เปลว สีเงิน
คน “เพื่อไทย” นี่ เขามีตรรกะอะไรแปลกๆ
พอ “นายกฯประยุทธ์” บอกนักข่าวเช้าวาน (๒๓ ธค.๖๕)
“…………..วันนี้พรรคพลังประชารัฐ ก็ได้มีการตกลงใจที่จะเสนอชื่อหัวหน้าพรรคคือ “พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรีไปแล้ว
เพราะฉะนั้น ผมจึงได้ตัดสินใจวันนี้แล้วกัน ซึ่งความจริงก็ได้เตรียมการมาพอสมควรแล้วว่า
“จะไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ”
ก็จะได้สบายใจกันและก็สุดแล้วแต่ประชาชนก็แล้วกันว่าจะให้การสนับสนุนหรือไม่อย่างไร……”
เท่านั้นแหละ
อดีตอธิการบดีรามฯ “นายชูศักดิ์ ศิรินิล” ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และประธานฝ่ายกฎหมายเพื่อไทย ออกมาแถลงทันที ว่า
“…..ฝากถึงพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลที่ผ่านมา เมื่อพรรคของตนเอง เสนอชื่อพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ
เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ได้แสดงให้เห็นว่า “ไม่ประสงค์จะช่วยพรรคพลังประชารัฐอีกต่อไปแล้ว”
ควรจะแสดงเจตนา…..
“ถอนตัวจากการเป็นแกนนำรัฐบาล”
เพื่อแสดงความรับผิดชอบที่ตนเองเป็นฝ่ายเสนอให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ และจัดตั้งรัฐบาล…..”
อืมมมมมม….
เรื่องให้คนอื่นรับผิดชอบละก็ถนัดนัก แต่เรื่องพรรคตัวเอง มีแต่ช่องหมาลอด
ทั้งคอยื่น-คอยาว เข้าไปสอดรู้ แส่เข้าไปจัดการเขาหมด
แต่กับเรื่องของเพื่อไทย “พรรคตัวเอง” มีชลน่านนั่งหัวโด่เป็น “หัวตอ” พรรค
วันดี-คืนดี ลูกสาวหัวหน้าคอกขึ้นมานั่งในตำแหน่ง “หัวหน้าครอบครัวใหญ่” เป็นกระโปรงครอบหัวตอพรรคไปอีกที
แล้วแบบนี้ ท่านที่ปรึกษากฎหมายเพื่อไทยว่าผิดมั้ย?
ก็ไม่มีกฎหมายฉบับไหน “ห้ามทำ”
ทำนองเดียวกัน พ่อหมอกฎหมายใหญ่ ช่วยวินิจฉัยทีเถอะ การที่พลเอกประยุทธ์บอก “เลือกตั้งครั้งหน้าจะไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ”
กฎหมายฉบับไหน “ห้ามพูด” ถึงอนาคตบ้างมิทราบ?
ที่สำคัญ พลเอกประยุทธ์ ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เป็นแค่ “ดารารับเชิญ” ให้มาเป็นนายกฯ ในบัญชีเลือกตั้งเท่านั้น
เมื่อจะครบเทอม พลังประชารัฐไม่เชิญพลเอกประยุทธ์ต่อ ประกาศจะเสนอชื่อ “พลเอกประวิตร” คนเดียว
มันก็ “ครบ-จบ-ชัด”
คือถึง ๒๓ มีนา.๖๖ ก็ “ครบ ๔ ปี” ตามเทอมสัญญา เมื่อไม่ต่อสัญญา ก็แยกกันไป ด้วยความสมัครใจของทั้ง ๒ ฝ่าย
มันก็เท่านั้น….
เท่าที่สังเกต คนรอบตัวบิ๊กป้อม ดูจะพอใจกับการที่พลังประชารัฐจะไม่มีพลเอกประยุทธ์อยู่ด้วยซ้ำ!
เพราะอะไรน่ะหรือ?
เพราะเหมือนเจ้าอาวาสเคร่งวินัย ฉันมื้อเดียว ลูกวัดประเภทอลัชชีย่อมไม่ชอบ ค่ำๆ แอบหม่ำหมูกระทะก็ไม่ได้
อีกอย่าง ครั้งหน้าจะจับมือกับเพื่อไทย “ตั้งรัฐบาล” เมื่อพลเอกประยุทธ์ยังอยู่ ก็อย่าหวัง
เมื่อลุงตู่ไม่อยู่ จะครึกครื้นกันทั้งวัด
“ลุงป้อม” เจ้าอาวาสใจดี ใครเข้าไปนวดแข้ง-นวดขา ขออะไร ทำอะไร ก็ได้หมด
ยิ่ง “พลังประชารัฐ” มีแผนจับมือ “เพื่อไทย” ตั้งรัฐบาล
คนไหนล่ะ ในพรรคที่เหลือ จะไม่อยาก?
“ลูกพรรคธรรมนัส” ก็กลับมาเกือบหมดแล้ว เหลือแต่ตัวธรรมนัส ลุงป้อมยังเหนียมคำว่า “สีเทา” เคล้าตู้ห่าวอยู่
จึงให้จ่ออยู่ปากประตู ….
