“พรรคภูมิใจไทย” ประชุมใหญ่สามัญ เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครผู้แทนราษฎรอยุธยา “พิมพฤดา ตันจรารักษ์” อนุทิน อ้อนชาวอยุธยา เป็นพรรคพูดแล้วทำ พร้อมโชว์ผลงานทั้ง สาธารณสุข การคมนาคม และการท่องเที่ยว การศึกษา มี่ประสบผลสำเร็จ
พรรคภูมิใจไทย จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 ที่ ห้องประชุม “อยุธยา ซิตี้ ปาร์ค” จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค กรรมการบริหารพรรค และสมาชิกพรรค เข้าร่วมจำนวนมาก
โดยในการประชุมครั้งนี้มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คือ นางสาวพิมพฤดา ตันจรารักษ์ ซึ่งเป็นหลานของ นางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีการคล้องแขนร่วมกันขึ้นเวทีแนะนำตัว พร้อมด้วย ส.ส.พระนครศรีอยุธยา ประกอบไปด้วย นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร ส.ส.พระนครศรีอยุธยา เขต1 นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล ส.ส.พระนครศรีอยุธยา เขต 3
นายอนุทิน กล่าวปราศรัยในช่วงหนึ่งว่า ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ทุกคนทำหน้าที่เป็นผู้แทนราษฎร เรียกร้อง ผลักดัน ทวงถาม และ จัดหาโครงการต่างๆ ที่จะทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนในเขตเลือกตั้ง ดีขึ้น ทั้งการคมนาคม การประกอบอาชีพ การค้าขาย การทำเกษตร การท่องเที่ยว
และสำคัญที่สุดคือ การดูแลสุขภาพ การให้ประชาชนเข้าถึงการบริการทางการแพทย์ การบริการสาธารณสุข หรือ โรงพยาบาล ได้สะดวกที่สุด มีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด หรือไม่มีเลย เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของพี่น้องประชาชน และลดอาการเจ็บป่วย ให้ได้มากที่สุด และทุกปัญหาในพื้นที่ที่ส.ส. นำข้อมูลมาให้ ต้องจัดเป็นงานสำคัญที่สุด เป็นงานลำดับแรกที่ต้องทำ ต้องแก้ปัญหา
การทำงานของพรรคภูมิใจไทย สมาชิกพรรคทุกคนต้องช่วยกัน ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกพรรคทั่วไป สมาชิกที่เป็นส.ส. และ สมาชิกที่เป็นรัฐมนตรี ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันคือ แก้ปัญหาของพี่น้องประชาชน เราใช้โอกาสนี้ ทำงานให้กับพี่น้องประชาชนเต็มที่ ทำกันสุดกำลัง ทำให้ได้เหมือนที่พูดไว้ เพราะเรายึดมั่นในหลักการ พูดแล้วทำ แม้ว่าจะมีปัญหาอุปสรรคมาก หรือ สถานการณ์ไม่เป็นใจ เพราะมีโรคระบาดเกิดขึ้น แต่ไม่มีอะไรมาหยุดการทำงานของพรรคภูมิใจไทยได้
นอกจากนี้ นายอนุทิน ได้กล่าวถึงเรื่องนโยบายกัญชา ที่จะถูกปลดออกจากบัญชียาเสพติด โดยพรรคภูมิใจไทย ประกาศนโยบายกัญชาทางการแพทย์ ไว้ในการหาเสียงเลือกตั้ง ปี 2562 เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการใช้กัญชาทางการแพทย์ ดูแลสุขภาพตัวเอง และลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐ โดยนโยบายกัญชาทางการแพทย์มาสู่นโยบายกัญชาเศรษฐกิจ เพื่อสร้างรายได้ให้กับประชาชน ซึ่งพรรคภูมิใจไทยพยายามทำทุกทางไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแก้กฎหมายต่างๆ ซึ่งก็พร้อมที่จะดำเนินการเพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์จากเรื่องนี้
