นายกฯย้ำแนวทางการดำเนินการของไทย เข้มงวด และไม่ตระหนก ทั้งนี้ พร้อมแบ่งปันแนวทางการดำเนินการที่สำเร็จของไทย

28 กันยายน 2563 เวลา 09.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) โดยนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้กล่าวสรุปสาระสำคัญของการประชุม ดังนี้

นายกรัฐมนตรีได้ให้แนวทางในการดำเนินการว่า เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ และรักษาสุขภาพของประชาชนควบคู่กันไป การดำเนินธุรกิจจึงต้องมีความเหมาะสม ฉะนั้นต้องมีมาตรการสำหรับดูแลทุกกลุ่มอย่างเหมาะสม ให้มีมาตรการแยกรายละเอียด และมีการติดตามการดำเนินการอย่างเหมาะสม

ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้รายงานสถานการณ์สถานการณ์การติดเชื้อทั้งในประเทศและสถานการณ์ทั่วโลกแก่ที่ประชุม โดยประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 138

อย่างไรก็ดี ประเทศเมียนมามีสถานการณ์ที่น่าจับตามอง เนื่องจากมีตัวเลขการติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ประเทศเมียนมากำหนดมาตรการที่เข้มงวดขึ้น โดยได้ประกาศขยายระยะเวลาระงับการเข้าและออกของ เที่ยวบินพาณิชย์ระหว่างประเทศ อีกอย่างน้อย 1 เดือน จนถึงวันที่ 31 ต.ค. 2563

ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้แนวทางในการทำงานเพื่อสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนในพื้นที่ โดยอาจพิจารณาดูแลกลุ่มคนที่เดินทางเข้าประเทศมาจากประเทศที่มีอัตราการติดเชื้อสูงเป็นกรณีพิเศษ และสั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการดูแลในส่วนท้องถิ่นตามแนวชายแดนเข้มงวดเป็นพิเศษ

รวมทั้งฝ่ายไทยยินดีให้ความช่วยเหลือ พิจารณาแบ่งปันแนวทางมาตรการการดำเนินการที่ไทยใช้แล้วได้ผลให้แก่เมียนมา ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขได้รายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรตรวจคัดกรองโรค COVID-19 โดยรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยพระราชทาน ระหว่างวันที่ 8-9 กันยายน 2563 ณ พื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งตรวจสอบทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติทั้งสิ้น 2,642 ตัวอย่าง และทุกตัวอย่างเป็นลบ

นายกรัฐมนตรีย้ำการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนไทยให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตัวตามมาตรฐานสุขอนามัย สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เนื่องจากต่อไปการปลดล็อกการดำเนินธุรกิจจะมีมากขึ้น การท่องเที่ยวเปิดมากขึ้น แต่ในส่วนของการดูแลสุขภาพนั้นจะละเลยไม่ได้

นายกรัฐมนตรีชี้แนะการดำเนินการเมื่อยกตัวอย่างถึงการผ่อนปรนข้อปฏิบัติของต่างประเทศว่า ประเทศไทยดำเนินการอย่างรวดเร็ว ปิดกั้นโอกาสของการแพร่เชื้อ จึงทำให้ควบคุมได้เร็วกว่าประเทศอื่น จึงขอให้ทุกหน่วยงาน สร้างการรับรู้ ย้ำความสำเร็จ ในการดำเนินงานของรัฐบาลไทย


เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้ รายงานความคืบหน้าการอนุญาตให้บุคคลเดินทางเข้า ภายในราชอาณาจักร โดยอาศัย อำนาจตามข้อ 3 ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 (ฉบับที่ 13)

1. การอนุญาตให้นักกีฬาต่างชาติเดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันจักรยานทางไกลนานาชาติ เฉลิมพระเกียรติ
2. แนวทางการปฏิบัติในการกักตัวนักบินและลูกเรือบริษัท การบินไทย จากัด (มหาชน) ใน Repatriation Flight
3. การอนุญาตให้ผู้ที่ถือวีซ่าประเภทคนอยู่ชั่วคราว (Non- Immigrant) ประเภทต่าง ๆ เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
4. การกำหนดเงื่อนไขผู้ขอวีซ่าท่องเที่ยวสาหรับกลุ่ม long stay ตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2563
5. การอนุญาตให้ผู้ถือบัตร APEC Card เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
6. การอนุญาตให้ผู้ที่ประสงค์จะพำนักในประเทศไทยในระยะสั้น และระยะยาวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร

นายกรัฐมนตรีขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาอย่างรอบครอบ และแบ่งแยกเป็นประเภทตามข้อจำกัด โดยต้องมีการออกกำหนดมาตรการเพื่อควบคุม คัดกรอง ติดตาม และตรวจสอบ อย่างเหมาะสม

ทั้งนี้ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติได้เสนอให้พิจารณาความเหมาะสมในการขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ซึ่งนายกรัฐมนตรีขอให้ทุกฝ่ายพิจารณาทุกปัจจัยในการดูแลคนไทยร่วมกัน โดยมองข้ามปัจจัยทางการเมือง วัตถุประสงค์หลักคือเพื่อดูแลคนไทยทุกคน

ที่ประชุมจึงมีมติ เห็นควรเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2563

Written By
More from pp
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง แถลงผลการดำเนินงานปี 2565 ใช้งบดำเนินการกว่า 400 ล้านบาท ให้การช่วยเหลือผู้ยากไร้ พร้อมเดินหน้า ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต แก่ประชาชนต่อไป
นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เป็นประธาน จัดงานแถลง“ผลการดำเนินงานประจำปี 2565 และเป้าหมาย ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ในปี...
Read More
0 replies on “นายกฯย้ำแนวทางการดำเนินการของไทย เข้มงวด และไม่ตระหนก ทั้งนี้ พร้อมแบ่งปันแนวทางการดำเนินการที่สำเร็จของไทย”