นางสาวจิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย และคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรล่มซ้ำซากในอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า สถานการณ์เสถียรภาพของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา วันนี้ถือว่าเข้าขั้นวิกฤตและไม่มีสภาพในการบริหารประเทศต่อไปอีกแล้ว
นางสาวจิราพร กล่าวต่อว่า การที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเสนอนับองค์ประชุม และไม่แสดงตน ถือเป็นการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลตามกลไกรัฐสภา และยังยืนยันถึงเจตนารมณ์ที่จะไม่ช่วยต่อลมหายใจให้กับรัฐบาลเผด็จการสืบทอดอำนาจที่หมดสภาพในการบริหารประเทศ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้
อย่าลืมว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าสู่อำนาจด้วยการทำรัฐประหาร และใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 เป็นบันไดเพื่อให้ตนเองสามารถสืบทอดอำนาจต่อ ใช้ ส.ว. 250 คน มาค้ำบัลลังก์ เกิด ส.ส. ปัดเศษมากมายจนสุดท้ายได้ตั้งรัฐบาลแบบเสียงปริ่มน้ำ มีการใช้พลังดึง ส.ส. จากฝ่ายค้านไปร่วมรัฐบาลจนเสียงรัฐบาลและฝ่ายค้านแตกต่างกันมากไม่ปริ่มน้ำเหมือนตอนเริ่มต้น
แต่ต่อมาเกิดปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐ ทำให้ ส.ส.บางส่วนย้ายออก ส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล ทั้งหมดนี้เป็นปัญหาของพลเอกประยุทธ์และพรรคร่วมรัฐบาลที่สร้างผลกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินโดยตรง
“ถ้ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ใส่ใจปัญหาและผลประโยชน์ของประชาชนจริง จะไม่มีวันที่สภาล่มซ้ำซาก เพราะรัฐบาลคือเสียงข้างมากในสภาฯ ตอนอยากเป็นรัฐบาลทำทุกอย่างเพื่อให้สามารถเป็นรัฐบาลลากตั้ง แต่พอบริหารล้มเหลวไม่สามารถทำให้ ส.ส.ฝั่งรัฐบาลมาทำงานได้จนสภาฯ ล่ม กลับมาโทษฝ่ายค้านว่าไม่เป็นองค์ประชุมให้
ถ้าหวังจะบริหารประเทศด้วยเสียงข้างน้อยก็ไม่ควรดันทุรังเป็นรัฐบาลต่อ พลเอกประยุทธ์ต้องรับผิดชอบด้วยการยุบสภาหรือลาออก เพื่อเปิดทางให้คนที่พร้อมบริหารประเทศมาทำหน้าที่แทน” นางสาวจิราพร กล่าว