สันต์ สะตอแมน
นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เป็นใครยังต้องตามดู
ส่วนนายกฯ ตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่-ทำงานอยู่ต่อไปไม่ว่างเว้น ใครที่มองไม่เห็นผลงาน 8-9 ปี ที่ผ่านมา..
ถ้าตาไม่บอด ใจก็คงบอด ต่อให้บอก ให้พูด-อธิบายแค่ไหน-อย่างไรก็ป่วยการ!
เพราะพระท่านว่า..คนใจบอดนั้น คือคนที่มีจิตใจห่างไกลจากศีลจากธรรม เป็นคนที่มีจิต “ขาดเมตตาธรรม” จึงแสดงออกมาด้วย “ความเห็นแก่ตัว” ในด้านต่างๆอย่างลึกลับ
มีทั้งที่แสดงออกทางภายนอกและทางภายใน บางคนเห็นแก่ตัวจัดจ้านเห็นแก่ได้ โดยมีความโลภเป็นเจ้าเรือน สามารถทุจริตคดโกง หรือคอรัปชั่นโกงกินบ้านเมือง
ทรยศต่อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้อย่างไม่เกรงกลัวละอายต่อบาปกรรม เหตุเพราะกำลังของธรรมในจิต คือ “หิริโอตัปปะ” มีกำลังอ่อน กิเลสมีกำลังมากกว่าธรรม นั่นแล!
ฉะนั้นแล้ว ก็อย่าไปเสียอารมณ์ เสียเวลา หากกำลังอ่าน หรือฟัง “คนใจบอด” เขียน-พูด ก็ขอให้ปล่อยว่าง ให้คิด-รู้สึกเป็นเรื่องสนุกโปกฮาไป
อย่างเช่นคุณป้อง ณวัฒน์ พระเอกหนุ่มหล่อ ที่หยิบเอาข้อความดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ที่ว่า.. “เอาข้อบังคับการประชุมมาทำให้บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญเป็นง่อย
ทั้งๆ ที่รัฐธรรมนูญกำหนดการเลือกนายกฯ ไว้เป็นการเฉพาะการแล้ว น่าสงสารประเทศไทย ผมจะรอดูคำร้องว่าการกระทำของรัฐสภาขัดรัฐธรรมนูญครับ
และจะดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะว่ายังไง สอนรัฐธรรมนูญมาสามสิบกว่าปี ต้องทบทวนแล้วว่าจะสอนต่อไหม ?!?!?! “
พร้อมเขียนข้อความว่า.. “ไม่ฟังอาจารย์ แล้วจะฟังใคร ทำกันจนกติกามันบิดเบี้ยวกันไปหมด ของมันชัดเจน เห็นๆกันอยู่ “
อย่างงี้ ก็เป็นลักษณะตลกโปกฮา อย่าถือสา หาความ ด้วยเพราะคุณป้องเลือกที่จะอ่าน จะเชื่อในสิ่งที่ถูกจริตกับตัวเอง โดยไม่สนหรือฟังคำอธิบายของผู้ที่เห็นต่างแต่อย่างใด!
อ้าว..แล้วนั่นจะผูกมัด-ล่ามโซ่กันแบบเดียวกับ “ยุพดี”-“ส่างหม่อง”ในหนัง “ชั่วฟ้าดินสลาย” เลยเชียวหรือ ก็เห็นพูดกันว่า.. “การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร”..
แล้วทำไม “ด้อมส้ม” ก็ดี ส.ส.ก้าวไกลก็ดี จึงได้ทำตัวไร้เดียงสากันล่ะ?
คำมั่น สัญญารักแบบชั่วฟ้าดินสลายน่ะ มันมีแต่ในนิยาย ในละคร ในหนัง ส่วนในชีวิตจริงก็พอจะมีบ้าง แต่กับนักการเมืองแล้ว..
ขอโทษนะด้อม..ตั้งแต่ 2475 มาถึง 2566 มันไม่เคยปรากฏมีพรรคการเมือง นักการเมืองจับมือรักกันชั่วฟ้าดินสลาย ขนาดอยู่ร่วมพรรคเดียวกัน ยังถือมีดแอบหลัง จ้องจะแทงกันตลอดเวลา!
มันไม่ใช่เรื่องของ “หน้าบาง-หน้าด้าน” หรือ “หน้าหล่อ” แต่การเมืองมันเรื่องของการแย่งชิงให้ได้มาซึ่งอำนาจ ซึ่งเริ่มต้นพรรคก้าวไกลก็แย่งมาได้แล้ว
แต่เพราะด้อยประสบการณ์ ไร้เดียงสาในการบริหารอำนาจ ประกอบกับสร้างศัตรูทั่วทิศ จนหามิตรไม่เจอ ก้าวไกลจึงกอดอำนาจอยู่ได้แค่ชั่วครู่-ชั่วยาม!
และเมื่ออำนาจหลุดมือไปก็ต้องทำใจ-ยอมรับ ไม่ใช่เที่ยวปลุกระดม หรือประกาศ “สู้กับคนหน้าด้าน ต้องหน้าด้านกว่า” และหรืออ้างว่า..
“ออกจาก 8 พรรคแล้ว ประชาชนจะเอาอะไรแดก”!
ห่วงเหลือเกินนะประชาชนน่ะ แต่โปรดสำเหนียกไว้เถอะว่า ประชาชนเขามีแดก-มีชีวิตอยู่กันมาได้ทุกยุค-ทุกสมัย ตราบที่ประเทศไทยในน้ำมีปลา ในนามีข้าว..
จะมี-ไม่มีสส.-พรรคก้าวไกล คนไทยก็มีแดก แถมเหลือให้นักการเมืองแดกอีกต่างหาก!
อ้อ..แล้วใคร “หน้าด้าน” ล่ะ? เท่าที่เห็น คุณอนุทินก็ดี คุณท็อป วราวุธก็ดี คุณพีระพันธุ์ก็ดี ลุงป้อมก็ดี ไม่ได้ด้านนะ เพราะเขาต่างยืนยันหน้าตรง..ไม่ร่วมกับพรรคแก้ 112!
จะว่าหมอชลน่าน-พรรคเพื่อไทย ก็ก้าวไกลมอบอำนาจให้เขาไปจัดตั้งรัฐบาลนิ เขาจะเอาใคร-ไม่เอาใครก็สิทธิของเขา..
MOU น่ะ มันจบไปแล้วตั้งแต่พิธาไม่ผ่านโหวต..
วิโรจน์จะตาถลนไปทำไม..หือ?