เปลว สีเงิน
คุณ“กัน จอมพลัง”นี่
“ซีมา โลชั่น” ยังต้องเรียกพี่ เพราะคุณ “แสบสันต์เพื่อชาติ” ยิ่งเกา-ยิ่งมัน ได้ดีกว่าเป็นล้านเท่า!
การเปิด “ซาวด์หนังผี” สลับ “ซาวด์เครื่องบิน เอฟ-๑๖ กับ กริพเพน กำลังวี๊ดดด….บึ๊มมมม กล่อมพวกเขมรที่ “บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว” ให้หลับสบายตลอดทั้งคืน นั้น
พวกหมาเขมร “คันหู”
พวกคนเขมร “คันใจ”!
“คณะสิทธิมนุษยชนเขมร” ทำจดหมายร้องเรียน UN ตามสันดาน “ลูกอีช่างฟ้อง” ทันที!
นี่ถ้าผมอยู่ที่ UN ก็จะบอก “ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาติ” ว่า “ช่วยเบิ๊ดกะโหลกเขมร กระตุ้นความจำมันให้ที” ว่า
“เค้าจะเปิดเสียงหนังผีหรือหนังพระมันก็เป็นสิทธิของเค้า เพราะ “”บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว” ที่พวกมึงอยู่ทุกวันนี้น่ะ มันเป็นแผ่นดินอธิปไตยของไทยเค้า
โคตรเหง้าพวกมึงซมซานหนีตายตอนเขมรแตกมาขออาศัยแผ่นดินไทยเขาซุกหัว ตั้งแต่พวกมึงที่กร่างตอนนี้ยังอยู่นอกมดลูกมั๊ง?
ก็ UN นี่แหละ…..
เป็นผู้ขอให้ไทย “เห็นแก่มนุษยธรรม” เปิดพื้นที่ “บ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว-บ้านตาพระยา” ให้โคตรเหง้าศักราชพวกมึงได้อาศัยและทำให้พวกมึงได้เกิด
เมื่อบ้านเมืองสงบ แทนที่จะกลับและขอบคุณไทย พวกมึงกลับทึกทักเอาแผ่นดินที่ “ไทยให้อาศัยอยู่” ว่าเป็น “แผ่นดินเขมร” ซะงั้น
ไทยเขาไม่ยิงกบาล ฐานยึดครองแผ่นดินเขา แค่เปิดเสียงหนังผีให้ฟัง ก็นับว่าบุญแล้ว จะมาร้องหาตะหวัก-ตะบวยอะไรอีกล่ะ!”
แล้วในข้อ ๔ ที่เรียกร้องมา “ขอให้ UN ช่วยเจรจาให้ไทยเปิดด่านข้ามพรมแดน “ไทย-เขมร” ตามปกติน่ะ
“เสียงผี-เสียงหมาหอน” มันเกี่ยวกับการที่ UN ต้องไปบอกให้ไทยเปิดด่านให้ตรงไหนวะ”?
ก็มึงหนังหนาหน้าด้านแถมเป็นอันธพาลกวนตีนเขาอย่างนี้ มันก็สมน้ำหน้าแล้วที่เขาปิด (ให้พวกมึงอด) ตาย
ถ้าอยากให้เขาเปิด ไปพูดกับไทยเขาดีๆ กราบตีนเขาซักครั้ง/สองครั้ง ไทยอาจเมตตาสงสารชาติพันธุ์ลิ้นสองแฉก เปิดให้ก็ได้”
คนไทยนี่….
