เปลว สีเงิน
“พี่เท้ง-พรรคประชาชน”
เขาโกรธ “เพื่อไทย” ที่คบคิด “แก้เพื่อฉีกรัฐธรรมนูญ” ตั้งสสร.เขียนใหม่ทั้งฉบับ มาด้วยกัน
แต่พอเห็นท่าไม่ดี กลับ “ชิ่งหนี” เอาตัวรอดซะงั้น!
ปล่อยให้เขาเด๋อด๋าเป็น “ขุนนางรัฐสภาล่ม” ต้องเอาหน้าซุกง่ามก้น ๒ วันซ้อน!
“ไก่เดือยอ่อน” แค้นนัก….
ท้า “นายกฯ แม่ปลาช่อน” ให้ยุบสภาแน่ะ!
เออ…เข้าท่า แต่ผมว่า “เจ้าของคอกหมา” ไม่กล้าบอกให้ลูกสาวยุบหรอก
เรื่องกลัวเลือกตั้งแล้วจะแพ้พรรคส้มจุกน่ะ พ่อนายกฯ เขาไม่กลัวหรอก แต่เขาต้องการคงสถานะอำนาจรัฐบาลเอาไว้ให้นานที่สุด
ขืนยุบ นอกจาก “ตีนลอย” แล้วยังจะทำให้ “ดีล” ต่างๆ กับกลุ่มทุน “ผิดแผน-ผิดเวลา” นี่ตะหากที่เขากลัว
อย่างกาสิโน, พนันออนไลน์ให้ถูกกฎหมาย, บ้านเอื้ออาทร ภาค ๒ โปรเจกต์ “สร้อยไข่มุกอ่าวไทย” ถมทะเล-สร้างเกาะ, ให้บิตคอยน์เป็นเงินสกุลใหม่ของไทย ขุดพลังงานในอ่าวไทยแบ่งเขมร และฯลฯ
เงินล้วนๆ กำลัง “เข้าด้าย-เข้าเข็ม” ยุบก็โง่ซี!
บางคนเกรง “ห้วหน้าคอกหมา” อาจโกรธที่นายอนุทินทำ “หล่อเกิน” ที่ประกาศไม่ร่วมพิจารณาญัตตินี้ อาจเด็ดหัวภูมิใจไทยจาก “พรรคร่วมรัฐบาล”
ไม่กล้าหรอก มีแต่ “กอดขา” ขอให้อยู่ซะด้วยซ้ำ!
อย่างเก่งก็แค่ใช้สื่อ “กระพรวนตีน “เอาเรื่องนั้น-นี้มาดิสเครดิต “ขัดขา” ทางการเมืองไปพอขำๆ
คนโง่เท่านั้น ที่จะผลักมิตรมี “ลำหัก-ลำโค่น” อย่างภูมิใจไทย ให้ออกไปอยู่ในมุมศัตรู
เมื่อยังไม่ “แลนด์สไลด์”….
ก็ต้องเล่นบท “น้ำขุ่นไว้ข้างใน-น้ำใสไว้ข้างนอก” อย่างนี้ไปก่อน!
เรื่อง “รัฐประหาร” ไม่ต้องพูดถึง ใช่ว่าสูญพันธุ์ แต่จะบอกว่า “รัฐประหาร” น่ะ เหมือนแดด
ถ้าแดดไม่แผดเผา “ตรงกบาล” มันก็ไม่มี ถ้าแผดเผาร้อนฉ่าปานผ่ากะโหลก มันก็มี มันเป็นเรื่องของธรรมชาติน่ะ
ภูมิอากาศโลกวันนี้ เปลี่ยนไปมาก การปฎิวัติ-รัฐประหาร ก็พลอยเปลี่ยนไปด้วย
ยุคก่อนๆ รัฐประหารโดยกองทัพ
แต่ปัจจุบัน ต่อจากนี้ ผมดูรูปการณ์แล้ว รัฐประหารจะเกิดโดย “พรรคการเมือง” ด้วยกัน จากอาณัติประชาชน
จะเรียกว่า “รัฐประหารประชาธิปไตยไพ่ตอง” ก็ได้
ไพ่ตองเนี่ย พอวงไพ่เละ เจ้าของบ้านจะมาบอกว่า
“ลุกๆๆๆ…ปูเสื่อใหม่”!
เป็นการ “สลายความเละ” แบบสุนทร ไว้หน้าขาไพ่ทุกคน
รัฐบาลที่เละก็แบบนั้น เดี๋ยวก็จะมีเจ้าบ้านมาบอก ลุก..ลุก ปูเสื่อใหม่
ครม.ก็จำเป็นต้องลุกจากเก้าอี้ทั้งหมด โดยเฉพาะตัวนายกฯ แล้วให้พรรคใด-พรรคหนึ่งในจำนวนพรรคร่วม “จัดแถวรัฐบาลใหม่”
“ใครจะอยู่-จะไป” ไม่สำคัญที่ว่า……
คนเป็น “นายกฯ” ต้องไป มีคนใหม่แทน ประเด็นสำคัญรัฐประหารประชาธิปไตยไพ่ตองนี้
ยังคงสัญลักษณ์การปกครองระบอบประชาธิปไตยระบบ “รัฐสภา” ไว้เหมือนเดิม
ที่ไม่เหมือนเดิม คือ ….
