ความเหมือน ‘ทรัมป์-ทักษิณ’

ผักกาดหอม

ยังไม่จบ…..

            กลุ่มผู้สนับสนุน โดนัลด์ ทรัมป์ นัดชุมนุมใหญ่ ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. วันที่ ๒๐ มกราคมนี้

   จุดประสงค์คือขวางพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของ โจ ไบเดน

            ขณะที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จนมุม ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ของกรุงวอชิงตัน

            สั่งเตรียมกองกำลังทหารตำรวจเพื่อรักษาความปลอดภัยในพิธีสาบานตน มอบหน้าที่หลักให้สำนักงานรับมือและจัดการฉุกเฉินแห่งชาติ (FEMA) ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ เป็นผู้ดูแล

            อีกด้านหนึ่ง สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (FBI) ประกาศเตือนพื้นที่เสี่ยงอย่างเมืองหลวงของทุกมลรัฐทั่วประเทศ

            รวมถึงกรุงวอชิงตันให้เฝ้าระวัง “เหตุนองเลือด” จากกลุ่มผู้ชุมนุมติดอาวุธที่อาจเกิดขึ้นในช่วงนี้ไปจนถึงวันที่  ๒๐ มกราคม

            ยังไม่นับโควิด-๑๙ ที่พร้อมจะโจมตี ทุกฝ่ายทุกเวลา


            อเมริกาวันนี้ จึงอบอวลไปด้วยบรรยากาศก่อนสงครามกลางเมือง

            การปลุกเร้าจากผู้นำทางการเมืองทำให้ประชาชนแตกเป็นฝักฝ่าย ไม่ต่างจากบูมเมอแรงที่ย้อนกลับมาเล่นงานอเมริกา หลังจากเข้าไปสร้างความวุ่นวายทางการเมืองในหลายประเทศทั่วโลก

            บางประเทศสิ้นชาติไปแล้ว

            บางประเทศยังสู้รบกันอยู่

            ไทยก็เป็นหนึ่งในเหยื่อขบวนการเสี้ยมโดยอเมริกา

            ขณะที่นักการเมืองไทยก็เสี้ยมประชาชนให้รบกันเอง

            ดังที่เห็นการเมืองไทยรอบ ๑๐ กว่าปีมานี้หาความสงบไม่ได้

            อาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง โพสต์เรื่อง “รู้ทันทักษิณ รู้ทันทรัมป์” ได้น่าสนใจทีเดียว

            …..​พฤติกรรมของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนัลด์  ทรัมป์ ที่ปลุกระดมมวลชนสร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้นที่รัฐสภา หลังความพยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมและต้องการมีอิทธิพลเหนือวุฒิสภาไม่ได้ผล จึงอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย สมัยระบอบทักษิณเรืองอำนาจ


            ๑.ทักษิณ ชินวัตร เจ้าของธุรกิจผูกขาดขนาดใหญ่ ประสบความสำเร็จจากการเลือกตั้งภายหลังวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ๒๕๔๐ ขณะที่ผู้คนถวิลหานักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาบริหารประเทศ เพราะมุ่งหวังว่าจะได้ช่วยนำพาเศรษฐกิจ

            โดนัลด์ ทรัมป์ เจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ ได้ขึ้นมาเป็นผู้นำสหรัฐอเมริกาหลังวิกฤติเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์ ที่คนอเมริกันแสวงหาผู้ประสบความสำเร็จทางธุรกิจมานำพาประเทศ

            ๒.ทั้งทักษิณและทรัมป์ ยึดนโยบายประชานิยม ชาตินิยม ผลประโยชน์ที่ให้เฉพาะกลุ่มคนที่เลือกเขาเป็นหลัก  เหยียดคนกลุ่มน้อยและใช้ความรุนแรง

            ๓.ทั้งสองคนพูดจาโผงผางไม่เกรงกลัวอะไร ใช้ระบบพรรคพวก เอื้อประโยชน์คนรอบข้าง คนในครอบครัวทั้งภรรยา น้องสาว ลูกสาว ลูกเขย มีส่วนในการเข้าแทรกแซงการบริหาร

            ๔.ทักษิณพยายามแทรกแซงวุฒิสภา แจกจ่ายผลประโยชน์ให้ ส.ว. พยายามเปลี่ยนประธานวุฒิสภาและประธานกรรมาธิการให้เป็นคนของตน

            ไม่ต่างอะไรกับทรัมป์ที่แทรกแซงวุฒิสภา พยายามกดดันผ่านรองประธานาธิบดีที่ทำหน้าที่เป็นประธานวุฒิสภา

            ๕.ทักษิณแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ครอบงำองค์กรอิสระ ถึงกับเคยกล่าวว่า “กกต. ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญ ก็เป็นคนของเรา”

            ทรัมป์พยายามแทรกแซงกระบวนการสอบสวนที่ตรวจสอบพฤติกรรมของตน และสุดท้ายพยายามส่งคนของตนไปเป็นศาลสูงสหรัฐอเมริกา ก่อนการเลือกตั้งครั้งสำคัญ

            ๖.ทั้งทักษิณและทรัมป์แทรกแซงและครอบงำสื่อมวลชน  จนกระทั่งสื่อมวลชนแตกแยกเป็นฝักฝ่าย แยกเป็นสองค่าย กลายเป็นสื่อเลือกข้าง (แดงกับฟ้า)

            ๗.ทักษิณและทรัมป์ถูกกล่าวหาว่าหลบเลี่ยง ไม่จ่ายภาษีเป็นจำนวนมากมหาศาล และทั้งคู่ก็แอบอ้าง บิดเบือนประเด็นไปว่า ตนจ่ายภาษีมากกว่าใครๆ ในประเทศเสียอีก

