รุ่นใหม่ “ผู้มาก่อนกาล” – เปลว สีเงิน

คลิกฟังบทความ…?

เปลว สีเงิน

ผมนี่…ตกยุคไปแล้วจริงๆ!
ดูข่าวเย็นวาน (๔ มิย.๖๖) เห็นเดินขบวนกันคึกคักด้วยผู้คนหลากสีสัน มีชายแต่งแฟชั่นแปลกตา แถวย่านราชประสงค์ ดูครึกครื้นสนุกสนานมาก
ก็พลอยตื่นตา-ตื่นใจตามไปด้วย
ยิ่งเห็นว่าที่นายกฯถึง ๒ คน คือ พิธา-ก้าวไกล, แพทองธาร-เพื่อไทย แถมด้วยชัชชาติ-ผู้ว่าฯ กทม.แต่งสีรุ้งร่วมด้วย
ที่ตื่นตา ก็ชักสงสัย…….

ว่านี่ขบวนแห่นาคหรือขบวนแห่อะไรกัน?
ตะแคงหูฟังนักข่าวรายงาน เขาบอกว่าเป็นงาน “Bangkok Pride Parade 2023”

ด้วยความเป็นคนตกยุค ก็ยังไม่รู้ว่างานอะไร ที่เขาเฉลิมฉลองกัน ต้องจิ้มไปถาม “อาจารย์กู” นั่นแหละ ถึงได้ร้อง…อ๋อ
เขาบอกว่าเดือนมิถุนายน เป็นเดือน LGBT Pride Month

คือ เดือนของการปลดปล่อยเลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล และคนข้ามเพศ
เริ่มที่สหรัฐฯ เมื่อปี ๒๕๑๒

จากนั้นแพร่ไปหลายๆ ประเทศในโลก ชาว LGBT เขาจึงจัดงานเฉลิมฉลองด้วยความภาคภูมิใจที่ได้รับการปลดปล่อยจากกรงขังเพศในเดือนนี้

ไทยเป็นประเทศหนึ่งที่เปิดรับ “ความหลากหลายทางเพศ” เมื่อวาน ขบวนแห่ Bangkok Pride Parade ที่ผมว่านั่น
ก็คือขบวนแห่ของชาว LGBT เพื่อการเฉลิมฉลอง สีรุ้งฟรุ้งฟริ้งนั่นเอง

ก็เป็นสีสัน ครึกครื้นดี

ขอแสดงความยินดีล่วงหน้ากับชาว LGBT ทุกคนด้วย ที่จะได้ “สมรสเท่าเทียม” กันสมมโนรสซะที

เพราะพิธา “คนจมูกยาว” ยืนยันแล้ว
ภายใน ๑๐๐ วันที่ได้เป็นนายกฯ “กฎหมายผ่านแน่”

แน่เท่าๆ กับ ค่าแรง ๔๕๐ บาท “ได้ขึ้นแน่”!

คำว่า “หลากหลายทางเพศ” นี่ ใครเป็นคนบัญญัตินะ ขอชม
เพราะมันให้ความหมายครอบคลุมทั้งมิติตื้นและมิติลึก

อย่างมิติตื้น พอได้ยินปั๊บว่า “หลากหลายทางเพศ”
เข้าใจปุ๊บหมายถึง “เสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ” ในนิยามของ เลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล และคนข้ามเพศ

แต่ถ้ามองมิติลึก
เราจะเห็นว่า ในกลุ่มคนใต้คำจำกัดความ “หลากหลายทางเพศ” นั้น คือ “ความเท่าเทียม” ทางเพศ

ลึกลงไปในผลึกความหลากหลายคือ “ความเท่าเทียม”
ก็คือ เลิกเอา “เพศ” มาแบ่งแยกความเป็นคน ว่านั่นหญิง ว่านั่นชาย ทุกคนคือ “คนที่เท่าเทียม” กันหมด ตามทัศนะสังคมใหม่

เฉียบจริงๆ!
สรุปแล้ว คนรุ่นใหม่เป็น “มนุษย์ผู้มาก่อนกาลเวลา” อย่างแท้จริง!

เพราะจากแนวโน้มสังคม LGBT ระบัด-ระบาด โตขยาย นั่นเป็นสัญญานบ่งบอกว่า
“มนุษย์” ในอนาคต จะ “ไม่มีเพศ”!?

