ผักกาดหอม
นึกว่ารัฐบาลเพิ่งเข้าทำหน้าที่
วานนี้ (๓ พฤษภาคม) พรรคเพื่อไทย จัดกิจกรรม “๑๐ เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม ๑๐” เพื่อเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) ในนามพรรค
เนื้อหาฟังแล้วคล้ายแถลงนโยบาย มากกว่าพูดถึงผลงานในรอบ ๑๐ เดือน
แม่งานคือ อดีตหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ปัจจุบันเป็น หัวหน้าพรรคเพื่อไทย “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร”
มีลูกน้องพ่อ หุ่นเชิดพรรค ตบเท้ากันมาอย่างพร้อมเพรียง นำโดยนายกฯ เศรษฐา
เสียดายไม่เห็นหน้า ๓ อดีตรัฐมนตรีหมาดๆ
หมอชลน่าน ศรีแก้ว อดีต รมว.สาธารณสุข
ไชยา พรหมา อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์
และ พวงเพ็ชร ชุนละเอียด อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ
ทั้ง ๓ ล่องหน!
งานนี้ “อุ๊งอิ๊ง” โยนขี้ให้รัฐบาลลุงตู่ไปเต็มๆ แต่ฟังแล้วก็งงๆ ว่าจะสื่ออะไรกันแน่
“…ในนามหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขอยืนยันว่าเราตัดสินใจถูกต้องมากที่จัดตั้งรัฐบาลผสมเมื่อ ๑๐ เดือนที่แล้ว เพราะมีปัญหาที่หมักหมมไว้จากการปฏิวัติรัฐประหาร หากไม่เป็นแกนนำรัฐบาลผสม คงยากที่ปัญหาหมักหมมจะแก้ไขได้
๑๐ เดือนที่ผ่านมา เราใช้ความพยายามในการวิเคราะห์ เข้าใจ เพื่อแก้ปัญหาที่ยาก และซับซ้อน และก้าวเดินต่อในทุกมิติ เพราะเราเสียเวลาและโอกาสไปถึงเกือบ ๒ ทศวรรษจากการรัฐประหาร
เรามั่นใจว่าเราทำได้ และจะทำให้ได้คะแนนเต็ม ๑๐ ก่อนการเลือกตั้งครั้งหน้า ในมิติทางเศรษฐกิจ
เริ่มต้นด้วยการเติมเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เพราะเงินถูกดูดออกจากระบบไปมาก จึงเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจโตต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศในอาเซียน ค่าแรงที่เพิ่มขึ้นเป็น ๔๐๐ บาท จะทำให้ทุกคนต้องปรับตัวเพิ่มผลผลิตจากความพอกินของพนักงาน
ในมิติของการบริหารราชการแผ่นดิน จะเปลี่ยนจากรัฐบาลอุ้ยอ้าย อืดอาด ไม่โปร่งใส เป็นรัฐบาลดิจิทัล บริหารด้วยความรวดเร็ว โปร่งใส ตรวจสอบการทำธุรกรรมต่างๆ ได้ และมี super app ในการบริการ ทุกมิติของภาครัฐ
ในด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ จะผูกมิตรกับทุกมหาอำนาจ และยินดีให้ไทยเป็นที่เจรจาความขัดแย้งจากทุกฝ่าย
และพรรคเพื่อไทยในอนาคต จะเป็นพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่มีศักยภาพ มีนโยบายที่ดีสร้างอนาคตให้ประเทศไทย
วันนี้เรามีทีม PTP Academy หน่วยงานพัฒนาศักยภาพบุคลากร สร้างองค์ความรู้ทางวิชาการ เปิดพื้นที่เชื่อมโยงการทำงานของพรรคกับหน่วยงานข้างนอก ซึ่งได้เริ่มดำเนินการแล้วระยะหนึ่ง มีการจัดอบรมเพิ่มองค์ความรู้ให้กับ สส.ของพรรค เพื่อให้การทำงานการเมืองมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น…”
“…พรรคเพื่อไทยจะครองสติ ไม่หวั่นไหว ไม่เล่นเกมโต้ตอบไปมา เพราะไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เรามีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบอยู่ในมือซึ่งกำลังลงมือทำ และเราทำได้อย่างแน่นอน ในขณะที่นโยบายกำลังเดินไปข้างหน้า พรรคเพื่อไทยก็กำลังพัฒนาไม่หยุดยั้งเพื่ออนาคตของประเทศไทย