ตัวนายกฯ และครม.ที่เรียก “รัฐบาล” เท่านั้น!
“รัฐประหาร” ที่ไม่กระทบกระเทือนถึง “ระบบรัฐสภา” น่าจะเป็นประชาธิปไตยตอบโจทย์การบริหาร “โดยประชาชน ของประชาชน เพื่อประชาชน” ในสังคมยุคไอทีมากที่สุด
พูดง่ายๆ ก็เหมือนการปรับครม.
ที่ไม่เหมือนก็ตรงที่เป้าหลัก “ปรับนายก ฯออก” เป็นประเด็นสำคัญ
แล้วเราจะเห็น “รัฐประหารไพ่ตอง” นี้ เมื่อไหร่ ผมก็ไม่รู้ แต่ภายใน ๒-๓ เดือนนี้ อาจเห็นก็ได้
ถ้าถามว่า ผมท้องเฟ้อ-นอนฝันมาหรือไง บอกได้เลย ไม่ใช่หรอก ก็อย่างที่บอก สังคมโลกวันนี้ ความคิดมนุษย์ถูกควบคุมด้วยเทคโนโลยีไอที
สื่อออนไลน์ ข่าวสารโซเชียล ติ๊กต่อก-ท่อกแท่ก ทั้งหลาย ทุกวันนี้ เข้ามาตรวจสอบการทำของรัฐบาลพร้อมสะท้อนความพึงพอใจ-ไม่พอใจรัฐบาลเข้มข้น
ตรงนี้ จะเป็นกระแสคลื่นทัศนะประชาชนไปถึงแต่ละฝ่ายที่มีหน้าที่รับผิดชอบ-ดูแลสังคมชาติ ให้ไม่สามารถนิ่งดูดาย
การขยับเขยื้อนแต่ละยูนิตอำนาจและสังคม จะเป็นแรงอัด “กดดัน-บีบประสาท” เป็นทอดๆ ไปจนถึงรัฐบาล
ถ้า “พรรคการเมือง” ไม่จัดการกันเอง…
ก็จะมีคนมาจัดการให้ ภายใต้มิติประชาชนส่งสัญญาน “ปูเสื่อใหม่” ผ่านสื่อไอทีจากความต้องการในใจเขาผ่านนิ้วมือกด
กลับมาพูดถึงญัตติ “แก้เพื่อฉีกรัฐธรรมนูญ” ที่ยังไม่ตกไป แล้วเมื่อไหร่ จะได้ถกกันในที่ประชุมรัฐสภาเป็นรอบที่ ๓ ล่ะ?
เพื่อไทยเขาบอก จะส่งเรื่องไปถามศาลรัฐธรรมนูญก่อน ว่าจะต้องทำประชามติกี่ครั้ง ประมาณนั้น
ก็ทำเป็นโง่ตาใส ถ่วงเวลาดึงศาลรัฐธรรมนูญมาบังหน้าไปอย่างนั้น เพราะรู้อยู่แล้ว
ถามไปศาลฯ ท่านก็ไม่รับ เพราะเคยวินิจฉัยไปแล้ว และประเด็นนี้ ก็บอกไปชัดเจนแล้ว
คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ ๔/๒๕๖๔ บอกว่า
หากรัฐสภาต้องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต้องจัดให้ประชาชนผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญออกเสียงประชามติเสียก่อนว่า
“สมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่”?
แล้วทั้ง “เพื่อไทย-พรรคพี่” และ “พรรคประชาชน-พรรคน้อง” ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร จึงดันทุรังเสนอญัตติ “แก้เพื่อฉีก” เข้าที่ประชุมรัฐสภา
คำว่า “ออกเสียงประชามติเสียก่อน” นั่นน่ะ รู้ประสาบ้างมั้ยว่าหมายถึงอะไร นี่ขนาดอายุเลย ๒๕ กันแล้วทั้งนั้นยังงมโข่ง
แล้วสสร.ที่จะตั้ง กำหนดสเปกให้เด็กอายุ ๑๘ ขึ้นไปมาเป็นสสร.ร่างรัฐธรรมนูญ คิดแล้ว…กูจะบ้าตาย
ร่างรัฐธรรมนูญไม่ง่ายเหมือนพ่นสเปรย์ตามถนน ตามกำแพง ว่าไอ้นั่นของกู-ไอ้นี่ของกู จะให้ใครก็ได้ อย่างนั้นนะ ส้มจุกเอ้ย!