พูดชัดๆ จะมี “เพศเดียว”
ไม่มีทั้ง ปุงลิงค์-เพศชาย, ไม่มีทั้งอิตถีลิงค์-เพศหญิง

“เพศเดียว” ที่ว่านั่น เป็นเรื่องอนาคตซ้อนอนาคต บอกไป-รู้ไป ก็เปล่าประโยชน์

เอาเป็นว่าเพศเดียวนั้น คือ “นปุงสกลิงค์” ไม่ใช่ทั้งชาย ไม่ใช่ทั้งหญิง ไม่มี-ไม่ใช่ ทั้งทอม ทั้งดี้ ทั้งเลสเบี้ยน
เพราะ มนุษย์อนาคต “ไม่มีอวัยวะบอกเพศ”

แล้วจะสืบพันธุ์กันยังไง นี่อาจเป็นคำถามที่อยากถามกัน
แหม….ผมก็คันปาก

คือบางเรื่อง มันเป็น “ความลับจักรวาล” น่ะ ถึงรู้ เขาห้ามบอกล่วงหน้า ถ้ามนุษย์รู้อนาคตกันหมดทุกคน
โลกบอก….กูเลิกหมุนดีกว่า!

แต่เอาเถอะ ในฐานะแฟนคลับ จะกระซิบให้เป็นพิเศษ

ถึงเดือน “มิถุนาคม พุทธศักราช ๒๖๖๖” หรือ “คริสตศักราช 2123” มาล้อมวงพร้อมหน้ากันนะ ผมจะบอกให้หมดเลย วันนั้น!

โลกศตวรรษหน้ามัน “ไกลเกินรู้” ตอนนี้ไป เอาที่ควรจะรู้ไว้บ้างในศตวรรษนี้ดีกว่าเนอะ

บนสมมติฐาน LGBT สายรุ้งขยายเบ่งบานเป็นม่านฟ้าโลก แบบนี้ มนุษย์หันไป “สมรสเท่าเทียม” กันมาก คนก็เกิดน้อยน่ะซี?

ผมว่า ในภาพรวม “ประชากรโลก” ไม่ลดหรอก มีแต่เพิ่ม
ที่จะลด เพราะคนเกิดน้อย จะเกิดกับบางประเทศเท่านั้น เช่นไทย มีโอกาสเป็นเช่นนั้น

เพราะอะไรน่ะหรือ?
เพราะค่าสังคมยุคใหม่ ปฎิเสธศาสนาเป็นส่วนเกิน นอกจาก “เซ็กซ์เสรี” ไม่นิยมมีลูกแล้ว แม้คนที่แต่งงาน ยุคปัจจุบัน ก็ไม่ต้องการมีลูก

ถึงมี ๒ คนเป็นอย่างมาก

และ LBGT เป็นส่วนประกอบหนึ่งของเด็กเกิดน้อย

แต่ในความเป็น global ไม่ต้องกลัวโลกจะร้างมนุษย์ ในมุมมองผม

“ศาสนา” เป็นส่วนช่วยให้มนุษย์ดำรงเผ่าพันธุ์ สร้างอัตราเพิ่มเสริมสัดส่วนขาด

ผมอ่านเจอ ผลศึกษาของศูนย์วิจัยพิว ในสหรัฐฯ ชี้ว่า ภายในปี คศ.๒๐๗๐ “อิสลาม” จะก้าวขึ้นเป็นศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในโลก

“อิสลาม” ห้ามคุมกำเนิด เมื่อมีผู้นับถือศาสนาอิสลามมากขึ้นในโลก นั่นคือ ประชากรโลกในอีก ๔๐ กว่าปีข้างหน้า
เกือบครึ่งของประชากรโลกคือคนอิสลาม!