หัวพลิกแพลง “นอกตำรา” ละก็ ไม่มีชาติไหนเหมือน แถมเรื่องเครียด เรื่องเป็น-ตาย คนไทยก็ทำให้กลายเป็นเรื่องตลกระดับชาติได้ง่ายๆ
อย่างเรื่องปฎิบัติการทางกองทัพ ส่งหน่วยเก็บกู้ทุ่นระเบิดเข้าไปที่บ้านหนองหญ้าแก้ว
พูดกันตรงๆ เป็นการส่ง “หน่วยหน้า” เข้าไปเคลียร์พื้นที่ ผสมยึดแผ่นดินไทยคืนไปในตัว ก่อนหน่วยทหารจะตามเข้าไปทีหลัง ชนิดเขมรยืนงง ทำอะไรไม่ถูกนั้น
นี่มันเป็น “แผนยุทธการ” ทางทหารเขา
แต่การที่ “กัน จอมพลัง” นำรถ ๒ คันใหญ่พร้อมเครื่องขยายเสียงมาเปิดซาวด์หนังผีกลางดึก จนพวกเขมรกลัวจนไม่เป็นอันหลับอันนอน นั้น
บอกก่อนว่า กองทัพไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เป็นไอเดียพิเรนล้ำของคุณกัน อันเป็นส่วน “ประชาชนเพื่อชาติ” เขาทำกันเอง
ผลปรากฏตามข้อความที่เพจคุณกันโพสต์ว่า
“บอกแล้วคืนนี้ไม่ได้นอน ตอนนี้ทหารเขมรและพวกบุกรุกริมชายแดนสระแก้วกลัวขึ้นสมอง วิ่งโกยแน่บไปตามถนนประมาณ ๔๐ คน สนุกทั้งคืน”
คงแค้นจัด แต่ไม่รู้จะแก้เผ็ดกลเม็ดคุณกันยังไง ไม้ตายเขมรก็มีลูกเดียว ไปฟ้อง IOT ผู้สังเกตการณ์ฝั่งเขมร แล้วพามาฟังเสียงผีผสมเสียงหมาหอน
สำนักข่าวเฟรชนิวส์ของเขมรก็มารายงานจากพื้นที่ทันทีว่า
“ประเทศไทยแสดงพฤติกรรมเหยียดเชื้อชาติอย่างไร้ศักดิ์ศรี เปิดเครื่องขยายเสียงเป็นเสียงผีและเสียงเครื่องบินดังก้องไปทั่วหมู่บ้านเปรยจันตลอดทั้งคืน
ชาวบ้านต้องทนทุกข์ทรมาน หวาดกลัวจนนอนไม่หลับหลังจากไม่สามารถขับไล่ชาวเขมรออกจากหมู่บ้านเปรยจันได้
ประเทศไทยได้ใช้วิธีที่ทั้งประหยัดและหยาบคายที่สุด ทำให้เกิดเสียงดังตลอดทั้งคืน
โดยเสียงที่เปิดลำโพงมีสองเสียง เสียงแรกเป็นเสียงผี เล่นเมื่อคืนที่ผ่านมา ตั้งแต่เวลา ๒๒.๔๔ น. จนถึงเวลา ๐๐.๔๐
และอีกเสียงหนึ่ง เป็นเสียงเครื่องบิน ซึ่งเล่นตั้งแต่เวลา ๐๓.๒๒ น.ถึง ๐๓.๕๓ น.ของวันที่ ๑๑ ตุลาคม
การกระทำของประเทศไทยถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ร้ายแรงที่สุดและแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเผ่าพันธุ์นี้ไม่มีศักดิ์ศรี ไม่มีศีลธรรมอันดีของความเป็นมนุษย์”
ฮ่ะๆๆๆๆๆ ผมงี้ ขำจนเยี่ยวเล็ด กับข่าวเฟรชนิวส์
ตรงที่รายงานเซ่อๆ เสร่อ ดก ว่า “ประเทศไทยได้ใช้วิธีที่ประหยัด”?
พอคณะ IOT มาถึง….
