ผักกาดหอม
ลิ้นพัน…
เลิกทีเถอะครับกับการพูดเอาหล่อ เพื่อหวังคะแนนเสียงจาก “คน” ที่เรียกกันว่า ฝ่ายประชาธิปไตย คนรุ่นใหม่ หัวก้าวหน้า
เดี๋ยวจะหาว่าเอาแต่ด่า “หัวหน้าเท้ง” รายวัน
เมื่อเป็นนักการเมือง เป็นบุคคลสาธารณะ การพูดจาที่ไม่อยู่กับร่องกับรอย มันก็ต้องติติงให้เห็นว่าคำพูดนั้น เข้าข่ายหลอกลวงประชาชนอยู่เหมือนกัน
รักหรอกนะถึงได้เตือนบ่อยๆ
เรื่องคือว่า วานนี้ (๑๓ ตุลาคม) หัวหน้าเท้ง พูดถึงการอภิปรายแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในที่ประชุมรัฐสภา วันที่ ๑๔-๑๕ ตุลาคมว่า….
“…พรรคประชาชนได้มีการเตรียมผู้อภิปรายไว้หลายคน หลักๆ ก็จะมีการพูดถึงในเรื่องเหตุผลความจำเป็นว่าทำไมจะต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
แต่ส่วนที่มีความสำคัญมากกว่าก็คือ การพยายามชี้ให้ประชาชนเห็นว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้จะเป็นการแก้ปัญหาปากท้อง และคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคน
และมีการเตรียมผู้อภิปรายที่เกี่ยวข้องกับประเด็นสิทธิเสรีภาพ หน้าที่ของรัฐ รวมถึงเรื่องอื่นๆ ด้วย โดยจะให้น้ำหนักในส่วนนี้ไม่แพ้ประเด็นทางการเมืองหรือเรื่องอื่นๆ…”
ที่จริงถามมาหลายรอบแล้ว ขอถามอีกทีเถอะครับ
“หัวหน้าเท้ง” รู้ได้ไงว่ารัฐธรรมนูญใหม่ แก้ปัญหาปากท้องได้
รวมทั้งเรื่องสิทธิเสรีภาพ และเรื่องอื่นๆ
ขอดีดปากอีกสักที ไหนบอกว่าเลือก ส.ส.ร.มาเป็นคนยกร่างรัฐธรรมนูญ
เนื้อหารัฐธรรมนูญใหม่ ส.ส.ร.เป็นคนกำหนดไม่ใช่หรือ
หรือว่าต้องให้ “หัวหน้าเท้ง” อนุมัติ
กำหนดไว้ล่วงหน้าทั้งๆ ที่ยังไม่มี ส.ส.ร. มันเท่ากับ แทรกแซงแบบตกเขียวเชียวนะครับท่าน “หัวหน้าเท้ง”
อย่าพูดเอาหล่อ
แล้วเลิกเสียทีกับการบอกว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องดีกว่าฉบับเก่าแน่ๆ เพราะรัฐสภาไม่ใช่คนยกร่าง เป็นแค่คนอนุมัติเท่านั้น
ลองไปอ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคส้มดีๆ ครับ
เนื้อหาภาพรวมมี ๔ ข้อ
๑.พรรคประชาชนเสนอให้มี “๒ กลไกคู่ขนาน” เพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
กลไกแรก คือคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จำนวน ๓๕ คน ทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ มีที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน จำนวน ๗๐ คน โดยใช้ระบบบัญชีรายชื่อที่ให้ผู้สมัครสมัครเป็นทีมและใช้เขตประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง
จากนั้นรัฐสภาคัดเลือก ๓๕ คน แบ่งสัดส่วนตาม สส. สว. และพรรคการเมือง เท่ากับว่าหากสมาชิกรัฐสภามีทั้งหมด ๗๐๐ คน สมาชิกรัฐสภา ๒๐ คน มีสิทธิ์รวมตัวกันเพื่อเสนอชื่อ กมธ.ยกร่าง ๑ คน
กลไกที่สอง คือสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๐๐ คน ทำหน้าที่รับฟังความเห็นประชาชน และสะท้อนความเห็นต่อ กมธ.ยกร่าง โดยทั้ง ๑๐๐ คน มีที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ใช้ระบบแบ่งเขต ที่ให้ผู้สมัครสมัครเป็นรายบุคคล และใช้จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง จังหวัดละ ๑-๕ คน ตามจำนวนประชากร
๒.พรรคประชาชนกำหนดเวลาในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไว้ที่ ๒๗๐ วัน หรือ ๙ เดือน โดยให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด
และกำหนดให้ทั้ง ๒ กลไกสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อได้ โดยไม่ถูกกระทบจากการยุบสภาหรือจากการที่สภาหมดวาระ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการทำงานและความต่อเนื่องของกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
