ผักกาดหอม
เอางั้นเลย
สภาล่มเมื่อวันพุธที่ผ่านมา น่าจะส่งสัญญาณค่อนข้างชัดเจนว่า สภาชุดนี้จะอยู่ไม่ครบวาระ
ไม่ได้ล่มธรรมดา
แต่เจตนาทำให้ล่ม
ฟังข้ออ้างของ “ชลน่าน ศรีแก้ว” แล้ว บอกตรงๆ …เอาแต่ได้ ไร้ความรับผิดชอบ
“…นี่คือความบิดเบี้ยวของสภา ที่มาจากเสียงข้างน้อย มีการลาออกของ ส.ส. การย้ายพรรค โดยไม่สนใจเสียงของประชาชนที่เลือกเข้ามา เพียงแค่เพื่อแสวงหากลับเข้ามามีโอกาสเป็น ส.ส.ใหม่
นี่คือเหตุของสภาล่ม บอกได้เลยว่าถ้าสภาพยังเป็นแบบนี้ จะเป็นเช่นนี้ตลอดไป…”
เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า
ใครคือเสียงข้างน้อย?
ไหนบอกว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย
หมอชลน่าน กินยาลืมเขย่าขวดหรือเปล่า
ตอนตั้งรัฐบาล ก็ตั้งแข่งกันไม่ใช่หรือ ขั้วเพื่อไทย รวมเสียงได้น้อยกว่า ขั้วพลังประชารัฐ แล้วจะบอกว่ารัฐบาลเป็นเสียงข้างน้อยได้อย่างไร
ส.ส.ลาออก ย้ายพรรค บางคนก็ย้ายไปเพื่อไทย ไม่ใช่หรือ ที่ไปก็อยากกลับมาเป็น ส.ส.อีกครั้งไม่ใช่หรือ
เลอะเทอะครับ พูดเหมือนคนไม่เข้าใจการเมือง
เหตุสภาล่มมันมาจาก ส.ส.เซ็นชื่อเข้าประชุม แล้วไม่ยอมอยู่ในห้องประชุม เพราะต้องการให้สภาล่ม จุดประสงค์คือ อยากให้มีการยุบสภา เพื่อรีบไปเลือกตั้งใหม่
ถ้าบอกว่าไม่จริง ก็ไปดูตัวเลขที่เขาแฉกันซิครับ
การประชุมสภาผู้แทนราษฎรล่ม เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ที่ผ่านมา ระหว่างลงมติมาตรา ๑๑ ของร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. … พรรคไหนไม่ยอมอยู่ในห้องประชุมบ้าง
ส.ส.พรรคเพื่อไทย ๑๒๑ คน ไม่อยู่ร่วมโหวต ๘๖ คน
คิดเป็น ๗๑.๐๗ เปอร์เซ็นต์
ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ๗๙ คน ไม่อยู่ร่วมโหวต ๓๕ คน
คิดเป็น ๔๔.๓ เปอร์เซ็นต์
ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ๖๒ คน ไม่อยู่ร่วมโหวต ๙ คน
คิดเป็น ๑๔.๕๑ เปอร์เซ็นต์
ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ๕๐ คน ไม่อยู่ร่วมโหวต ๓๒ คน
คิดเป็น ๖๔ เปอร์เซ็นต์
ส.ส.พรรคก้าวไกล ๔๕ คน ไม่อยู่ร่วมโหวต ๒๒ คน
คิดเป็น ๔๘.๘๘ เปอร์เซ็นต์
ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา ๑๒ คน ไม่อยู่ร่วมโหวต ๖ คน
คิดเป็น ๕๐ เปอร์เซ็นต์
ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย ๑๑ คน ไม่อยู่ร่วมโหวต ๗ คน
คิดเป็น ๖๓.๖๓ เปอร์เซ็นต์
ส.ส.พรรคเสรีรวมไทย ๑๐ คน ไม่อยู่ร่วมโหวต ๕ คน
คิดเป็น ๕๐ เปอร์เซ็นต์
เป็นไงครับ ที่บอกว่าสภาล่มเพราะ ส.ส.ย้ายพรรค เพราะฝีมือพวกเสียงข้างน้อย
ส.ส.เพื่อไทยหายหัวไปถึง ๗๑ เปอร์เซ็นต์
หายไปไหน?
