เปลว สีเงิน
มีเรื่องขำๆ ของ “สภาไทย” อยากคุยให้ฟัง
ก่อนที่จะ “สิ้นเวร-สิ้นกรรม” กันไปซะที ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า!
ยุคก่อนๆ “สภาล่ม” คือความศักดิ์สิทธิ์
แต่ยุคนี้ ถูกสัตว์สายพันธุ์ “นักเลือกตั้ง” ทำให้คำว่า “สภาล่ม” เป็นเรื่องลิเกสมโภชตามงานวัดไปแล้ว
ยิ่งตอนนี้ สภาใกล้ปิดฉาก
การทำให้สภาไม่ครบองค์ประชุมจากสส.ทั้งซีกรัฐบาลและซีกค้านเกิดขึ้นเป็นรายสัปดาห์ จนชาวบ้านระอา เอาเงินไปเลี้ยงหมา มีประโยชน์กว่า เลี้ยงพวกตีนราน้ำ
สส.มีหน้าที่ออกกฎหมายเพื่อประโยชน์สังคมรวม
แต่ ๔ ปี ของสภาชุดนี้
แทบไม่เคยเห็นออกกฎหมายเพื่อประโยชน์สังคมรวมซักเท่าไหร่ มีแต่ตั้งหน้า-ตั้งตา “แก้รัฐธรรมนูญ” เพื่อประโยชน์เข้าสู่อำนาจและการโกงง่ายของนักเลือกตั้งเป็นหลักใหญ่
ส่วนกฎหมายย่อยๆ ก็เหมือนกัน
แต่ละพรรคก็ร่างกฎหมายสนองตัณหาเฉพาะฝ่ายตน แล้วแลกกันเกาหลัง
คือร่างกฎหมายพรรคข้า ถ้าเอ็งยกมือให้ข้า ถึงตาเอ็ง ข้าก็จะยกให้
มันเป็นอยู่อย่างนี้ แม้กระทั่งในพรรคร่วมรัฐบาลก็เป็น กฎหมายไหนแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันได้ ก็โหวตแลกกัน
อันไหน แลกกันไม่ลงตัว ครั้นโหวตคว่ำ ก็ดูจะหักหน้ากันมากไป ก็ใช้วิธี “หักเหลี่ยมโหด”
“คว่ำสภา” โดยทำให้ไม่ครบองค์ประชุมซะ!
คือกูมากินข้าวฟรี มาขี้เยี่ยวรดสภาให้เป็นเกียรติ แต่ตอนนับองค์ประชุม กูไม่กดบัตรบ้าง ไม่มาบ้าง
หรือไม่ก็ทำยืนสังเกตการณ์ ดูสภาล่ม แลกเงินเดือนๆ ละแสนกว่า สะใจ ใครจะทำอะไรกูได้
เพราะกู คือ…ท่านผู้ทรงเกียรติ!
แต่ที่ผมอยากคุย คือเมื่อวาน (๒๕ มค.๖๖) ล่มอีกเหมือนกัน แต่ไม่ใช่สภาล่ม
หากแต่เป็นการประชุม “รัฐสภาล่ม”!
ท่านเข้าใจมั้ย สภาล่ม หมายถึง “สภาผู้แทนราษฎร” คือสภาที่พวกสส.โดยเฉพาะ เข้าประชุมกัน
แต่ “รัฐสภา” หมายถึง ๒ สภา คือ ๕๐๐ สส.จากสภาผู้แทน กับ ๒๕๐ สว.จากวุฒิสภา รวมเป็น ๗๕๐ คน ประชุมร่วมกัน
“กึ่งหนึ่ง” ของ ๗๕๐ จึงจะครบองค์ประชุม
แต่ตอนนี้ ทั้งสส.และสว.ลาออกไปเยอะ
ก็เอาเป็นว่า องค์ประชุมรัฐสภาจะครบ ก็ต้องมากันให้ถึงครึ่งของจำนวนที่มีเหลืออยู่ก็แล้วกัน
และเมื่อวาน ถ้าผมจำไม่ผิด เป็น “ครั้งที่ ๓” ที่รัฐสภาล่ม คือประธานรัฐสภานับแล้ว ทั้งสส.-สว.เหลือองค์ประชุมแค่ ๒๗๕ คนเท่านั้น “ไม่ถึงครึ่ง” ของสมาชิกทั้ง ๒ สภา
“รัฐสภา” ก็เลยล่มเป็น “ปัจฉิมกาล” ของสมัยประชุม!
