ผักกาดหอม
ไม่น่าจะเป็นเรื่อง
แต่ก็มีคนทำให้เป็นเรื่อง
มีคนไม่ปลื้มที่ “ลุงตู่” แต่งตั้ง “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ที่คอการเมืองเรียกว่า “นายกฯ น้อย”
เจ้าเก่า “ชลน่าน ศรีแก้ว” มาเป็นฉากๆ
“หากถามว่าทำได้หรือไม่ ก็ต้องตอบว่าทำได้ ไม่มีกฎหมายใดๆ ที่จะไปห้ามว่าไม่ควรตั้ง หรือห้ามแต่งตั้ง แต่หากถามว่าเหมาะสม สมควรหรือไม่ ก็ต้องถามว่าตั้งไว้เพื่อการใด อายุของรัฐสภาจะหมดอายุลงวันที่ ๒๓ มีนาคม ซึ่งเหลือเวลาอีกไม่กี่เดือน การเปลี่ยนแปลงบุคลากรของรัฐ โดยเฉพาะฝ่ายการเมืองในช่วงเวลานี้ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญเช่นนี้
โดยสามัญสำนึกแล้วมันไม่เหมาะสม และโดยเฉพาะคนที่ดำรงตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ คนเดิม เป็นคนที่มีความสามารถเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งไม่มีข้อบกพร่องใดๆ แต่กลับเปลี่ยนออก เพราะฉะนั้นวัตถุประสงค์ของการแต่งตั้ง ก็เชื่อได้เลยว่าไม่เกี่ยวกับหน้าที่และการทำงานที่ควรจะเป็น เลยสามารถทำให้มองได้ว่า เป็นเรื่องของการเมือง เป็นการเอื้ออำนวยให้กับพรรคการเมือง ที่มีข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์จะไปอยู่ด้วย
การกระทำเช่นนี้ก็เหมือนกับว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่เห็นหัวของประชาชน เป็นการใช้หน้าที่ในการเอาเปรียบทางการเมือง มันไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง”
งงในงงครับ!
นี่มันตำแหน่งทางการเมือง ไม่ใช่ข้าราชการประจำ ความเหมาะสมมันอยู่ที่คนตั้งเพื่อใช้งาน ไม่ได้ตั้งตามความคิดฝ่ายค้าน
ที่งงหนักคือ “ชลน่าน” ออกปากชม “ดิสทัต โหตระกิตย์” เลขาธิการนายกฯ คนเก่า ว่ามีความสามารถเป็นที่ประจักษ์
คือเสี้ยมครับ!
เลขาธิการนายกฯ ทำงานใกล้ชิดนายกฯ
นายกฯ ถูกด่า มีหรือเลขาธิการนายกฯ จะได้รับคำชม
เอาแบบนี้ดีกว่า
มองกลับไปที่พรรคเพื่อไทย ตำแหน่งอะไรไม่รู้โผล่มาเต็มไปหมด
คนเป็นผู้นำพรรคต้องเป็นหัวหน้าพรรค แต่หัวหน้าพรรคกลับเป็นแค่หัวหน้าฝ่ายธุระการของพรรค ราวกับแย่งงานตำแหน่งเหรัญญิกพรรคทำ
คนนำพรรคจริงๆ กลับเป็นหัวหน้าครอบครัว
แถมยังมีผู้อำนวยการครอบครัวเข้ามาคั่นอีก
แบบนี้คือการเห็นหัวประชาชนอย่างนั้นหรือ
โครงสร้างพรรคการเมืองที่เป็นสากลทั่วโลก หัวหน้าพรรคต้องนั่งหัวโต๊ะ รองลงมาคือ เลขาธิการพรรค
หน้าครอบครัว ไม่ใช่โครงสร้างพรรคการเมืองที่ประชาชนมีส่วนร่วม
แต่เป็นพรรคครอบครัว
ก็ครอบครัวชินวัตรนั่นแหละครับ
๘ ปี “ลุงตู่” ตั้งเลขาธิการนายกฯ ไป ๓ คน
พลเอกวิลาศ อรุณศรี
ดิสทัต โหตระกิตย์
พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
เฉลี่ยแล้ว ๒ ปีครึ่งเปลี่ยนครั้ง
ไปดูสมัยยิ่งลักษณ์ ๒ ปี ๒๗๕ วัน ตั้งไป ๒ คน
บัณฑูร สุภัควณิช
สุรนันทน์ เวชชาชีวะ
ปีครึ่งเปลี่ยนครั้ง
ถามว่าความเหมาะสมคืออะไร
การเมืองสมัยนี้เรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้ง ก็จับเอามาเป็นประเด็นขัดแย้งกันไปหมด