ประชากรโลก ขณะนี้ มีประมาณ ๗,๘๐๐ ล้านคน

เว็บ The Prachakorn คุณ “วาทินี บุญชะลักษี” รวบรวมไว้

-คริสต์ มีผู้นับถือกว่า ๒,๐๐๐ ล้านคน

-อิสลาม กว่า ๑,๖๐๐ ล้านคน

-ฮินดู กว่า ๑,๐๐๐ ล้านคน

-พุทธ เกือบ ๕๐๐ ล้านคน

-ซิกข์ ราวๆ ๒๓ ล้านคน

-ยูดายหรือยิว ราว ๆ ๑๔ ล้านคน

-บาไฮ ๖-๗ ล้านคน และ

-เชน ประมาณ ๔ ล้านคน

จากผลการสำรวจศูนย์วิจัยพิว (Pew Research Center) ในสหรัฐฯ พบว่า ในปี ๒๕๙๓ หรืออีก ๓๐ ปีข้างหน้า
โลกจะมีประชากรราวๆ ๙,๓๐๐ ล้านคน (หากสถิติการเพิ่มของประชากรโลกยังอยู่ในอัตราปัจจุบัน)

โลกจะมีมุสลิมใกล้เคียงกับชาวคริสต์ ๒,๘๐๐:๒,๙๐๐ ล้านคน

พวกที่ไม่นับถือศาสนาใดๆ เลย มีเป็นอันดับสามรองจากศาสนาคริสต์และอิสลาม โดยเฉพาะในสหรัฐฯ กับฝรั่งเศส มีคนไม่นับถือศาสนาใดๆ เพิ่มขึ้น

ส่วนผู้นับถือศาสนาพุทธจะคงที่เท่ากับเมื่อปี ๒๕๕๓ เนื่องจากประเทศที่มีชาวพุทธส่วนใหญ่ จะอยู่ในสังคมคนสูงวัย และอัตราเกิดต่ำ
เช่น จีน ไทย และญี่ปุ่น เป็นต้น

แต่ขณะเดียวกัน ผู้นับถือศาสนาฮินดู กับชาวยิว กลับมีจำนวนมากขึ้นกว่าปัจจุบัน
ผู้ที่นับถือศาสนาฮินดูในอินเดียยังคงเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ

ขณะเดียวกันผู้ที่นับถือ “ศาสนาอิสลาม” ในอินเดีย มีจำนวน “มากที่สุดในโลก” แซงอินโดนีเซียในปัจจุบัน

ในภาพรวม ทั้งโลก
ผู้นับถือศาสนาฮินดูเพิ่มขึ้น ๓๔% จากจำนวนเกิน ๑,๐๐๐ ล้านคนนิดๆ ไปเป็นเกือบ ๑,๔๐๐ ล้านคน

ในสหรัฐฯ ชาวคริสต์มีจำนวนลดลงจากเดิมที่มีจำนวน ๓ ใน ๔ ของประชากรในปี ๒๕๕๓ ไปเป็น ๒ ใน ๓ ในปี ๒๕๙๓ และจำนวนผู้นับถือศาสนาอิสลาม จะแซงจำนวนผู้นับถือศาสนายูดาย (Judaism)

ในศตวรรษที่ ๒๑ จากผลวิจัยของฟิว พบว่าจำนวนคนที่ไม่นับถือศาสนาทั่วโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

แสดงให้เห็น จำนวนคนไม่มีศาสนามีมากกว่าจำนวนของคนที่นับถือศาสนาฮินดู, ศาสนาพุทธ, ศาสนาซิกข์ และศาสนายิว

ครับ….
ผมเก็บความจากเว็บ The Prachakorn มาให้อ่านบางส่วน อยากทราบละเอียดเปิดไปอ่านได้

จากผลวิจัยนี้ ประเด็นเด่น ๒ ประเด็น คือ

๑.อนาคต ประชากรอิสลาม จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

๒.คนไม่นับถือศาสนา จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ประเด็นที่ ๓ ผมว่าเอง…..

อนาคต “ประเทศไทย” คนไทยจะเป็น “คนส่วนน้อย” ขึ้นเรื่อยๆ!

เปลว สีเงิน

๕ มิถุนายน ๒๕๖๖

Written By
More from plew
“เรื่องนักเรียน กับ คนบ้าข่าว”
อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ครั้งนี้…ดี เหมือนดูเตะตะกร้อ ฝ่ายค้าน เสิร์ฟลูก ฝ่ายรัฐบาล โดยนายกฯ โดดเหยียบลูกหน้าเน็ต
Read More
0 replies on “รุ่นใหม่ “ผู้มาก่อนกาล” – เปลว สีเงิน”