ปกติ วันไหนได้ยินคำว่า “สภาล่ม” ประชาชนคนไทยเข้าใจตรงกัน ว่านั่นคือ
“ฝ่ายค้าน-เพื่อไทย” เล่นเกม!
ซึ่งก็ไม่ผิด ประชุมนัดไหน ถ้าฝ่ายค้านเห็นสส.ฝ่ายรัฐบาลสันหลังยาว จะขอนับองค์ประชุม โดยฝ่ายเขาจะไม่กดบัตรให้นับเป็นองค์ประชุม
สถานัดนั้นก็ล่ม
เว้นอย่างเดียว ถ้ากฎหมายนั้น เป็นฝ่ายค้านเสนอ หรือของรัฐบาล แต่พวกเขาได้ผลประโยชน์ด้วย
เช่น เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ เรื่องกฎหมายลูกเลือกตั้ง อะไรทำนองนี้ ฝ่ายค้านจะอยู่ครบ
ทีนี้ ประชุมรัฐสภาเมื่อวาน เป็นวาระพิเศษ คือท้ายสมัยประชุม ต้องเร่งผลักดันร่างกฎหมายที่ค้างๆ ให้ผ่านๆ ออกใช้
ตามวาระมีร่างกฎหมาย ๓ ฉบับ เข้าสู่การพิจารณา ๑ ใน ๓ ร่างนั้น มี ๑ ร่าง เป็นของฝ่ายค้าน-เพื่อไทย
คือ ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ …) พ.ศ…. ที่ “นายชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอ สาระที่ขอแก้ไข คือ
-แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๑๕๙ ว่าด้วยที่มานายกรัฐมนตรี -และ ยกเลิกมาตรา ๒๗๒ ตัดอำนาจอำนาจส.ว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรี
ร่างนี้ อยู่ในอันดับที่ ๓
แต่พอร่างกฎหมายฉบับแรกผ่านไป ประธานรัฐสภา ขอนำร่างที่ ๓ คือร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๕๙ และมาตรา ๒๗๒ ขึ้นมาก่อน
ก็ “เจี้ยว” ซีครับ!
ควรต้องทราบ มาตรา ๑๕๙ ที่เพื่อไทยขอแก้นั้น
เดิมกำหนดให้การเลือกนายกฯ ต้องเลือกจากบัญชีรายชื่อของพรรคเท่านั้น
เพื่อไทยเขาอยากแก้ ให้เลือกจากสส.ได้ด้วย!
และมาตรา ๒๗๒ ที่จะแก้ ก็ที่ฝ่ายค้านเหี้ยนกระหือรือมาตลอด ด้วยสโลแกนที่ว่า “ปิดสวิตช์ สว.” นั่นแหละ
มาตรา ๒๗๒ ตามรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบันมีว่า
“ในระหว่างห้าปีแรก นับแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญนี้
การให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ให้ดำเนินการตามมาตรา ๑๕๙
เว้นแต่การพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๕๙ วรรคหนึ่ง ให้กระทำในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา
และมติที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา ๑๕๙ วรรคสาม
ต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา
ในระหว่างเวลาตามวรรคหนึ่ง หากมีกรณีที่ไม่อาจแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา ๘๘ ไม่ว่าด้วยเหตุใด
และสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภาขอให้รัฐสภามีมติยกเว้นเพื่อไม่ต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา ๘๘
ในกรณีเช่นนั้น ให้ประธานรัฐสภาจัดให้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาโดยพลัน
และในกรณีที่รัฐสภามีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาให้ยกเว้นได้ ให้ดำเนินการตามวรรคหนึ่งต่อไป
โดยจะเสนอชื่อผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา ๘๘ หรือไม่ก็ได้”
นี่….
