ผักกาดหอม
ตั้งแต่เมื่อวาน…
“ทักษิณ” บอกเมื่อวานนี้ (๙ กุมภาพันธ์) ว่า “ยิ่งลักษณ์” อยากกลับไทยตั้งแต่เมื่อวาน
ก็แสดงว่าอยากกลับตั้งแต่วันที่ ๘ กุมภาพันธ์
ครับ…เป็นอีกครั้งที่ “ทักษิณ” พูดถึงการกลับไทยของน้องสาว
คราวนี้มีความชัดเจนคือ ไม่ได้กลับช่วงสงกรานต์ อย่างที่โม้เอาไว้
“…ยังต้องดูเรื่องความเหมาะสม มีหลายปัจจัย กำลังดูอยู่ ความจริง เขาอยากกลับตั้งแต่เมื่อวาน…”
เรื่องอยากกลับเมื่อวาน ไม่มีสาระอะไรครับ แค่คำตอบกวนบางอวัยวะสื่อมวลชนเท่านั้นเอง แต่ที่เห็นเนื้อๆ คือ “ยิ่งลักษณ์” ไม่ได้กลับไทยในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน
อาจไม่สามารถกลับในรัฐบาลแพทองธารด้วยซ้ำ
สาเหตุมีเรื่องเดียวคือ กลัวคุก
มันไม่ง่ายแล้วล่ะครับที่ “ยิ่งลักษณ์” จะกลับมาแบบ “ทักษิณ”
จะใช้มุกป่วยหนักไปนอนโรงพยาบาล ชาวบ้านจับทางได้หมดแล้ว
ฉะนั้นขืนมาตอนนี้ “คุก” สถานเดียว
แต่สิ่งที่สำคัญกว่า “ยิ่งลักษณ์” กลับหรือไม่กลับ คือเริ่มเห็นความไม่มั่นใจของ “ทักษิณ” เพราะลำพังตัวเอง ยังต้องเอาตัวรอดจากห้องวีไอพีชั้น ๑๔ ขืนปล่อยน้องสาวเดินตามรอย มีโอกาสติดคุกทั้งพี่ทั้งน้อง
“ยิ่งลักษณ์” กลับไทย ไม่ต้องดูเรื่องความเหมาะสมครับ เพราะหากรอโอกาสที่เหมาะสม แสดงว่ามีการช่วยเหลือเพื่อไม่ต้องติดคุกอยู่
ฉะนั้นตัดคำว่าเหมาะสมออกไป เปลี่ยนเป็นกลับได้ตลอดเวลา
คุกรออยู่
“หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม” ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความประเด็นนี้เช่นกัน
“…ยิ่งลักษณ์กลับไทย
ต่อกระแสข่าวที่ยิ่งลักษณ์จะกลับไทยช่วงสงกรานต์ นายทักษิณยอมรับว่า เล็งช่วงเหมาะสม มีหลายปัจจัยทำทันทีไม่ได้
ปัจจัยสำคัญคือ คนไทยตื่นแล้ว เรียกร้องให้ พวกคุณยอมรับกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะเรื่องชั้น ๑๔ คุณจะกลับมา โดยใช้อภิสิทธิ์ไม่ได้
โดยเฉพาะเรื่องชั้น ๑๔ ยังอยู่ที่ ป.ป.ช. แพทยสภา และศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่องจึงไม่ง่ายเหมือนเดิม เพราะคุกรออยู่…”
ครับ… “ทักษิณ” อยู่ในสภาวะ ไม่สามารถจัดการความตื่นตัวของคนไทยได้
ย้อนไปถอดรหัสคำพูด “ทักษิณ” เรื่อง “ยิ่งลักษณ์” จะกลับไทยสงกรานต์ปีนี้ พบความจริงว่า “ทักษิณ” ไม่มีความมั่นใจอะไรเลย
“…ปีหน้าเราจะมาทำบุญด้วยกันสงกรานต์ปีหน้า นายกฯ ปู คงได้มีโอกาสทำบุญที่ประเทศไทย
ซึ่งคนเราก็ต้องมีความคิดก่อน ว่าเราอยากกลับบ้าน เราจะกลับเมื่อไหร่ และกลับอย่างไร ซึ่งก็ยังไม่รู้ นายกฯ ปูก็เหมือนกัน ซึ่งจะต้องกลับอยู่แล้ว
นายกฯ ปู ก็ห่วงบ้านเมืองเหมือนผมตอนอยู่เมืองนอก ก็ช่วยกันคิดช่วยกันทำ โดยเฉพาะตอนที่เราเป็นรัฐบาล
ตอนนี้มีความตั้งใจว่าอยากจะกลับบ้าน ซึ่งเรื่องของนายกฯ ปู นั้นไม่ค่อยซับซ้อน ส่วนตัวผมเองนั้นเค้ายัดข้อหาให้เยอะ ส่วนของ นายกฯ ปู มีแค่คดีเดียว และตั้งใจว่าจะกลับมาแต่ยังไม่รู้ว่าจะกลับยังไง
ทุกอย่างมีเหตุผลของมัน…”
เอาเข้าจริงใจดีสู้เสือ
“ทักษิณ” ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะพาน้องสาวกลับด้วยวิธีไหน
จะใช้วิธีเดียวกับตัวเองก็ไม่ได้ อย่างที่ “หมอวรงค์” โพสต์เอาไว้ มี ๓ ด่านต้องผ่านให้ได้ หากไม่ผ่านก็กลับเข้าสู่ประตูคุก นั่นคือ
ป.ป.ช.