อยากจะเขียนรัฐธรรมนูญฉบับตามใจชอบกันเอง ศาลฯ ท่านก็บอกแล้วว่า “ทำได้”
แต่ก่อนทำ….
ต้องทำประชามติ คือถามประชาชนก่อนว่า “ต้องการให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มั้ย?”
ถ้าเสียงส่วนใหญ่บอกว่า “ต้องการ” ค่อยเข้าสู่ขั้นตอนการร่าง
แล้วนี่…ยังไม่ทันได้ถามเลยซักแอะ ก็เสนอร่างแก้ไขมาตรา ๒๕๖ และเพิ่มหมวด ๑๕/๑ ให้ตั้งสสร.เขียนฉบับใหม่แล้ว?
อะหยังวะ ยังไม่ต้องตะแบงว่าต้องทำ ๒ ครั้งหรือ ๓ ครั้งหรอก เอาแค่โต้งๆเป็นปฐมบท ตามที่ศาลฯ วินิจฉัยว่า
“ให้ประชาชนออกเสียงประชามติเสียก่อน”
คำว่า “เสียก่อน” ก็ยังไม่เข้าใจ แล้วจะจูงควายทั้งฝูงลอดรูเข็มไปหาวิมานที่ไหน…หือ?
เพื่อไทยคงนึกว่าเท่ ที่แถลง “ล่มประชุมรัฐสภาเพื่อรักษาญัตติ” แก้เพื่อฉีก “ไม่ให้ตกไป”
เข้าที่ประชุมอีกร้อยครั้ง ก็ตกทั้งร้อยครั้ง ต่อให้เพื่อไทยสยุมพรกับพรรคประชาชนจนเสียงล้น แต่ที่หวังจะได้เสียงสว.๑ ใน ๓ สนับสนุนน่ะ
๑ เสียงพอได้….
จากสว.นันทนา อดีตคนสวยยุค “เวที-วาที” ของคุณ “กรรณิกา ธรรมเกษร” เมื่อ ๓๐-๔๐ ปีที่แล้วนั่นละ!
รัฐบาลเพื่อไทย โดย นส.แพทองธาร เป็นนายกฯ หุ่นเชิดของพ่อ นับวันจะเป็นรัฐบาล “ญาติระอา” หนักขึ้น
แค่กาสิโน ยกพนันออนไลน์เป็นสิ่งกฎหมาย ก็เห็นลาง “วิบิตสังคมชาติ” พออยู่แล้ว
และนี่ “วันโกนไม่ละ-วันพระไม่เว้น” จะให้ขายสุรายาเมาแถมจะให้ตั้งผับ ตั้งบาร์ ตั้งซ่อง ประชิดติดกับวัดได้อีก!
อ้างท่องเที่ยว อ้างเงินจากนักท่องเที่ยว ไม่คิดถึงความวิบัติ-ฉิบหายทางสังคม ทางศาสนา ทางวัฒนธรรมประเพณี ที่เป็น “จุดแข็ง-จุดขาย” ทางท่องเที่ยวเลย
ไทยไม่มีกาสิโน ห้ามขายสุรายาเมาในวันสำคัญทางศาสนาและมีกำหนดเวลาขายมาจะเป็นร้อยปี
แต่นักท่องเที่ยวเข้ามาติดอันดับโลก!
นี่คือคำตอบ นักท่องเที่ยวปีละ ๓๐-๔๐ ล้านคนเข้ามาไทย เพราะเสน่ห์ศิลปวัฒนธรรมไทย วัดวาอารามไทยดึงดูด
กาสิโน พนันออนไลน์ ผับ บาร์ ซ่อง ติดวัด และการขายสุรายาเมาได้ในวันสำคัญทางศาสนา ไม่ใช่ตัวดึงดูดและไม่มีผลทำให้นักท่องเที่ยวเพิ่ม
“นักการจัญไรเมืองเพิ่ม” อาจใช่!
สังคมยุคไอทีส่งกระแส “ปูเสื่อใหม่” ไม่ต้องการ “รัฐบาลเพื่อไทย-นายกฯ แพทองธาร” หนักหน่วงแผ่ขยายเพิ่มขึ้นทุกวัน
ความ “ตระหนักรู้” ไม่ปรากฎในคิดและทำเขาเลย แล้วถ้าประชาชนปล่อยให้การเมือง “แปลงประเทศเป็นเงิน” เพื่อเขาอย่างนี้ต่อไป
เราทั้งหลาย จะเป็นคน “เนรคุณแผ่นดิน” โดยปริยาย
“มีเงิน” ก็ไม่ทำให้ประชาชนมีด้วยได้ทั้งประเทศ
แต่ถ้ามี “ผู้นำห่วย” ทำให้ประชาชนอับจนและซวยได้ทั้งประเทศ
ฉะนั้น ควร get out !
เปลว สีเงิน
๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
