ว่าด้วยเรื่อง..เห็นด้วย-สันต์ สะตอแมน

ผสมโรง

สันต์ สะตอแมน

            เป็นใครก็โกรธ!

            ผมจึงเข้าใจความรู้สึกคนใน “ครอบครัว” พรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกกระทำอย่างเถื่อน-ถ่อยจากม็อบทะลุฟ้าเมื่อ 2-3วันก่อน

และเห็นด้วยที่คุณนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อารมณ์พุ่งปรี๊ดด โพสต์.. “เด็กเวรเหล่านี้ เป็นเด็กไร้ราก ไร้แก่น ไร้อารยธรรม ส่วนใหญ่ก็เป็นเด็กขี้เกียจ ว่างงาน เมายา

เด็กเวรเหล่านี้หรือที่เราจะฝากอนาคตประเทศชาติไว้กับมัน เราลองหลับตา แล้วหายใจลึกๆ ดูว่า ถ้าพลเมืองไทยเป็นเหมือนเด็กเวรไร้คุณภาพเหล่านี้ อนาคตประเทศนี้จะเป็นอย่างไร

แค่คิดก็ขนลุก ขนชันแล้วใครจะฝากบ้านเมืองไว้กับเด็กเมายาเหล่านี้ก็เอาเถอะ ผมไม่เอาด้วยหรอก!!

ครับ..ไม่เอาก็ไม่เอา แต่พวก “หัวโจ๊ก” ต้องเอานะ เอาเข้าคุกให้หมด ไม่งั้นศักดิ์ศรีพรรคไม่เหลือ!

            เอ้า..แล้วนั่นก็ห็นด้วยเช่นกัน ผมหมายถึง “คำร้อง” ที่คุณศรีสุวรรณ จรรยา ได้ยื่นถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ออกข้อกำหนดหรือมาตรการที่เด็ดขาด และบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นรูปธรรม

เพื่อเอาผิดเจ้าของหรือผู้ประกอบการหรือเจ้าของแคมป์คนงานก่อสร้าง ที่เป็นต้นเหตุให้เกิดคลัสเตอร์การติดเชื้อและแพร่กระจายเชื้อไวรัสโคโรน่าหรือโควิด-19 นั่นแหละ!

ในหนังสืออ้างว่า.. “จากการตรวจสอบในเชิงลึก พบว่า ผู้ประกอบการหรือเจ้าของกิจการเหล่านั้นเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เกิดขึ้นจำนวนมาก

เนื่องจากมีความพยายามที่จะปกปิดการติดเชื้อของพนักงาน ห้ามพนักงานแพร่งพรายการติดเชื้อไปให้บุคคลภายนอกทราบ หากใครฝ่าฝืนมีโทษถึงไล่ออกจากงาน

และเมื่อพนักงานคนใดติดเชื้อกลับไม่มีมาตรการการจำกัดบริเวณ หรือแจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อส่งตัวไปรักษาแต่อย่างใด เพราะกลัวบุคคลภายนอกจะล่วงรู้

จะทำให้แคมป์หรือโรงงานถูกสั่งปิด ทำให้ธุรกิจเสียหาย เป็นต้น

นอกจากนั้น นายจ้างส่วนใหญ่หละหลวมต่อมาตรการที่เข้มงวดในแคมป์คนงานก่อสร้างและโรงงานส่วนใหญ่ที่เป็นแรงงานต่างด้าวและคนไทย

เมื่อมีการติดเชื้อโควิดแล้ว มักไม่กล้าให้บอกนายจ้างหรือหัวหน้างาน เพราะเกรงว่าจะถูกสั่งพักงาน ถูกกักตัว 14 วัน ทำให้ขาดรายได้ ไม่มีค่าแรง ที่จะนำมาจุนเจือตนเองและครอบครัว

ทำให้แคมป์คนงาน และโรงงานต่างๆ เป็นแหล่งบ่มเพาะเชื้อโรค และเป็นพาหะที่สำคัญในการนำไปแพร่กระจายยังบุคคลในครอบครัว และเพื่อนพ้อง หรือบุคคลทั่วไปในชุมชนย่านตลาดร้านค้า

เพราะปิดบังตนเองว่าเป็นผู้ติดเชื้อ หรือเมื่อบุคคลอื่นจะรู้ว่าติดเชื้อก็มักแสดงอาการที่หนัก จนยากที่จะรักษาแล้ว”

เนี่ย..นายกรัฐมนตรีจะว่าอย่างไร จะออกข้อกำหนด หรือมาตรการที่เด็ดขาดในการเอาผิดเจ้าของแคมป์คนงานก่อสร้างและเจ้าของหรือผู้ประกอบการโรงงานที่ปล่อยให้คนงานติดเชื้อโควิด..

รวมทั้งลงโทษการปกปิดข้อมูลการติดเชื้อโควิดของคนงานหรือพนักงาน และเอาผิดพนักงานเจ้าหน้าที่ที่รู้เห็นเป็นใจเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการ ตามข้อเรียกร้องหรือไม่คอยฟังดู

ส่วนนู้นไม่คอยแล้ว..หนังสือพิมพ์แนวหน้าได้ยื่นเรื่อง แจ้งขอลาออกจากการเป็นภาคีสมาชิกสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ และสมาชิกสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์อย่างเป็นทางการไปเรียบร้อย

“….หากแต่เมื่อย้อนไปพิจารณาถึงเจตนารมณ์ของการจัดตั้งสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ซึ่งต้องการให้องค์กรควบคุมกันเอง และยกระดับผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์และกิจการหนังสือพิมพ์ให้ดียิ่งขึ้นนั้น

ตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ไม่สามารถจะทำให้เป็นจริงได้ เพราะหนังสือพิมพ์แต่ละองค์กร มีการเลือกข้างอย่างชัดเจน

ไม่ปฏิบัติตามกรอบจริยธรรมในการนำเสนอข่าว เป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดีต่อประเทศชาติ ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้สังคมแตกแยกจนถึงทุกวันนี้

และยังคงเป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูปประเทศชาติ ขณะที่สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ไม่สามารถจะเข้าไปควบคุม หรือให้คุณให้โทษได้

เหตุผลชัดเจน..เห็นด้วยครับ!


Written By
More from pp
ผู้สูงอายุเฮ สปส.ขยายอายุถึง 65 ปี
เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2563 เวลา 9.30 น. นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการประกันสังคมทั่วไทยสู่แรงงานภาคอิสระรุ่นที่ 1-2...
Read More
0 replies on “ว่าด้วยเรื่อง..เห็นด้วย-สันต์ สะตอแมน”