๓.เมื่อยกร่างเสร็จแล้ว ให้นำเสนอร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต่อรัฐสภา หากรัฐสภาเห็นชอบ ให้นำร่างดังกล่าวไปทำประชามติ เพื่อสอบถามประชาชนว่าเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ แต่หากรัฐสภาไม่เห็นชอบ ให้ร่างดังกล่าวเป็นอันตกไป โดยหากจะมีการจัดทำฉบับใหม่ขึ้นมาอีกฉบับ ให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบให้มีการเลือกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญชุดใหม่ขึ้นมาตามกระบวนการเดิม
๔.เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน พรรคประชาชนกำหนดให้
(๑) การทำงานของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ ไม่จำกัดอยู่แค่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ให้ครอบคลุมถึงการร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ที่ถูกกำหนดในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วย โดยอาจเริ่มต้นทันทีที่ประชาชนลงประชามติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
(๒) บุคคลที่ทำหน้าที่ในคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง เช่น สส., สว., รัฐมนตรี, ผู้บริหารหรือสมาชิกสภาท้องถิ่น, ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ, ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ในช่วงแรกหลังเสร็จภารกิจ
เอาปากกามาวงหน่อยตรงไหนที่บ่งบอกว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะดีกว่าเดิม สามารถแก้ปัญหาปากท้องได้
ก็รู้อยู่แก่ใจว่า ตัวเองทำได้เพียง ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๕ เพื่อเปิดทางฉีกรัฐธรรมนูญฉบับปราบคนโกงทิ้งเพื่อให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ตัวเองฝันว่าแก้ปัญหาปากท้องได้เท่านั้น เพราะคนร่างตัวจริงคือ ส.ส.ร.
เลอะเทอะครับ!
พูดเอาหล่อ แฟนคลับก็คล้อยตาม เราจะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นประชาธิปไตยกินได้
ตรรกะง่ายๆ เลยครับ การแก้ปัญหาปากท้องต้องใช้องค์ความรู้ ความสามารถของผู้นำประเทศ ไม่ใช่ผู้นำทุกประเทศจะทำได้
โดยเฉพาะผู้นำไทยที่ผ่านๆ มาไม่ได้มีขีดความสามารถขนาดนั้น
แต่พรรคส้มบอกว่า แก้ได้แน่โดยให้ ส.ส.ร.ซึ่งก็ยังไม่รู้หน้าตาจะออกมาเป็นอย่างไร จะเป็น ส.ส.ร.สีน้ำเงินหรือเปล่า เขียนใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญ
ต้องเขียนกี่มาตราถึงจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้
ในเมื่อตีเช็คเปล่าให้ ส.ส.ร.แล้ว “หัวหน้าเท้ง” จะไปสั่งอะไรเขาได้
อย่าไปคิดว่า ส.ส.ร.ที่จะเลือกกัน มีคุณภาพเท่าส.ส.ร.ที่ยกร่างรัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐
มันคนละบรรยากาศ คนละเงื่อนไขกันครับ!
รัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐ เป็นผลพวงจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬปี ๒๕๓๕
ทุกพรรคการเมืองถูกกระแสสังคมบีบให้ต้องยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
บรรยากาศการยกร่างนั้นคึกคัก มีม็อบธงเขียว
ประชาชนส่วนใหญ่ตกผลึกร่วมกันว่า ต้องการรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
แต่ ณ ขณะนี้ แน่ใจหรือครับว่าประชาชนตกผลึกร่วมกันแล้ว
หรือแก้รัฐธรรมนูญเพื่อสนองตัณหานักการเมือง เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันตรวจสอบนักการเมืองหนักมาก
จนพรรคส้มบอกว่านั่นคือ “นิติสงคราม”
ครับ…เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ควรพูดแต่พอดี อย่าไปการันตี เพราะจะเป็นการแทรกแซง ชี้นำ
ถ้า ส.ส.ร.เสียงข้างมากมิได้มีความเห็น และจุดยืนในเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เหมือนพรรคส้ม วันนั้นพรรคส้มจะว่าไง
อย่าบอกนะว่า…นิติสงคราม.