เอาประชาชนมาอ้างเสียทุกเรื่อง
จีทูจีข้าวเก๊นี่ประชาชนมีส่วนร่วมด้วยอย่างนั้นหรือ
ครับ…ภาพใหญ่การเมืองวันนี้ยังเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ภาพรวมของโลกใบนี้ก็ไม่ต่างไปเท่าไหร่ โหดร้ายทั้งจากน้ำมือมนุษย์และธรรมชาติสร้างขึ้นมา
“ชัชวาลย์ พริ้งพวงแก้ว” สถาบันแห่งธรรมชาติ มูลนิธิหมอเสม พริ้งพวงแก้ว เผยแพร่บทความเรื่อง “สงครามรอบด้าน” น่าสนใจครับ
….ทุกวันนี้มนุษย์ไม่ใช่ว่าจะรบกันเองเท่านั้น แต่กำลังรบกับธรรมชาติอันโหดร้ายด้วย
สงครามการสู้รบกันที่มนุษย์ก่อขึ้นเช่นในยูเครนนั้น มนุษย์เราหารู้ไม่ว่า ไม่ใช่เฉพาะมนุษย์แต่ละฝ่ายรบกันเองเท่านั้น แต่มนุษย์ทั้งสองฝ่ายยังต้องรบกับธรรมชาติที่โหดร้าย ความหนาวเหน็บ ขาดพลังงานไฟฟ้า น้ำประปา ขาดอาหารฯ นอกจากนั้นมนุษย์เราทั่วโลกยังต้องผจญ ต่อสู้กับมหันตภัยยิ่งใหญ่ทางธรรมชาติอันรุนแรงเหลือเชื่ออยู่ทั่วทุกมุมโลก อันได้แก่ :
โรคระบาดที่ทวีความรุนแรงขึ้นทั่วโลก และการเสียชีวิตฉับพลันจากโรคหัวใจวาย
ภูเขาไฟระเบิดอย่างรุนแรง ในเกาะฮาวาย, อินโดนีเซียฯ
น้ำท่วมอย่างรุนแรงในทวีปเอเชีย ออสเตรเลีย ยุโรปและอเมริกา
อากาศที่หนาวเหน็บและหิมะตกหนัก ในทวีปยุโรปและอเมริกา
การขาดแคลนอาหารและพลังงาน ในทวีปแอฟริกา, ยุโรปฯ
ค่าครองชีพที่พุ่งขึ้นสูง จนมีการเดินขบวนประท้วง และการปล้นสะดมทั่วโลก
แผ่นดินถล่มอย่างรุนแรง ในทวีปเอเชียและแอฟริกา
การแห้งแล้งขาดน้ำที่จะนำมาผลิตอาหารในปีหน้า และน้ำทะเลจะท่วมเมืองใหญ่ๆ ที่ตั้งอยู่ริมทะเล
ระบบเศรษฐกิจและสังคมที่กำลังตกต่ำลงอย่างน่าเป็นห่วง
พายุที่มีอำนาจทำลายล้างสูง พายุหิมะรุนแรงในยุโรปและอเมริกา
ฯลฯ
งานอาชีพของมนุษย์ในปัจจุบัน จะมี AI เข้ามาช่วยทำ จนมนุษย์เองเกรงว่าตนเองจะไม่มีงานทำในอนาคต อีกทั้งยังมีการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ออกมาใช้ รบราฆ่าฟันกันอย่างไม่มีการหยุดยั้ง ไม่มีจะกินไม่เป็นไร ขอให้มีโอกาสรบราฆ่าฟันกันก่อน
สองสามวันที่ผ่านมานี้ เรือรบสุโขทัยที่มีไว้ป้องกันประเทศชาติของเรา ออกทะเลไปเผชิญ ต่อสู้กับคลื่นยักษ์ของธรรมชาติโดยบังเอิญ แล้วอับปางลงสู่ก้นทะเลอย่างเหลือเชื่อ เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน
การสู้รบกับธรรมชาติที่โหดร้าย แต่ยุติธรรมนั้น หนทางที่มนุษย์จะชนะนั้น มืดแปดด้าน แต่ถ้าเรามารู้จักธรรมชาติ และร่วมทำงานกับธรรมชาติจะไม่ดีกว่าหรือ อย่าคิดพิพาทกับธรรมชาติเลย แล้วงานที่จำเป็นต้องทำจะเบาลงแยะ ส่วนการรบราฆ่าฟันกันระหว่างมนุษย์กันเองนั้น ถ้ามนุษย์เรามาร่วมกันคิดว่า
“การสร้างสันติภาพนั้น ค่าลงทุนถูกกว่าการสร้างแสนยานุภาพมากมายหลายเท่าตัวเถอะนะเพื่อนมนุษย์เราทุกๆ คน แล้วโลกเราจะได้มีความสันติสุข พร้อมทั้งมีอายุยั่งยืนขึ้นอีกอย่างแน่นอน”….
ครับ…มนุษย์เลิกรบกันเองเมื่อไหร่ เมื่อนั้นมนุษย์จะเลิกทะเลาะกับธรรมชาติไปโดยปริยาย.