สำหรับในเรื่อง 30 บาท รักษาทุกโรค บัตรทองรักษาฟรี เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดีและเราได้นำมาต่อยอดเป็น 30 บาท รักษาทุกที่ ทำให้ประชาชนเกิดความสะดวกในการเข้าถึงการใช้บริการ นอกจากนี้ในเรื่องผู้ป่วยโรคไต ซึ่งเดิมไม่ได้รักษาฟรี จะต้องเสียค่าบริการครั้งละ 1,500 บาท หนึ่งเดือนประชาชนก็มีภาระค่าใช้จ่ายจำนวนมาก เรื่องนี้ ผมได้ไปเจอที่จังหวัดนครพนม ประชาชนได้มาร้องเรียน ซึ่งผมก็กลับมาหารือคิดว่าจะต้องแก้กฎหมาย ซึ่งผู้บริหารพรรคก็เห็นด้วย แต่ปรากฏว่า ไม่ต้องมีการแก้กฎหมาย เพราะเป็นอำนาจของตนเอง ดังนั้นเรื่องนี้ภายใน 30 วัน ประชาชนสามารถเข้าไปฟอกไตฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายได้แล้ว
นอกจากนี้ รัฐมนตรีของพรรคฯ เข้าไปกำกับดูแลกระทรวงคมนาคม นำโดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ช่วงแรก ตนจำได้ดีว่า ข้าราชการเข้ามารายว่า ต้องมีภาระตรงนี้อยู่ รมว.คมนาคม ก็บอกว่า “นี่มันค่าโง่ นี่หว่า” จึงได้ประการนโยบายออกมาว่า ยุคนี้ไม่มีค่าโง่ และเราก็ทำได้สำเร็จ เพราะเราคือ “พรรค ที่ พูดแล้วทำ เรามีสมอง” ส่งผลให้ศาลได้มีคำพิพากษาแล้ว ที่ได้รื้อคดีขึ้นมาใหม่ กลับมาสู่การพิจารณาเริ่มต้น ทำให้นำงบประมาณไปพัฒนาด้านอื่นๆ ได้
อีกโครงการหลายท่านก็เคยทราบมาแล้ว คือเรื่อง รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ซึ่งเชื่อมต่อการเดินทางจากประเทศจีน – ลาว – ไทย – มาเลเซีย – สิงคโปร์ ซึ่งตรงนี้จะทำให้เกิดประโยชน์ ไทยจะเป็น Hub เราต้องทำตัวเรา อย่างที่คุณพ่อผมสอนเสมอว่า ซื้อของโหลหนึ่ง หรือ ซื้อของมา 1 กิโล เอามาแบ่งขาย กำไรจะเกิดขึ้น จากการแบ่งขาย ฉะนั้น เมื่อประเทศไทยเป็น Hub เราก็ต้องใช้วิธีนี้ ประเทศไทยจะไม่ใช่ทางผ่านในการขนส่งเพียงเท่านั้น
เมื่อมีการเสนอโครงการนี้เข้ามา ตนและผู้บริหารพรรค เห็นชอบกับโครงการและได้รีบดำเนินการที่จะทำการเชื่อมต่อรถไฟความเร็วสูงประเทศลาว ซึ่งมีงบประมาณจำนวนหนึ่งที่เหลือ จึงได้นำมาก่อสร้างเป็นถนนสะพานเพิ่มขึ้นมาอีก
สำหรับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีทรัพยากรการท่องเที่ยวจำนวนมากอยู่แล้ว และมีมูลค่ามหาศาล ในฐานะเมืองที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของโลก และของไทย ซึ่งจากสถานการณ์โควิดในปัจจุบันที่เริ่มดีขึ้น ตัวเลขรายได้จากการท่องเที่ยวในจ.อยุธยา ที่จะทำให้ดีขึ้น รวมถึงกลุ่มจังหวัด นครจตุบุรีศรีปทุมทอง (นครนายก สิงห์บุรี ลพบุรี นนทบุรี ลพบุร พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี อ่างทอง) ทั้งหมดนี้ น่าจะมีตัวเลขที่ดีขึ้น