“ชลน่าน ศรีแก้ว” ไม่อายปากบ้างหรือไร
เล่นเกมล่มสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ ก็ควรพูดออกมาตรงๆ
ไม่ควรโยนชั่วให้คนอื่น
แต่ก็คงจะถนัดแบบนี้ เพราะงานแถลงข่าวเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. วานนี้ (๑๙ มกราคม) ก็มาในสไตล์เดียวกัน
“วิชัย ล้ำสุทธิ” อดีตเลขาธิการพรรคไทยภักดี เคยเป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ๒ สมัย จะลงสมัคร ส.ส.ระยอง สังกัดพรรคเพื่อไทย เปิดตัวดังเป็นพลุแตก
ไทยภักดี กับ เพื่อไทย ไม่ใช่คนละขั้ว แต่คนละจักรวาลกันเลยทีเดียว ฉะนั้นการย้ายพรรคแบบนี้ ในแง่อุดมการณ์ทางการเมือง จึงไม่ธรรมดา
ได้ฟังเหตุผลการย้ายพรรคก็ยิ่งอนาถใจ
“…เป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ๒ สมัย ตลอดระยะเวลาการทำงานการเมือง ไม่เคยใส่ร้ายผู้ใด ไม่ว่าจะเป็น ดร.ทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี การทำงานการเมือง มุ่งมั่นทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในเขตพื้นที่อำเภอเมือง อำเภอนิคมพัฒนา และอำเภอบ้านฉาง
การตัดสินใจเข้ามาสังกัดพรรคเพื่อไทย เพราะปัจจุบันประเทศไทยสภาพเศรษฐกิจย่ำแย่ เป็นความทุกข์ยากแสนสาหัส ส่งผลกระทบต่อคนไทยทั้งประเทศ เนื่องจากการบริหารงานของรัฐบาลที่ไม่เข้าใจในระบบเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทยเข้าใจและเข้าถึงประชาชน
ในอดีตที่ผ่านมา สิ่งใดที่ผมทำให้เกิดขุ่นข้องหมองใจ ไม่ว่าจะเป็นผู้ร่วมอุดมการณ์ ผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน ผมต้องขอกราบขออภัย
ปัจจุบันทั้งตัวและหัวใจอยู่เพื่อไทย ๑๐๐% พวกท่านไม่ต้องวิตกกังวล จะมุ่งมั่นปักธงใน จ.ระยองให้ได้…”
อีกคนคือ “ขจรศักดิ์ ประดิษฐาน” อดีตหัวหน้าพรรคยุทธศาสตร์ชาติ
“…ผมขอกราบขอโทษ อดีตนายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณ และนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่เคยล่วงเกินท่าน และกราบขอโทษพี่น้องชาวเสื้อแดง กลุ่มผู้รักประชาธิปไตย ที่ทำให้ท่านไม่สบายใจ
ผมยืนยันว่าหากผมได้รับโอกาสจากท่าน จากพรรค ผมจะทำงานให้เต็มที่เพื่อทุกท่าน วันนี้ผมตาสว่างแล้วครับ…”
ข้องใจครับ
ทำไมต้องขอโทษคนหนีคุกคดีโกง
นี่คือการประจานว่า “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” คือผู้บงการพรรคเพื่อไทย
มีไม่เยอะหรอกครับนักการเมืองที่ไม่ซื่อสัตย์กับตัวเองแบบนี้
การย้ายพรรคเป็นเรื่องธรรมดา นักการเมืองสามารถย้ายพรรคได้หากเห็นว่าพรรคการเมืองนั้นมีอุดมการณ์ที่เข้ากับตัวเอง
แต่ไม่ธรรมดาเอาอย่างมาก ที่นักการเมืองย้ายพรรค แล้วไปขอโทษคนหนีคุกที่ศาลพิพากษาไปแล้วว่ามีความผิดคดีโกง
ก็ไม่รู้ครับว่า ๒ คนนี้เคยล่วงเกินอะไร “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ”
แต่ถ้าเคยตำหนิเรื่องโกง ก็นึกภาพไม่ออกจริงๆ ว่าต้อง กราบขออภัย ทำไม
มันจะเปลี่ยนเป็นไม่โกงได้หรือ
ที่สำคัญ นึกภาพไม่ออกจริงๆ ว่า เหตุที่ทำให้ “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” ขุ่นข้องหมองใจ นอกจากด่าเรื่องโกงแล้ว ยังมีเรื่องอะไรอีก
นี่แหละครับนักการเมือง
