๑๓ มิ.ย. ‘ทักษิณ’ ต้องเจออะไร #ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

วางเดิมพันกันแล้วครับ…

หนี หรือ ไม่หนี

ว่ากันตามจริงคราวนี้ “ทักษิณ” น่าจะคิดหนักพอควร

หนีครั้งแรกปี ๒๕๕๑ ในยุครัฐบาลสมัคร สุนทรเวช

ให้หลังเดือนเดียว “สมัคร สุนทรเวช” พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะคดีชิมไปบ่นไป

มาคราวนี้ลูกสาวตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี หากหนีย่อมมีผลกระทบกับรัฐบาลอย่างแน่นอน และไม่ใช่ผลกระทบธรรมดา

อาจทำให้รัฐบาลพังพาบได้

ฉะนั้นหากหนีจะต้องมีเดิมพันที่ยากต่อการตัดสินใจอย่างมากทีเดียว

ยิ่งใกล้วันที่ ๑๓ มิถุนายน วันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดไต่สวนคดีนักโทษเทวดาชั้น ๑๔ ข้อกฎหมายก็พรั่งพรู

ยิ่งอ่าน ยิ่งฟัง ยิ่งเครียดแทน “ทักษิณ” จริงๆ

เพราะถ้าติดคุกคราวนี้ คุก จริงๆ

อย่างที่ทราบกัน ประเด็นหลักอยู่ที่ มีการบังคับโทษจำคุก “ทักษิณ” ไปแล้วหรือยัง

คือ…”ทักษิณ” ติดคุกจริงๆ แล้วหรือไม่

ถ้ายังไม่ติดเพราะการส่งตัว “ทักษิณ” จากเรือนจำไปห้อง วีวีไอพีชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจ ขัดต่อกฎหมาย เนื่องจาก “ทักษิณ” มิได้ป่วยวิกฤตจริง

คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจาก ต้องบังคับโทษให้ถูกต้อง เอาตัว “ทักษิณ” เข้าเรือนจำ

งานงอก!

ไม่ใช่ติดแค่ปีเดียวตามที่ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ

อาจติดแบบไม่มีโอกาสได้กลับออกมาอีก!

“คมสัน โพธิ์คง” นักวิชาการด้านนิติศาสตร์ โพสต์ข้อความว่า

“…ผมวิเคราะห์แล้วเห็นว่า ทักษิณคงหนีแน่ๆ เพราะถ้าอยู่ติดคุกน่าจะอยู่จนตายไม่ได้ออก เนื่องจากทักษิณต้องกลับไปจำคุกในเบื้องต้นเสียก่อนเป็นเวลา ๑ ปีตามประกาศพระบรมราชโองการให้ลดโทษ เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๖ ที่ให้ลดโทษจาก ๘ ปี เหลือ ๑ ปี แต่ผลพวงที่ตามมานี่สิ มันน่ากลัวมาก มีอะไรบ้างมาดูกัน

๑.ตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๕๕ วรรคท้าย ระบุว่า ‘ในกรณีที่ส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำตามวรรคสอง มิให้ถือว่าผู้ต้องขังนั้นพ้นจากการคุมขัง และถ้าผู้ต้องขังไปเสียจากสถานที่ที่รับผู้ต้องขังไว้รักษาตัว ให้ถือว่ามีความผิดฐานหลบหนีที่คุมขังตามประมวลกฎหมายอาญา’ หากศาลระบุว่า ทักษิณไม่ได้รับโทษจำคุกเลย คดีที่ตามต่อมาก็คือ คดีนักโทษหนีจากที่คุมขัง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๙๐ ที่บัญญัติไว้ว่า

มาตรา ๑๙๐ ผู้ใดหลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจของศาล ของพนักงานอัยการ ของพนักงานสอบสวน หรือของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าความผิดดังกล่าวมาในวรรคแรกได้กระทำโดยแหกที่คุมขัง โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าความผิดตามมาตรานี้ได้กระทำโดยมีหรือใช้อาวุธปืน หรือวัตถุระเบิด ผู้กระทำต้องระวางโทษหนักกว่าโทษที่กฎหมายบัญญัติไว้ในสองวรรคก่อนกึ่งหนึ่ง

นอกจากทักษิณจะต้องติดคุกตามประกาศพระบรมราชโองการให้ลดโทษ เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๖ เป็นเวลา ๑ ปีแล้ว จะต้องถูกดำเนินคดีต่อตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๙๐ ประกอบกับพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ฯ มาตรา ๕๕ วรรคท้าย ซึ่งหากศาลว่าผิดจริง (คุณเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส กับสุรเชชษฐ์ หักพาล น่าจะเป็นพยานปากสำคัญ) คงต้องโทษจำคุกเพิ่มอีกไม่เกิน ๕ ปี ซึ่งโดยพฤติกรรมถ้าศาลเห็นว่าร้ายแรงต่อกระบวนการยุติธรรม (ผมเห็นว่าร้ายแรงเพราะทักษิณเป็นผู้นำจิตวิญญาณที่มีอิทธิพลทางความคิดเหนือรัฐบาล) ศาลอาจลงเต็มถึง ๕ ปีเลยก็ได้

