “ฝ่ายประชาธิปไตย” ถูกใช้อย่างมักง่ายเกินไป
ก่อนหน้านี้ดาราคนไหนด่ารัฐบาลขึ้นมาคำนึง ก็มีคนแห่มาแปะป้ายประชาธิปไตยให้แล้ว (ทุกวันนี้ไม่รู้หายไปไหนหมด) พอมาตอนนี้ ใครย้ายพรรค ก็ถูกแปะฉลากกันไป
ย้ายเข้าเรียกประชาธิปไตย ย้ายออกเรียกเผด็จการ คนที่สู้มานานๆ เขาก็เลยงง
อยากบอกว่าไม่ต้องงงค่ะ มันคือคำที่ใช้กันเปรอะจนหมดความหมายมานานแล้ว คิดซะว่าเป็นชื่อทีมฟุตบอล”
ครับ..คราวนี้คุณอ๋อมคงเข้าใจแล้วสินะ ว่าการที่ได้ลงสมัครส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นเพราะคนในพรรคได้แปะฉลาก “ประชาธิปไตย” ที่หน้าผากให้แล้วตั้งแต่คอลเอาต์ด่ารัฐบาลนู่น!
ฉะนั้น ก็อย่าไปคุย-ไปเคลมว่าตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปตง-ธิปไตยอะไรเลย เพราะใช้กันเปรอะจนหมดความหมาย กลายเป็นชื่อทีมฟุตบอลไปแล้ว
อ้อ..ขอถามท้ายนิด สรุปตัดสินใจนานมาก หรือตัดสินใจ-ตกลงกันมานานแล้วที่จะเข้าพรรคเพื่อไทยน่ะหือ?
เพราะเห็นเปิดตัว-แถลงข่าวปุ๊บ รุ่งเช้าป้ายหาเสียง-รูปคุณอ๋อมก็ติดพรึ่บไปทั่วเขตสะพานสูงยันประเวศ ซึ่งหากไม่ได้เตรียมการ (มานาน) ทีมงานเห็นจะไม่มีทางทำป้าย-ติดป้ายได้ไวเช่นนี้!
ที่สำคัญเป็นป้ายที่ (แทบ) ไม่ได้เน้นชื่อพรรค แต่มุ่งขายตัวตนของคุณอ๋อม “พูดจริง ทำจริง”.. สวยโดดเด่น คนเดียวเลย!