คุณกันก็แสบได้ใจ เปลี่ยนเวอร์ชั่นจากเสียงผี-เสียงเครื่องบินวี๊ดดด..บึ๊ม ไปเป็นสารคดีประวัติศาสตร์ “เลี้ยงหมาได้บุญ ทำคุณกับเขมรได้โทษ”
อ่านที่มีคนโพสต์นี่ซี
คดีพลิก 🤣
เหตุการณ์พลิกแบบไม่ทันตั้งตัว เมื่อคณะ IOT ที่กัมพูชาพาลงพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว เพื่อสังเกตการณ์ หลังมีการร้องเรียนว่า “เสียงผี” ทำให้ชาวบ้านฝั่งกัมพูชาหวาดกลัว
แต่ “กัน จอมพลัง”กลับพลิกสถานการณ์ด้วยการเปิดเสียงรถแห่ บอกเล่า “เรื่องราวประวัติศาสตร์” ถึงความเมตตาของไทย
ที่เคยให้ชาวกัมพูชาเข้ามาหลบภัยในพื้นที่นี้ จนกลายเป็นชุมชนขนาดใหญ่ในปัจจุบัน
เสียงบรรยายทั้งภาษาไทยและภาษาเขมร ทำให้คณะ IOT ได้รับข้อมูลรอบด้าน เข้าใจความเป็นมาของพื้นที่และข้อเท็จจริงมากขึ้น
ร่วมกันส่งกำลังใจให้ กัน จอมพลัง ทหารแนวหน้า และชาวบ้านที่อยู่แนวหน้าทุกคนด้วยนะคะ ❤️🇹🇭
…………………………………………
ในประเด็นนี้ “พล.ต.เบญจพล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา” ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ ๒ รักษาพระองค์ ในฐานะ “ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา”
ท่านให้ความเห็นไว้ชนิดที่เรียกว่า “เอาหัวใจประชาชนไปเลย” ดังนี้
“เรื่องซาวด์ผี ที่เราเปิด แล้วกัมพูชาไปร้องเรียนคณะ IOT นั้น จะร้อง-ก็ร้องไป ผมทำในแผ่นดินไทยของผม ผมก็มีพี่น้องทหารที่เข้าเวรเฝ้ายามอยู่
ก็มีความเหนื่อยล้า ผมก็ช่วยให้พี่น้องทหารตื่น แล้วทำไมอ่ะ ไม่เห็นจะต้องเดือดร้อนเลย ก็ทำในบ้านผม แผ่นดินผม อยากจะฟ้องอะไรก็ฟ้องไป
ผมไม่แคร์ เรื่องนี้
ยืนยันว่ากำลังใจของทหารตอนนี้ดี ทหารพร้อม เมื่อไหร่เมื่อนั้น เมื่อได้เปรียบ”
นอกจากนี้ “ผบ.กองกำลังบูรพา” ยังพูดถึงการประชุม RBC ของฝั่งกองทัพภาคที่ ๑ ว่า “ตอนนี้ยังไม่เกิดขึ้น”
เพราะ “แม่ทัพภาคที่ ๑” ยื่นข้อเสนอไปให้ประชุมช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
แต่ทางกัมพูชาก็ไม่ตอบรับข้อเสนอที่เราต้องการ จึงเป็นที่มา-ที่ไปของการล้มกระดาน ทำให้การประชุมยังไม่เกิดขึ้น
เมื่อวาน ก็เจอทุ่นระเบิด ๓ ทุ่น นั่นหมายความว่ายังมีเหลือตกค้างในพื้นที่ และเป็นที่น่าเสียใจที่อีกฝ่ายพยายามขัดขวางในเรื่องของการดำเนินการ
แทนที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยร่วมกัน แต่ทางเราก็ไม่ได้สนใจ เพราะเราทำหนังสือออกไปตั้งแต่วันที่ ๙ ตุลา.๖๘ แล้ว
และเป็นปฏิบัติการ “ในแผ่นดินของเรา”
ถึงแม้อีกฝ่ายจะปฏิเสธ แต่ถือว่ายังไงก็เป็นบ้านเรา ทหารทำมีความเสี่ยง แต่ในอนาคตประชาชนปลอดภัย จะได้ทำมาหากิน
อย่างน้อยที่สุด ประชาชนก็ได้ประโยชน์ ซึ่งตอนนี้ ผมก็ได้มอบหมายให้ “พ.อ.ชัยณรงค์ กาสี” ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ ๑๒ว่า
“จากนี้ไป หากประชาชนมีความต้องการจะทำมาหากินในพื้นที่ดังกล่าว ให้ดูแลอย่าให้มีปัญหาในลักษณะที่เข้าไปทำกินไม่ได้”
ซึ่งตอนนี้ก็พยายาม “เปิดพื้นที่” ให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์
และการ “เก็บกู้ทุ่นระเบิด” นั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งในมาตรการผลักดันชาวกัมพูชาที่รุกล้ำให้ออกไป
ในส่วนที่ประชาชนกำหนดกรอบการผลักดันเขมร วันที่ ๓๑ ตุลา.๖๘ ท่านบอกว่า
“ก็น่าเป็นห่วง” เพราะพี่น้องประชาชนมีความรักชาติ-รักแผ่นดินไม่แพ้ทหาร แต่เราก็ประเมินสถานการณ์อยู่ตลอด
หากเราได้เปรียบจะปฏิบัติการทันที
ซึ่งการได้เปรียบคือเราต้อง “เหนือกว่าในทุกเรื่อง” โดยในวันนี้ฝั่งกัมพูชาก็ยังติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายเราอยู่
ผมขยับอะไร ฝั่งนั้นรู้หมด จึงอยากขอความร่วมมือให้ช่วยกัน “ปกปิดความลับ” ที่อยู่ของฝ่ายความมั่นคง
ส่วนเรื่องการผลักดันกัมพูชาหลังจากนี้ จะ “ไม่มีการเจรจาแล้ว” แต่หากเขาจะขอเจรจา ก็ขอให้มีความจริงใจ
ที่ผ่านมา เขาทำหนังสือมาแบบคลุมเครือขอประชุม แต่ไม่รู้เรื่องอะไร หากคุยเรื่องที่เราเสนอไปแต่แรกก็จบแล้ว
มาเชิญไปประชุม แต่ไม่แจ้งเรื่อง จึงกลัวว่าหากไปแล้วจะเสียเที่ยวเหมือนทุกครั้ง และไม่ได้ประโยชน์ เราจะเดินหน้าต่ออย่างไร
และท่านย้ำในที่สุดว่า….