แพทยสภา
และศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
จะเห็นว่า ๓ ด่านนี้ ไม่มีฝ่ายค้านเลย
มีเหตุผลครับ
สาเหตุที่ไม่คาดหวังว่าพรรคส้มจะซักฟอกกรณีนักโทษชั้น ๑๔ อย่างเอาเป็นเอาตาย จับรัฐมนตรีเข้าคุกให้ได้ก็เพราะ พรรคส้มแทบไม่แตะกรณีนี้เลย
ลองกลับไปดูข่าวเก่าๆ เถอะครับ ในนามพรรคส้ม แทบไม่มีการพูดถึง
แต่จะพูดในฐานะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรแทน
โดยเฉพาะคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ของสภาผู้แทนราษฎร ที่ “รังสิมันต์ โรม” นั่งเป็นประธาน
แล้วมันต่างกันอย่างไร
ต่างกันพอควรครับ
การใช้ข้อมูลจากกรรมาธิการมาอภิปราย ย่อมเปิดโอกาสให้รัฐบาลตอบโต้ได้ง่าย เนื่องจากในกรรมาธิการนั้นมีทั้ง สส.รัฐบาลและฝ่ายค้าน
ทุกคนได้ข้อมูลชุดเดียวกัน
จะบอกว่าประธานกรรมาธิการมีข้อมูลลึกและลับกว่ากรรมาธิการคนอื่นๆ คงไม่ได้ เพราะการประชุมทุกครั้งมีรายงานการประชุม
กลับกัน การขุดคุ้ยข้อมูลในนาม สส.พรรค โอกาสที่รัฐบาลจะล่วงรู้นั้นยากมาก ยกเว้นมีหนอนบ่อนไส้
ฉะนั้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จึงน่ากังวลพอควรกับประสิทธิภาพของฝ่ายค้าน
อย่าลืมนะครับว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจคือมาตรการการตรวจสอบรัฐบาลขั้นสูงสุด ที่ฝ่ายค้านมีอยู่ในมือ
ไม่ใช่เวทีฝึกอภิปราย
หรือใช้เวทีนี้ปราศรัยหาเสียง
ในอดีตข้อมูลจากเวทีนี้มีความหนักแน่น จนนำไปสู่การติดคุกของรัฐมนตรี และการหนีไปต่างประเทศของนายกรัฐมนตรี
พรรคส้มจึงต้องตระหนักในการทำหน้าที่ของตนเอง
อย่าให้ผลออกมาเป็นมุมกลับ ไปสร้างความแข็งแกร่งให้รัฐบาลลูกสาวทักษิณ
ข้อสงสัยในความสัมพันธ์ของ “ทักษิณ-ธนาธร” นั้นมีมากพอที่จะทำให้ผู้คนในสังคมเชื่อว่า ที่ผ่านมาพรรคส้มกับ “ทักษิณ” เล่นละครอยู่แล้ว
ฉะนั้นอย่าไปตอกย้ำให้เชื่อมากยิ่งขึ้นว่า ส้มไม่ได้อยากกินแดง และแดงไม่ได้อยากกินส้ม
แต่ส้มและแดงประสงค์ที่จะผสมพันธุ์กัน เพราะมีงานที่ใหญ่กว่ารออยู่