แต่เขารู้กันทั่ว ธรรมนัสเป็น “พลังประชารัฐ” เต็มตัว ในฐานะ “ทูตประสาน” ตั้งแต่งาน “โค่นประยุทธ์” กลางสภาโน่นแล้ว
นี่เหมือนกัน ถ้าพลเอกประยุทธ์ยังอยู่ ธรรมนัสจะกลับพลังประชารัฐได้หรือ?
เพื่อพี่ป้อมสบายใจ น้องตู่บายให้ แล้วจะเอายังไงอีก?
ป.ประยุทธ์ไป ป.ป๊อก “พี่กลาง” ถ้าไม่วางมือ ก็น่าจะตามไปช่วยน้องเล็กที่รวมไทยสร้างชาติ
บางคนถาม ใจคอ ๒ ป.จะทิ้ง “พี่ใหญ่” ให้เหลือ “ป..เดียว” เดี่ยวโดดเลยเชียวหรือ?
ไม่ต้องห่วง ป.ประยุทธ์ กับ ป.ป๊อกไปแล้ว ป.ป้อม ก็ยังมี ป.ที่ ๔ ทำหน้าที่ “หลี่กงกง” อยู่หลังพรรค
นั่นคือ ป.ป๊อด “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” อดีตผบ.ตร.ยุครัฐบาลสมชาย ที่เป็น “น้องชาย” บิ๊กป้อมเอง จะขึ้นมาเป็น ๒ ป. “ป.ป้อม-ป.ป๊อด”
เมื่อ ป.ป๊อด สยายรังสี-บารมีใน “พลังประชารัฐ” ได้เต็มที่ โดยไม่มี ป.ประยุทธ์ ขวางทาง
ด้วยคอนเนกชั่นป.ป๊อด เลือกตั้งหน้า “พลังประชารัฐ” รัฐบาลชัวร์
นั่นคือ “ความมั่นใจ” ของเหล่าอัศวินโต๊ะกลมหมูกระทะของบิ๊กป้อม ไม่เป็นแกนตั้งเอง ยังไงๆ ก็ได้เป็น “แกนร่วม” กับเพื่อไทย
“ป.ป๊อด” ไม่ทำให้ มิตรรัก-นักเพลง ผิดหวังแน่นอน!
ยิ่ง “ป.แป้ง” ยกทีมกลับมาด้วยแล้ว ….
แนวรบด้านทิศเหนือของพลังประชารัฐ ต้อง “เชื่อแป้ง”
ทำไป-ทำมา พลังประชารัฐ ก็ยังเป็น ๓ ป.เหมือนเดิม คือ “ป.ป้อม,ป.ป๊อด และ ป.แป้ง”!
เอ๊ะ….
หรือเพราะมี “ดีลลับ” อะไรกันหรือเปล่าก็มิทราบ นายชูศักดิ์ จึงเล่นบท “บ่างช่างยุ”
ยุให้พลังประชารัฐ “ถอนตัว” จากแกนพรรครัฐบาล
เจตนาชัดๆ ก็คือ ต้องการให้พลเอกประยุทธ์ตกเก้าอี้โดยพลัน เท่านั้นแหละ
ถ้าพลังประชารัฐ “บ้ายุ” ก็คงสนุกดี เป็นแกนนำรัฐบาลเอง แล้วคว่ำรัฐบาลตัวเอง
เหมือนล่องเรือแล้วโกรธกัน ก็เจาะท้องเรือหวังให้เพื่อนจมน้ำตาย ลืมไปว่า ตัวเองก็อยู่ในเรือลำนั้นด้วย!
ใจเย็นๆ ก็ได้มั้ง เพื่อไทยน่ะ
ได้ตั้งรัฐบาลแน่ เพราะมีตัวโจ๊กคอยเชื่อมตั้ง ๒ ตัว ทั้งป.ป๊อด และป.แป้ง
ส่วนป.ป้อมนั่นน่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก โดยเฉพาะหญิงอ้อ กับป.ป้อม ไม่ต่าง “พงอ้อ” กับ “กอแขม” ที่แซมอยู่ด้วยกันตลอด
เพื่อไทยนี่ หัวหน้าคอก มั่นใจมือทำโพลที่เขาจ้างมาตลอด ว่าเลือกตั้งคราวนี้ การันตี ต่ำสุด ๒๐๐ ที่นั่ง
ไม่ต้องจ่ายมากด้วย….
เพราะยังมีประเภท “รู้ว่าหลอกแต่เต็มใจให้หลอก” พร้อมเลือกอยู่มาก แม้ส่งเสาไฟฟ้าก็เหอะ!
