ไม่ต้องอกตก-ตกใจ ไม่ใช่ผู้กำกับหนังไทยหรอก แต่เป็นผู้กำกับหนังชาวพม่าโน่น..ชื่อ “มิน ถิ่น โก โก ยี” จากการโพสต์เฟซบุ๊กวิพากษ์วิจารณ์ทหาร
ส่วนผู้กำกับหนังไทยที่โพสต์วิพากษ์วิจารณ์ศาล และคุณปารีณา ไกรคุปต์ ได้ไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรจอมบึง จ.ราชบุรี ในข้อหาหมิ่นศาลรัฐธรรมนูญ นั้น..
ก็..คอยตามฟัง-ตามดูกันไป ไม่ผิดก็ไม่ติดคุก แต่ถ้าผิดก็..อย่าได้โทษใครเลย!
พูดถึง “ผู้กำกับหนังไทย” ตอนนี้ได้ “คุณธนิตย์ จิตนุกูล” มารับแบกภาระงานในตำแหน่ง “นายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย”..เป็นคนที่ 5 ที่ 6 แล้วมั้งที่สมาชิกได้ไว้วางใจเลือกให้เป็นตัวแทน-ผู้นำ
นำไปไหน?..อันนี้ไม่รู้ รู้แต่ว่าเมื่อพี่น้องเพื่อนพ้องร่วมอาชีพเลือกมาแล้ว ทุกคนต่างก็ได้ทุ่มเทกำลังกาย กำลังทรัพย์ กำลังสมองทำงานด้วยเสียสละ โดยไม่มีค่าตอบแทนใดๆ แม้แต่ค่าน้ำมันรถ
คุณปื๊ด..ผมขออนุญาตเรียกชื่อนี้จะคุ้นชินกว่า เป็นนายกฯอีกคนที่กำลังสาละวนอยู่กับการคิดงาน-ทำงาน เพื่อหวังพัฒนาวงการหนังไทยให้เจริญก้าวหน้า ให้กลับมาเป็นที่นิยมชอบชมของคนดู
ที่พูดเช่นนี้ เพราะอย่างที่รู้-ที่เห็น ภาพรวมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยห้วง 4-5 ปีมานี้ไม่ค่อยสู้ดีนัก แม้จะมีการสร้างกันออกมาอยู่สม่ำเสมอ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเพียงหนังฟอร์มเล็ก-ทุนต่ำ..
หรือถ้าเรียกให้ดูดีหน่อยก็จะเป็น..หนังแนวอินดี้-หนังทางเลือกอะไรประมาณนั้น!
ซึ่งหนังประเภทนี้ การลงทุนไม่มากมาย ช่วยเลี่ยง “ความเสี่ยง” ได้ระดับหนึ่ง และเมื่อเป็นหนังทางเลือก-ทุนต่ำ ทางโรงหนังก็จำเป็นที่ให้โรง-รอบฉายแบบจำกัดจำเขี่ย เพราะรู้ดีว่ามีผู้ชมแค่หยิบมือ-กลุ่มเดียว
เมื่อได้โรง-รอบฉายแบบ “เสียไม่ได้” อายุหนังในการฉายจึงเลยสั้นจุ๊ดจู๋ บางเรื่องฉายไม่เกิน 4 วันก็ถูกถอดออกจากโปรแกรม หรือถ้ายังอยู่ ก็อยู่แบบ “รอบเดียว-โรงเดียว” ต่อวัน..
เรียกว่า ต้องขยันขับรถเสาะหาถึงจะได้ดู!
แล้วอย่างงี้ หนังไทยจะไม่สลบได้อย่างไร? ซึ่งก็เป็นเรื่องที่หนักอึ้งของคุณปื๊ดที่จะต้องคิดหาทางแก้ไข แม้จะรู้ว่ายาก แต่เมื่อรับเป็น “นายกฯ” ถ้าไม่ทำไรเลย ลาออกซะดีกว่า?
เวลานี้ ผมจึงได้ยินได้ฟังว่าคุณปื๊ดได้ทุ่มเททำงานอย่างเต็มกำลังให้กับสมาคมผู้กำกับฯ ควบคู่ไปกับการทำงานเพื่อ “ปากท้อง” ของตัวเอง
อย่างตอนนี้ งานในฐานะ “ผู้ควบคุมงานสร้าง” ก็หนังเรื่อง “ฮักบี้ บ้านบาก” ที่สร้าง-กำกับโดยคุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ แต่เท่าที่เห็นรายได้จากการเข้าฉายวันแรก ดูจะผิดหวังอยู่มาก
อีกงาน (ประจำ).. ทำร้านอาหารชื่อ “จิ้มหนูหน่อย” แถวๆวัดสวนแก้ว แม้จะไม่ฟู่ฟ่า-ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำ-เทท่า แต่นัยว่าเป็นธุรกิจที่พอจะเลี้ยงครอบครัวได้สบายๆ
ส่วนงาน “กำกับหนัง” ดูเหมือนยังคุยไม่ลงตัวกับค่ายหนังใหญ่ จึงไม่รู้อีกนานแค่ไหน จะได้ดู..
“บางระจัน”.. เวอร์ชั่น 2020!
สันต์ สะตอแมน