            ๘.ทรัมป์และทักษิณเป็นนักธุรกิจระดับเศรษฐีที่นิยม ครอบครองบ้านหลายหลังอยู่ในหลายประเทศ และอวดร่ำอวดรวยไม่ต่างกัน

            ๙.จิตแพทย์หญิงชาวสหรัฐอเมริกาเคยอัดคลิปแสดงความเป็นห่วงว่าทรัมป์น่าจะมีปัญหาทางจิต หากปล่อยให้เป็นผู้นำประเทศบ้านเมืองจะเสียหาย

            เช่นเดียวกันกับเมื่อครั้งทักษิณดำรงตำแหน่งนายกฯ ของไทย จิตแพทย์ได้เขียนในหนังสือ “รู้ทันทักษิณ” แสดงความเป็นห่วงในพฤติกรรมว่า ผู้นำสมัยนั้นอาจเป็นคนสองบุคลิก และเป็นคนบ้าใหญ่บ้าโต (Megalomania)

            ๑๐.เมื่อจะสูญเสียอำนาจ ทักษิณปลุกระดมคนเสื้อแดง ผ่านวิดีโอคอล “ผมแพ้ไมได้” “ให้ออกมากันให้มากๆ หากมีการใช้กำลัง ให้ปฏิบัติการได้ทันที”

            เช่นเดียวกับทรัมป์เมื่อจะสูญเสียอำนาจก็ปลุกระดมมวลชนมาบุกรัฐสภา โดยใช้วิดีโอคอลเช่นเดียวกับทักษิณ และบอกให้มวลชนต้องแข็งกล้า ไม่ยอมแพ้

            ๑๑.การปลุกระดมของทักษิณและทรัมป์นำมาซึ่งความรุนแรง มีการเผา มีการทำลายทรัพย์สิน มีผู้เสียชีวิตจากการปะทะของทั้งสองฝ่ายในทั้งสองประเทศ

            ๑๒.แม้ทักษิณและทรัมป์จะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งแล้ว  สังคมของทั้งสองประเทศก็เกิดความแตกแยกแบ่งฝ่ายและมีทีท่าว่าจะลุกลาม ส่งผลกระทบต่อระบอบประชาธิปไตย  เศรษฐกิจ และสังคมในอนาคต…..

            ทั้งหมดนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นเรื่องจริง

            พฤติกรรมของ “ทักษิณ-ทรัมป์” ไม่ต่างจากนักค้าความขัดแย้ง

            วันที่ ๒๐ มกราคมนี้ กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ ประกาศให้ทุกคนถืออาวุธที่ตนเองมีมาด้วย และได้ให้สัญญาว่า “เราจะมากันในจำนวนที่ไม่มีกองทัพหรือหน่วยงานตำรวจใดสามารถเทียบเคียงพวกเราได้”

                “พวกเราหลายคนจะกลับมาในวันที่ ๑๙ มกราคม โดยถืออาวุธของเรา เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาของประเทศของเรา และโลกจะไม่มีวันลืม!!!”

            ฟังแล้วคุ้นๆ เหมือนที่ อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ประกาศบนเวทีชุมนุมคนเสื้อแดง ก่อนเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง เมื่อปี ๒๕๕๓

                “มาด้วยกัน ขวดแก้วคนละใบ มาเติมน้ำมันเอาข้างหน้า  บรรจุให้ได้ ๗๕ ซีซีถึง ๑ ลิตร ถ้าเรามา ๑ ล้านคน มีน้ำมัน ๑  ล้านลิตร รับรองว่า กทม.เป็นทะเลเพลิงอย่างแน่นอน”

            รวมทั้งประโยคนรกของ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ”

                “เผาเลยครับพี่น้องผมรับผิดชอบเอง”

            ก็จบด้วยการเผาบ้านเผาเมืองตามที่ขู่ไว้จริงๆ

            หน่วยงานด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ มีความกังวลมาก  เกรงว่ากลุ่มหัวรุนแรงสนับสนุนทรัมป์ จะใช้ความรุนแรง

            ถึงขั้นจะปะทะกับเจ้าหน้าที่รัฐด้วยอาวุธสงคราม

            และก่อจลาจลในเมืองใหญ่ทั่วประเทศ

            ผลที่คล้ายกันนี้ มาจากจุดเริ่มต้นที่คล้ายกัน

            “ทักษิณ-ทรัมป์” ไม่ใช่นักการเมือง แต่เป็นนักธุรกิจ กล้าได้กล้าเสีย และพร้อมที่จะเสี่ยง

            เมื่อการเมืองเป็นเรื่องของการลงทุน จุดจบ….ก็อย่างที่เห็น

            สังคมไทยอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งมาแล้วหลายปี

            ส่วนอเมริกา ที่ส่งออกความขัดแย้งไปทั่วโลก

            วันนี้ถึงเวลาต้องชดใช้.

Written By
More from pp
“ธนกร” ยัน รัฐบาลทลายกระบวนการยาเสพติดต่อเนื่อง อัดไม่ใช่เพิ่งทำอย่างที่บางฝ่ายพยายามบิดเบือน
“ธนกร” ยัน รัฐบาลทลายกระบวนการยาเสพติดต่อเนื่อง อัดไม่ใช่เพิ่งทำอย่างที่บางฝ่ายพยายามบิดเบือน ชี้ปี 65 ยึดอายัดทรัพย์แล้วกว่า 10,820 ล้านบาท เผยนายกฯ ย้ำชัด ยาเสพติดเป็นวาระสำคัญเร่งด่วน
Read More
0 replies on “ความเหมือน ‘ทรัมป์-ทักษิณ’”