“ผลักดันกัมพูชาเต็มที่ ไม่เจรจาแล้ว”!
ประเด็น “ยุทธการเสียงแทนกระสุน” พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ก็ออกมาชี้แจงว่า
“ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจบริบทของพื้นที่ดังกล่าวก่อนว่า
เป็นพื้นที่ ที่ “ฝ่ายกัมพูชาบุกรุกเข้ามาในเขตไทย”
มีความขัดแย้งมาอย่างต่อเนื่องและอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ
โดยที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ยังพบว่าฝ่ายกัมพูชามีการจัดตั้งมวลชนร่วมกับเจ้าหน้าที่ทางการเข้าขัดขวางและยั่วยุต่อฝ่ายไทย
ทำให้ประชาชนคนไทยได้รับผลกระทบและเกิดความไม่พอใจจำนวนมาก จนหลายกลุ่มออกมาแสดงออกด้วยวิธีต่างๆ
เพื่อกดดันชาวกัมพูชา
และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐเร่งดำเนินการจัดการกับปัญหาดังกล่าว หนึ่งในนั้น คือ การใช้เครื่องเสียงเปิดเสียงในลักษณะที่อาจทำให้ประชาชนกัมพูชาเกิดความไม่สบายใจ”
“การแสดงออกของชาวไทยในการเปิดเครื่องเสียงดังกล่าวเป็นการแสดงออกด้วยวิธีที่ไม่ใช้ความรุนแรง
เพื่อแสดงความไม่พอใจที่ฝ่ายกัมพูชาบุกรุกแผ่นดินไทย และบิดเบือนสร้างเรื่องราวตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โดยไม่พยายามแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น …..ฯลฯ
ครับ….ก็ต้องยอมรับว่า “กัน จอมพลัง” เป็นตัวแปรสังคมและแปรสถานการณ์ในเวลานี้ ที่ไม่มีใครที่จะไม่ชื่นชม
ขนาด “นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล” ท่านยังออกปากเมื่อวานว่า
“นายกัน จองพลัง” เวลาที่เขาช่วยเหลือประชาชน ก็ต้องยอมใจเขา ตอนที่ผมเป็นฝ่ายค้าน แล้วมีเหตุต้องอพยพชาวบ้าน ๓-๔ จังหวัดชายแดน
ผมไปดูแลประชาชน ก็เจอแต่รถ “กัน จอมพลัง”
จนตกใจว่า “ทำไมคนๆ เดียว ถึงสามารถระดมความช่วยเหลือได้มากกว่ารัฐ”?
วันนี้ เมื่อเราเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าไปแข่งกับ “กัน จอมพลัง” แต่ความช่วยเหลือแรก “ต้องมาจากรัฐบาลก่อน”
ส่วนคนดีๆ อย่าง “กัน จอมพลัง” ก็มาเสริม
ซึ่งประชาชนได้ประโยชน์ รัฐบาลต้องไม่ผลักภาระนี้ให้ประชาชนดูแลกันเอง รัฐบาลต้องดูแลเป็นพื้นฐาน
เอาละครับ ข่าวว่า เขมรจัดรถเสียงมาประชันกับรถเสียงคุณกัน จอมพลัง เมื่อคืนนี้ ผลแพ้-ชนะ “สงครามเสียง” เป็นยังไง?
รอซักครู่…พรุ่งนี้ค่อยมาดูกัน!
เปลว สีเงิน
๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๘
