สันต์ สะตอแมน
สวัสดีปีเถาะ-2566!
เริ่มต้น..ได้พบปะกันในวันแรกของปีด้วยความเบิกบาน สดชื่น แจ่มใส พร้อมพลังกาย พลังใจ พลังสมองที่เปี่ยมล้น
จะปีเก่า-ปีใหม่ ชีวิตก็ยังคงดำเนินไป ตราบใดที่ลมหายใจยังมีอยู่ ก็ต้องชดใช้กรรม ตามกรรมใคร-กรรมมันต่อไปๆ จนถึงวันนั้น!
เช่นกัน..วงการภาพยนตร์ไทย ไม่ว่าจะมีผู้ชม-ไม่มีคนดู ผู้สร้าง-ผู้กำกับฯก็ยังต้องเดินหน้าใช้กรรม เอ๊ยผลิต-สร้างสรรค์ผลงานอยู่เหมือนเดิม
ในฐานะคนที่นิยม-ชื่นชอบหนังไทย ผมก็ใคร่ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆ คน ได้ประสบความสำเร็จรับทั้งเงิน-ทั้งกล่องในปีนี้
และนี่..ก็เป็นอีกหนึ่งกำลังใจจาก “คุณมานพ อุดมเดช” ผู้กำกับภาพยนตร์มือรางวัล ที่ได้ฝากคำอำนวยพรปีใหม่ ๒๕๖๖ ผ่านผม..
ไปถึงเพื่อนพ้องน้องพี่ในวงการภาพยนตร์ไทย ทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักทุกคนตามนี้..
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๖
๏ ขอมอบมะลิร้อย แทนใจ
แด่เพื่อนพ้องใกล้ไกล ทั่วถ้วน
ในศกใหม่ให้ใส ผ่องผุด
ดังหนึ่งมาลีล้วน สอดสร้อยสีสัน ๚๛
๏ กรุ่นเจ้าดวงดอกไม้ ยรรยอง
ทรงหนึ่งมาลากรอง หยาดฟ้า
พเยียพะยอมทอง กวาวแจ่ม
เพาโพธมาลีช้า ช่อนแท้ใดเทียม ๚๛
๏ ดอกปีบบานช่อแล้ว พวงหอม
กลิ่นกวักแมลงบินดอม เลียดลิ้ม
มธุรสจาวถนอม รอภู่ ผึ้งนา
ดังเสน่หาพักตร์พริ้ม รักษ์ไว้รอรัก ๚๛
๏ ขจรจาวเจิดก้อง ขจรศักดิ์
จาวเจิดวิไลลักษณ์ เลิศท้าง
มาลย์มิ่งดั่งดาวจาก นภารัตติ์
ปานอัปสรสรวงสล้าง จุติ์หล้ารมณีย์ ๚๛
๏ ปรารถนาใดที่ตั้ง ในใจ
แม้ยากง่ายปานใด จ่งได้
จงสัมฤทธิ์สมหทัย หมายมุ่ง
ปีใหม่ทุกท่านให้ อย่าแคล้วสิ่งฝัน ๚๛
๏ ขออภิวาทพระผู้ สรรเพชุดา
ด้วยดอกธรรมรักษา มิ่งไม้
ขออำนาจพ้นพรรณา คุณรัตน์ ตรัยนา
พิทักษ์มวลมิตรไว้ ทั่วถ้วนปีใหม่เทอญ ๚๛
ครับ..ห้วงนี้ตลาดหนังไทยอยู่ใน “สภาวะถดถอย” จนผู้กำกับฯหลายคนดูจะวิตก-กังวล หวังว่าพรนี้จะพอทำให้ใจชุ่มชื้นขึ้นมาได้บ้างไม่มากก็น้อย ส่วนผมก็ได้แต่ปลอบเบาๆ..
เอาน่า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แต่เชื่อผมเถิด หนังไทยไม่มีวันล้มหายตายจากไปหรอก หรือถ้าไม่เชื่อฆราวาสบาปหนาอย่างผม
อ่านที่ผู้ทรงศีลอย่าง “หลวงพ่อพระพยอม” ได้เขียนไว้ในหนังสืองานประกาศผลรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติครั้งที่ 4 วันที่ 4 เมษายน 2538 ดูก็ได้..
“ความคิดเห็นของอาตมาคิดว่าภาพยนตร์คงไม่ถึงกับสูญหายไป มันอาจจะหายไปเป็นช่วงๆ เหมือนเพลงลูกทุ่งหายไปแล้วก็กลับมาฮิตอีกก็คงเป็นอย่างนี้
มันต้องกลับมาอีกเพราะว่า มันเป็นอมตะ มันเป็นดนตรีชีวิตของคนไทยไปแล้ว ตราบใดที่ประเทศไทยยังเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรม จารีต แบบนี้เมืองไทยจะไม่มีคำว่า ลำตัด ลิเก ลูกทุ่งหมดไป
อาจจะเบาเป็นช่วงๆ แต่แล้วมันก็ต้องกลับมาฟื้นขึ้นมาอีก คือมันเป็นชีวิตจิตวิญญาณสายเลือดไปแล้ว”
คราวนี้เชื่อหรือยังล่ะ ว่าแต่ “เบาเป็นช่วงๆ” ของหลวงพ่อน่ะ..
ขอเป็นช่วงสั้นๆ-แคบๆ เถอะนะขอรับ?