ผมก็ยกมาให้ดูทั้งมาตรา จะได้รู้ไว้ “เผื่ออนาคต” หากเลือกตั้งแล้ว รัฐสภาเลือกตัวนายกฯ ไม่ได้ ก็จะได้รู้ว่า จะทำกันอย่างไรต่อไป
แต่ประเด็นที่เพื่อไทยเสนอแก้ตามร่างฯ ที่ผลักดันให้ “ลัดคิว” ขึ้นมาพิจารณาก่อนจนเป็นเรื่องนั้น
มันเป็นเรื่อง “หักเหลี่ยม-เฉือนคม” ระหว่างสส.กับสว.ที่เราควรรู้เบื้องหลังไว้บ้าง
คือตามมาตรา ๒๗๒ นั้น การเลือกนายกฯ ให้สว.ร่วมโหวตด้วย ในจำนวนมากกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้่ง ๒ สภา มันก็คือ ต้องได้มากกว่า ๓๗๕ เสียงขึ้นไป
เขาต้องการ “ตัดตรงนี้” ทิ้ง
ไม่ให้สว.เข้ามาร่วมโหวตเลือกนายกฯ เพราะถ้าต้องให้สว.ร่วมโหวต เขาไม่แน่ใจ ถ้าฝ่ายเขาเสนอชื่อนายกฯ แล้ว จะมีสว.อีกตั้งร่วมร้อยคนโหวตให้เขา
ก็เลยเสนอแก้รัฐธรรมนูญ “ปิดสวิตช์ สว.” ซะ!
ถ้าเมื่อวาน รัฐสภาพิจารณาไปตามวาระ ๑-๒-๓ ก็ไม่น่ามีปัญหา แต่ทีนี้ ด้วยกลัวสภาจะยุบเสียก่อน
ฝ่ายค้านจึงลัดคิวเอาเรื่องนี้มาพิจารณาก่อน ไม่ปรึกษาหารือให้เป็นที่เข้าใจกันกับวุฒิสภา เหมือนที่เคยปฎิบัติมา
ฝ่ายสว.เขาก็รู้ทันเกม….
ว่าฝ่ายค้านเล่น “คิวโดด” ดันร่างฯ ขึ้นมาพิจารณาก่อนแบบนี้ ก็เจตนาใช้เวทีรัฐสภา “ตีหัวสว.” แล้ว “หนีเข้าบ้าน”
หวัง “โชว์หาเสียง”
เพราะรู้ๆ กันอยู่ ว่าสภาจะปิดฉากอยู่วัน-สองวัน
ถึงดันร่างกฎหมายฉบับนี้ขึ้นมาเร็วขนาดไหน ยังไงๆ มันก็ไม่ผ่านและไม่ทัน ต้อง “ตกไป” โดยปริยายอยู่แล้ว
ที่ดันขึ้นมาพิจารณาก่อน มันมีเหตุผลเดียว
คืออาศัยเป็นเชื้อได้ด่าสว.ส่งท้ายระบายแค้นให้มันปากเล่นเท่านั้น
ฝ่ายสว.เขาก็ “เขี้ยวตัน” ทันเกม!
ก็เอาซี…ทีกฎหมายของฝ่ายตัวเองกระซ่านมาประชุมกันครบ ทีกฎหมายฉบับอื่นๆ เล่นแง่-เล่นเกม ทำให้สภาล่ม
คราวนี้ เจอฝ่ายสว. “ย้อนเกม” เข้าให้มั่ง
เมื่อคุณจะอาศัยรัฐสภาจิกกบาลด่าพวกผมฟรีๆ ก็เชิญตามสบาย แต่ฝ่ายพวกผม สว.ขอตีตั๋วฟัง
ไม่กดบัตรเป็นองค์ประชุมมั่ง
เข้าตำรา “ทีเอ็งข้าไม่ว่า แต่ทีข้า เอ็งอย่าโวย” ประมาณนั้น
เมื่อวาน ที่ประชุมรัฐสภาล่ม สาเหตุมันก็ประมาณนี้ ทำเอาเพื่อไทยร้องเอ๋งไปตามๆ กัน
เพราะเตรียมมาอัดสว.กันเต็มที่ ลงท้าย ต้องหอบขี้เต็มกางเกงตัวเองกลับบ้าน!
ก็อยากบอกฝากไปตามลมถึงหัวหน้าคอกหมา
เดินแผนแบบนี้ ถึง “แลนด์สไลด์”
แทนที่จะได้เสียงสว.หนุน “เลือกนายกฯ” ราบรื่นตามกติกา
การเดินเกม “เหมาสว.เป็นศัตรู” แล้วกวนตีนเขาแต่เช้ามืดอย่างนี้
“นายกสมาคมคอกหมา” นั่นแหละ
ฝันที่เป็นจริง ของ “อุ๊งอิ๊ง” กับ “เศรษฐา”!
เปลว สีเงิน
๒๖ มกราคม ๒๕๖๖