อยู่เป็น หรืออยู่ ไม่ เป็น..นั่นเรื่องของ “ทอน”!
แต่..ถ้า “อยู่” แล้วสร้างแต่ความวุ่นวาย-แตกแยกในสังคม-ประเทศชาติไม่เว้นว่าง อยากถามนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เหมือนกัน..
จะอยู่-เล่นการเมืองไปหาพระแสงของ้าวอะไร?
ตั้งสติ..สูดลมหายใจลึกๆ แล้วค่อยๆคิดทบทวนดูสิว่า ตั้งแต่ก่อนและหลังก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ขึ้นมา ปัญหาสารพัดที่ถาโถมใส่ ใครหน้าไหนล่ะเป็นผู้ก่อ..
ไม่ใช่ “ทอน บุตร ช่อ” ดอกรึที่วันๆขยันหาเรื่องใส่ตัว ซ้ำรวมหัวสุมไฟ-ใส่ฟืน จ้อง “พลิกฟ้า คว่ำแผ่นดิน”?
การเปลี่ยนแปลงประเทศน่ะไม่มีใครขวาง ใครว่า หากการเปลี่ยนแปลงนั้น นำไปสู่สิ่งที่ดี ที่สำคัญต้องเป็นไปโดยความสมัครใจพร้อมเพรียงของคนทั้งชาติ ไม่ว่าจะรุ่นเก่า-รุ่นใหม่
และไม่จำเป็นต้องเร่งรีบร้อนดังที่ทอน บุตร ช่อ กำลังดำเนินการ เพราะงานในสภาของคนทั้ง 3 จะว่าไปแล้วก็แค่ “เด็กอนุบาล” ยังต้องศึกษา เรียนรู้-บ่มเพราะประสบการณ์อีกมาก..
ขนาดนักการเมืองรุ่นพี่-รุ่นพ่อที่มีอุดมการณ์ “เปลี่ยนแปลงประเทศ” อยู่ในหัวมายาวนาน ยังต้องรอหาจังหวะ-โอกาสด้วยความอดทน จนบางคนก็ “ทนอด” เพราะหมดวาสนาในอำนาจ-บารมี!
เชื่อเถอะ..สำหรับประเทศนี้แล้ว ไม่ว่าจะ “อยู่เป็น” หรือ “อยู่ ไม่ เป็น” ทุกคนต่างก็อยู่กันไปได้ตามอัตภาพ นอกเสียจากบางคนที่มีเจตนามุ่งจะทำร้าย ทำลายประเทศชาติให้ย่อยยับ..
นั่น..ก็อาจจะอยู่ยาก จนต้องจากบ้านจากเมืองไป!
แล้ว ทอน บุตร ช่อมีเจตนาต่อประเทศนี้อย่างไรย่อมจะรู้อยู่แก่ใจ..ไม่มีอำนาจปืน อำนาจรถถัง อำนาจยุติธรรม อำนาจตำรวจ อำนาจทุน หรืออำนาจอันใดดอก ที่จะทำลาย “อนาคตใหม่”ได้..
มีแต่ “ทอน บุตร ช่อ” นี้แหละที่ทำลายตัวเองมาตลอด นั่นด้วยเพราะมัวแต่..
“เอาความดื้อรั้นของตัวเองเป็นความถูกต้อง จึงไม่อาจเห็นว่าทั้งชีวิตทำผิดอะไรบ้าง” ดังวาทะ–คมคำของ “ดังตฤณ”!
และไหนๆก็ยกวาทะ “ดังตฤณ” มาใช้แล้ว ก็ขออนุญาตนำมาทิ้งท้ายไว้ตรงนี้อีกนิด เผื่อบางที่จะช่วยสะกิดใจใครต่อใครได้คิดได้ตรึกตรอง..
โลกไม่ตามใจเรา..
แม้เราอยากเห็นแต่คนดี ทว่าโลกมีแต่คนเลวให้ดู เราก็ต้องดู และรู้ว่าเราเป็นหนึ่งในนั้นไหม
โลกไม่ตามใจเรา
แม้เราอยากพบแต่คนมีเหตุผล ทว่าโลกมีแต่คนเอาใจตนเป็นใหญ่ เราก็ต้องทน และไม่หลงเอาแต่ใจตนตามเขา
ครับ..ถ้าเพลาๆความดื้อรั้นของตังเองลงเสียหน่อย บางทีจะได้ไม่ต้องมีแคมเปญ..
“อยู่ ไม่ เป็น” ให้เสี่ยงต่อความวุ่นวายหรอกนะ..ทอน!