๒.ทักษิณอาจต้องร่วมกันรับผิดในฐานเป็นผู้ใช้หรือเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และคณะแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการส่งตัวทักษิณไปนอกเรือนจำ รวมทั้งแพทย์ในโรงพยาบาลตำรวจที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจต้องถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ มาตรา ๑๘๔ มาตรา ๒๐๓ และมาตรา ๒๐๔ ซึ่งอาจต้องรับโทษต่างกรรมต่างวาระกัน ซึ่งต้องรับโทษรายกระทง และอาจต้องรับโทษตั้งแต่ ๑ ปีถึง ๑๐ปี และอาจต้องรับโทษฐานเป็นตัวการหรือผู้สนับสนุนในความผิดที่ทักษิณจะต้องได้รับตาม ๑. ด้วย ส่วนทักษิณที่ต้องรับผิดฐานเป็นผู้ใช้หรือเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดของกลุ่มบุคคลเหล่านั้น ซึ่งต้องรับโทษเพิ่มเติมจาก ๑. เท่าบุคคลเหล่านั้นหรืออย่างน้อยสองในสามของโทษที่บุคคลเหล่านั้นได้รับ

๓.การขอรับพระราชทานอภัยโทษตามประกาศพระบรมราชโองการให้ลดโทษ เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๖ มีข้อความระบุว่าทักษิณได้รับโทษมาแล้ว ๑๐ วัน และนายทักฺษิณได้สำนึกผิดในความผิดที่ตนกระทำ ซึ่งเป็นการบังคมทูลด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ถึงแม้จะไม่มีโทษของการฝ่าฝืนพระบรมราชโองการในกฎหมายใดๆ ก็ตาม แต่โดยส่วนตัวผมเห็นว่า ผู้กระทำการจนเป็นเหตุให้มีการทูลเกล้าขอพระราชทานอภัยโทษ ทำการที่เป็นการแสดงออกในลักษณะหลอกลวงไม่แสดงความเคารพต่อพระราชสถานะของพระมหากษัตริย์ที่ทรงอยู่เหนือการเมือง ทำการหลอกลวงอันเป็นเท็จเพื่อให้ทรงมีพระบรมราชโองการอภัยโทษ ซึ่งเป็นการกระทำที่เข้าลักษณะการดูหมิ่นไม่เคารพต่อพระมหากษัตริย์ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ต้องระวางโทษตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี ทักษิณซึ่งมีส่วนร่วมอาจต้องถูกดำเนินคดีในความผิดดังกล่าวด้วยในฐานเป็นตัวการหรือผู้สนับสนุนการกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าวด้วย

๔.ทักษิณยังมีคดีค้างอยู่ในศาลอาญา คดีการกระทำความผิดที่กล่าวดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ที่กล่าวกับช่องโทรทัศน์ของเกาหลี อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ต้องระวางโทษตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี ซึ่งโดยสถานะของทักษิณที่ผ่านมาและการต่อสู้คดีที่แสดงว่าไม่สำนึกผิดในการกระทำ อาจถูกลงโทษเต็มระวางความผิดก็ได้

เมื่อรวมๆ ความผิดและระวางโทษที่จะได้รับในคดีต่างๆ ที่วิเคราะห์มาแล้ว เผลอๆ อาจต้องติดคุกเพิ่มขั้นต่ำประมาณ ๖-๘ ปี หรือขั้นสูงถึง ๔๐-๔๘ ปี ตอนนี้ทักษิณอายุ ๗๕ ปีแล้ว ถ้ารับโทษเต็มๆ ตามการวิเคราะห์ จะออกจากเรือนจำอย่างเร็วสุดตอนอายุ ๘๓ ปี อย่างช้าสุด ๑๑๓ ปี

แค่นี้ยังไม่รวมถึงที่มีผู้อื่นต้องรับผิดอีกนะ เช่นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หรือนายกรัฐมนตรี ที่เข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งอาจทำให้มีความผิดฐานเป็นตัวการหรือผู้สนับสนุนนะ

เมื่อวิเคราะห์แบบนี้ผมเลยไม่พนันกับใคร เพราะถ้าพนันกันผมได้กินแน่ๆ เพราะทักษิณคงไม่อยู่ติดคุกแน่ ตามที่จตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวไว้ว่าทักษิณจะไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว

หนีแน่เลยครับ…”

อ่านจบขนลุกซู่

หลายกระทงเลยครับ!

มีคนวางแผนสมคบคิด ไปบังคับขู่เข็ญให้ใครกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ บรรดาหมอที่ติดร่างแหไปด้วยทำด้วยความเต็มใจหรือถูกขู่เข็ญบังคับ

ถ้าบังคับ คดีพลิก จากจำเลย กลายเป็นพยาน

“ทักษิณ” ไม่รู้จริงหรือว่ามีขบวนการช่วยไม่ให้ตัวเองติดคุก

ถ้าบอกไม่รู้จะมีใครเชื่อหรือเปล่า

“หนี” ขี้หมากองเดียว…

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
0 replies on “๑๓ มิ.ย. ‘ทักษิณ’ ต้องเจออะไร #ผักกาดหอม”