สันต์ สะตอแมน
“โคตรพ่อโคตรแม่ไม่สั่งสอน”!
ก็..คงจะชินปาก-คุ้นหูกันเป็นอย่างดีกับคำพูดประโยคนี้ แต่จะให้ลึกซึ้งถึงที่มา ก็ต้องอ่านที่คุณไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ได้กรุณาขยายความหมายเมื่อวันวานว่า..
“..แต่เด็กบางคน #โคตรพ่อโคตรแม่ไม่สั่งสอน พ่อแม่ไม่สอนธรรมะก็เพราะพ่อแม่เองก็เป็นคนไม่มีธรรมะ เหตุที่พ่อแม่ไม่มีธรรมะก็เป็นเพราะปู่ย่าตายายเป็นคนไม่มีธรรมะ
เหตุที่ปู่ย่าตายายไม่มีธรรมะก็เพราะทวดทั้งฝ่ายพ่อฝ่ายแม่ไม่มีธรรมะ และเราสามารถจะอธิบายเช่นนี้สืบต่อค้นไปจนถึงต้นตระกูลของพวกมันเหล่านี้
คนที่ไม่มีธรรมะเช่นนี้ ภาษาไทยเดิมเขาเรียกว่า “เป็นคนที่โคตรพ่อโคตรแม่มันไม่ได้อบรมสั่งสอน มันจึงเลวอย่างที่เห็น หาดูได้ไม่ยากทั้งในวงการราชการและวงการการเมืองของไทย”
ถ้าเป็นทางฝ่ายข้าราชการ ผู้บังคับบัญชาใดพบเห็นลูกน้องที่มีพฤติกรรม “ไร้ธรรมะ” เช่นนี้ ต้องรีบทำอะไรบางอย่างเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ข้าราชการคนอื่นๆ
ถ้าผู้บังคับบัญชาพบเห็นแล้วเฉยๆ เสียก็แสดงว่าผู้บังคับบัญชาเหล่านั้นก็น่าจะเป็นคนที่ “โคตรพ่อโคตรแม่ไม่ได้สั่งสอนพวกมันมาเช่นเดียวกัน”
นี่..ผมเห็นจะไม่ขอขยายความหรอกนะ ว่าเหตุที่คุณไตรรงค์ยกเอา “โคตรพ่อโคตรแม่ไม่สั่งสอน” มาขยายความ มันมาจากสาเหตุอันใด?
แต่..ถ้าจะให้ขยาย ก็เห็นจะเป็นในเรื่องของ “ครู” หรือ “แม่พิมพ์ของชาติ” ที่นอกจากการสั่งสอนให้นักเรียนมีความรู้ความสามารถในทางด้านวิชาการแล้ว..
ครูยังเป็นผู้ยกระดับวิญญาณมนุษย์ ให้รู้จักผิดชอบชั่วดี สอนในคุณงามความดีเพื่อเป็นแม่แบบให้เด็กได้ปฏิบัติตามทั้งต่อหน้าและลับหลัง!
ซึ่งหากไม่ได้เป็นไปตามนี้ หรือผิดไปจากนี้..ใครจะเรียกขานอย่างไรก็สุดแท้ แต่สำหรับผมขอบอก.. “อัปปรีย์ชน” ดีๆนี่เอง!
ครับ..ไหนๆ เอ่ยถึงครูแล้ว ก็ขอพูดเรื่องนักเรียน-เรื่องเด็กต่อเสียเลย ไม่ได้เกี่ยวกับกลุ่ม “นักเรียนเลว” ที่เที่ยวไปชุมนุมตามสถานที่ต่างๆ หรือเด็กที่โคตรพ่อโคตรแม่ไม่ได้สั่งสอนนั่นหรอก
ผมหมายถึง “วันเด็กแห่งชาติ” ที่จะมาถึงในวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคม ปี 2566 นู่นน่ะ ซึ่ง 3-4 วันก่อน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ได้มีคำขวัญวันเด็กปี 2566..
คือ.. “รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่ความดี” มอบให้กับเด็กๆไปเป็นที่เรียบร้อย และหากอยากรู้นายกฯลุงตู่อยู่ในอำนาจมากี่ปี ก็นับเอาจาก “คำขวัญวันเด็ก” ในแต่ละปีดูล่ะกัน..
ปี 58 “ความรู้ คู่คุณธรรม นำสู่อนาคต” ปี 59 “เด็กดี หมั่นเพียร เรียนรู้ สู่อนาคต” ปี 60 “เด็กไทย ใส่ใจศึกษา พาชาติมั่นคง” ปี 61 “รู้คิด รู้เท่าทัน สร้างสรรค์เทคโนโลยี
ปี 62 “เด็ก เยาวชน จิตอาสา ร่วมพัฒนาชาติ” ปี 63 “เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย” 64 “เด็กไทยวิถีใหม่ รวมไทยสร้างชาติ ด้วยภักดีมีคุณธรรม”
ปี 65 “รู้คิด รอบคอบ รับผิดชอบต่อสังคม”..ก็ 8ปี ย่างเข้าสู่ปีที่ 9 ในปีหน้านี้ ส่วนจะอยู่ต่อไปในปีที่ 10-11หรือไม่ นั่นก็ขึ้นอยู่กับประชาชน-คนไทยล่ะว่าจะยังสนับสนุน-ส่งเสริมคนดี..
ให้ “คนดี” ได้ปกครองบ้านเมืองอีกต่อไปหรือไม่?
แน่ะ..คุณอิ๊งอิ๊งอย่าทำเบะปากเหมือนตอนศาลอ่านคำพิพากษาคดีวงศาคณาญาติตระกูลชินวัตรเมื่อปี 51อย่างนั้นซิ มันดูไม่งามรู้ไหม?
อ้อ..แต่ที่(น่า)รู้แน่ สำนักวิจัยซูเปอร์โพล พบความคิดเห็นและประสบการณ์ของประชาชนต่อการสั่นคลอนสถาบันหลักของชาติส่วนใหญ่หรือร้อยละ 85.9 ระบุ..
มีพรรคการเมืองบางพรรค นักการเมือง นักวิชาการ นักเคลื่อนไหวทางสังคมบางคน ยุยง ปลุกปั่น เด็กและเยาวชน คนรุ่นใหม่ ให้สั่นคลอนสถาบันหลักของชาติ
และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 81.8 ระบุ พร้อมมากถึงมากที่สุด ในการปฏิเสธพรรคการเมืองที่สั่นคลอนสถาบันหลักของชาติ
อย่างงี้..แลนด์สไลด์แน่นะวิ?