แต่คงเป็นฝ่ายค้านแร้นแค้นจนเข็ด แม้มีสูตรสำเร็จ “เพื่อไทย+พลังประชารัฐ” ก็ยังไม่มั่นใจ
นายชูศักดิ์ จึงพูดเหมือนแบไต๋ อีกตอน ว่า……
“คณิตศาสตร์ทางการเมืองขณะนี้มีว่าพรรคการเมืองที่พล.อ.ประยุทธ์ จะไปอยู่นั้นจะมีคะแนนเสียงเป็นกอบเป็นกำที่จะอ้างความชอบธรรมสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่
บางท่านถึงกับวิพากษ์วิจารณ์ว่า จะได้ถึง ๒๕ เสียงหรือไม่ กรณีเช่นนี้ หนีไม่พ้นว่าจะต้องอาศัยเสียงของส.ว.เข้ามาช่วยสนับสนุนร่วมโหวตให้เป็นนายกฯ ถึงจะได้เป็น
จึงขอฝากถึงพรรคการเมืองทั้งหลาย ช่วยกันสนับสนุนกรณีขอยกเลิกมาตรา ๒๗๒ ให้อำนาจการจัดตั้งรัฐบาลมาอยู่ในอำนาจดุลพินิจของพรรคการเมืองด้วยกันเถิด
และขอฝากถึงท่านส.ว.ทั้งหลายว่า ครั้งก่อนท่านโหวตให้พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะแคนดิเดตนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ
ในครั้งนี้ เปลี่ยนพรรคแล้ว ท่านยังจะโหวตให้อีกหรือไม่ ทางที่ดีที่สุดเพื่อความยุติธรรม เสมอภาค ไม่มีตัวช่วย การเมืองเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
ให้โอกาสกันมาตั้ง ๘ ปีแล้ว ช่วยกันยกเลิกมาตรา ๒๗๒ จะเป็นทางออกของประเทศที่ดีที่สุด”
ทำ “ตาเหลือก-ตาแหก” ไปได้ …ชูศักดิ์ก้อ
เคยได้ยินคำพูดนี้ในยุทธจักรนักสู้มั้ย?
“อย่าเอาหัวใจโจรไปวัดหัวใจวิญญูชน” นั่นน่ะ!
มาตรา ๒๗๒ เป็นบทเฉพาะกาล ๕ ปี ให้สว.ร่วมโหวตเลือกนายกฯ เหลืออีกปีเดียว ก็สิ้นสภาพแล้ว
เมื่อมั่นใจว่าแลนด์สไลด์ จะไปห่วงอะไรแค่เสียงสว.ในเมื่อเสียงสส.พรรคคุณล้นสภา
ปรามาสพรรคที่นายกฯ ไปอยู่ จะได้ถึง ๒๕ เสียง พอเสนอชื่อเป็นนายกฯมั้ย?
เมื่อว่าอย่างนี้ แล้วต้องกลัว ๒๕ เสียงจนขี้ขึ้นหัวสมอง เสนอยกเลิกม.๒๗๒ เพื่ออะไร
คุณมันแก่วิชา แต่อ่อนเชิง แถมประเมินจิตใจสว.ว่าเขาอยู่ระดับเดียวกับคุณ
จะบอกให้ ในจำนวน ๕๐๐ สส.สมมติฝ่ายเพื่อไทย มีเสียงหรือรวมเสียงได้มากกว่าครึ่ง สมมติ ๒๗๐-๒๘๐ เสียงขึ้นไป
แบบนี้ ไม่มีพรรคไหนเขาหน้าด้านไปเสนอแข่งหรอก
และก็ไม่มีเหตุผลต้องห่วงว่าสว.จะไม่โหวตให้ เพราะสว.เขาไม่ “หน้ามืด-หน้ามึน” เหมือนพวกคุณแน่
แต่ถ้าเสียง “คู่คี่-ตีคู่” มาด้วยกันทั้งสองฝ่าย สมมติ ฝ่ายเพื่อไทยมี ๒๕๑ เสียง ฝ่ายพลเอกประยุทธ์มี ๒๔๙ เสียง
มันก็มีเหตุผลและความชอบธรรม ที่แต่ละฝ่ายจะเสนอชื่อ “ว่าที่นายกฯ” ชิงกัน โดยให้ที่ประชุมรัฐสภาเลือก
อย่างคราวที่แล้ว “พลังประชารัฐ” เสนอพลเอกประยุทธ์ “เพื่อไทย” ก็เสนอนายธนาธร จำไม่ได้หรือชูศักดิ์
ถ้าแบบนี้ สว.เขาอาจใช้ดุลพินิจออกเสียงสนับสนุนนายกฯ ของฝ่ายไหนก็ได้
แต่เป็นไปได้มาก ที่สว.จะไม่ออกเสียงให้ฝ่ายไหนเลย!
เพราะโหวตไป “รัฐบาลปริ่มน้ำ” แบบนั้น
เดี๋ยวก็ต้องคว่ำ!
ฉะนั้น ก็ไปเข้าโหมด “เอาคนนอก” มาเสนอให้รัฐสภาโหวตเป็น “นายกฯ คนกลาง” นั่นแหละ
ก็สีซอให้ประธานฝ่ายกฎหมายเพื่อไทยฟังซะนาน ไม่รู้ตื่นยัง?
เอาเป็นว่า แฟนคลับรู้ไว้….
“ลุงตู่” ไป “รวมไทยสร้างชาติ” แล้วเน้อ ปู๊น…ปู๊น!
เปลว สีเงิน
๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๕