รัฐบาลเพิ่งปรับ ครม. ซึ่งมีเสียงจากนักวิชาการหลายท่านที่น่าเชื่อถือได้ให้คำยืนยันว่า ถูกฝาถูกตัวมากที่สุด ทุกอย่างกำลังขับเคลื่อนไปข้างหน้า ไม่มีทางเลยที่เราจะแย่กว่าเดิม
เรารู้ว่าการทำงานให้บ้านเมืองนั้น เป็นงานที่ Thank Less and End Less (งานที่ยาก) ต้องทุ่มเทและไม่มีวันสิ้นสุด แต่เราเต็มใจที่จะทำ เพราะเราเป็นพรรคการเมืองแห่งการเปลี่ยนแปลงเพื่อความเจริญของประเทศ…”
ใครเขียนสคริปต์ให้ น่าหยิกจริงๆ
ปัญหาหมักหมมจากรัฐบาลรัฐประหาร เป็นข้ออ้างทางการเมืองก็พอเข้าใจได้ แต่ในมุมกลับ ๑๐ เดือนที่ผ่านมาแก้ปัญหาหมักหมมที่ว่าได้แล้วกี่ปัญหา ไม่เห็นบอก
แค่ปัญหาที่หมกไว้โดยรัฐบาลเศรษฐาเองตอนนี้ยังแก้กันไม่ตกเลย
เอาแค่นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต งูกินหาง จนไม่รู้ว่าจะไปจบตรงไหน
ไม่เป็นไร นักการเมืองผีเจาะปากพูดได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว
แต่ก็ไม่เข้าใจว่าความรู้ทางรัฐศาสตร์ของ “อุ๊งอิ๊ง” ทำไมถึงมีน้อยนิด ทั้งๆ ที่จบรัฐศาสตร์ จุฬาฯ
คืนอาจารย์ไปหมดแล้วหรือไร?
ก็ที่ “อุ๊งอิ๊ง” พูดว่า “หากไม่เป็นแกนนำรัฐบาลผสม คงยากที่ปัญหาหมักหมมจะแก้ไขได้”
คือ…ฟังแล้วงง
ดีเอ็นเอ “คอ นก รีต” ชัดๆ
แต่ประเด็นนี้ไม่ได้เชื้อพ่อมาสักเท่าไหร่
หล่นไกลต้นเกินไป
“อุ๊งอิ๊ง” กำลังจะบอกว่า การเป็นรัฐบาลผสมสามารถแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายอย่างนั้นหรือเปล่า
ผิดกับ “นักโทษชายทักษิณ” สร้างอาณาจักรการเมือง ควบรวมพรรค ซื้อยกก๊วน เหมายกกลุ่ม จนกลายเป็นรัฐบาลพรรคเดียว สนองแนวคิดเผด็จการรัฐสภา
ต้องทำแบบตัวพ่อ อยากได้อะไรจากสภาฯ ไม่ต้องลุ้น
ยกมือพรึ่บ จบในพรรคเดียว
ไม่ต้องผสม
จะมาฉีกทฤษฎีพ่อทำไม?
ครับ…ถือว่าพลาด เพราะความรู้พื้นฐานทางรัฐศาสตร์ไม่แน่นพอ
จำไว้ว่าเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาลผสมมันแก้ปัญหายาก
ลองคณะกรรมการกฤษฎีกา ฟันธงว่า การยืมเงินจากธ.ก.ส.ไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จะมีพรรคร่วมรัฐบาลเดินตามพรรคเพื่อไทยหรือเปล่า
ไม่มีใครอยากเอาด้วยหรอกครับ
เพราะตายหมู่
และน่าตีจริงๆ “อุ๊งอิ๊ง” ต้องเรียกคนเขียนสคริปต์มาอบรมเสียหน่อย จะเป็นการต่ออนาคตทางการเมืองอย่างมาก
ปกติในทางการเมืองไม่มีใครเขาให้คะแนนตัวเองกันหรอกครับ
เพราะทำเช่นนั้นเขาเรียกว่ายกหางตัวเอง
อย่าเพิ่งไปไกลให้คะแนนเต็ม ๑๐ ในการเลือกตั้งครั้งหน้าเลยครับ เอา ณ ปัจจุบันก่อน
ค่าแรงขั้นต่ำวันละ ๔๐๐ บาท ยังไม่ผ่านคณะกรรมการไตรภาคี แต่รัฐบาลประโคมว่าขึ้นแน่ ๑ ตุลาคมนี้
จะบีบเอาเลยใช่มั้ย?
สุดท้ายเรื่องที่บอกว่า “รัฐบาลเพิ่งปรับ ครม. ซึ่งมีเสียงจากนักวิชาการหลายท่านที่น่าเชื่อถือได้ให้คำยืนยันว่า ถูกฝาถูกตัวมากที่สุด ทุกอย่างกำลังขับเคลื่อนไปข้างหน้า ไม่มีทางเลยที่เราจะแย่กว่าเดิม”
สาธุ…นักวิชาเกินหน้าไหนเป็นคนพูด
ที่เห็นมีแต่บอกว่านับถอยหลัง!
๑๐ เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม ๑๐
ครับ…แถจนสีข้างถลอก เลือดไหลซิบๆ