“กรวดน้ำคว่ำขัน” #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

ช่วงนี้ เรื่องบ้าน-เรื่องเมือง ……

ก็วนอยู่ใน “วงเวียนกรรม(เก่า)” ของนักการเมือง ที่ถึงรอบ “เช็กบิลกรรม”

มีเรื่องอะไรบ้าง ลองทบทวนกันดู เพื่อจดใส่ข้างฝาบ้านไว้กันลืม ก็มี….

-เรื่องชั้น ๑๔ “มติแพทยสภา” ที่ถึงมือรัฐมนตรีสาธารณสุข “นายสมศักดิ์ เทพสุทิน” นฐานะ “สภานายกพิเศษ” แล้ว

มีเวลา “วัดใจ” รัฐมนตรีสมศักดิ์ ๑๕ วัน

ว่าจะ “เห็นชอบตามมติแพทยสภา” หรือจะวีโต

-เรื่องชั้น ๑๔ อีกเหมือนกัน แต่ในประเด็น “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมือง” ท่านเห็นว่า โทษคุกทักษิณ ๑ ปี นั้น

“อาจมีการบังคับคำพิพากษาไม่เป็นไปตามหมายจำคุก”

จึงเห็นควรให้โจทก์ “ป.ป.ช.” และจำเลย “นายทักษิณ ชินวัตร” แจ้งต่อศาลว่า “มีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร?”

กับสำเนาคำร้องให้…..

“ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร, อธิบดีกรมราชทัณฑ์, นายแพทย์ใหญ่รพ.ตำรวจ ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อศาล

โดยนัดไต่สวนในวันที่ ๑๓ มิย.เวลา ๙.๓๐ น.”

-เรื่อง กกต.เรียก ๕๕ สว.และคนพรรคภูมิใจไทยไปรับทราบ

ข้อหาคดี “ฮั้วสว.”

อดีตผู้สมัครสว. “นางสาวกุสุมาลวตี ศิริโกมุท” ได้ที ก็ไปร้องกกต.ให้ยุบพรรคภูมิใจไทย กล่าวหา มีส่วนเกี่ยวข้องกับประเด็นฮั้วเลือกสว.

แล้วยังมีอะไรอีก อ้อ….ก็เรื่อง

-นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์, นายสมชาย แสวงการ, นายนิติธร ล้ำเหลือ และ ร.ศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก

ไปร้อง ป.ป.ช.เมื่อปลายเดือนเมษา….

ขอให้ตรวจสอบการกระทำผิดฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๔๔ ที่บัญญัติไว้ในการพิจารณาร่างพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประ จำปี ๒๕๖๘

หลังครม.มีมติตัดงบประมาณ ๓๕,๐๐๐ ล้านบาท ที่มีการให้ไปกู้ตามมาตรา ๒๘ และต้องชดใช้ดอกเบี้ยพร้อมเงินกู้ ทั้งที่ตามรัฐธรรมนูญบัญญัติว่า….

“ห้ามมิให้แตะต้องเงินงบประมาณดังกล่าว”!

โดยขอให้ ป.ป.ช.ส่ง “ศาลรัฐธรรมนูญ” วินิจฉัย ถอดถอนคณะรัฐมนตรีในยุค “เศรษฐา ทวีสิน” และ “แพทองธาร ชินวัตร”

แถมพ่วง “สส.- สว.” ชุดปัจจุบันด้วย ฐานทำผิด “ปรับงบปี ๖๘ ส่วนใช้หนี้” มาแจกเงินหมื่น “ให้ชดใช้เงินคืนภายใน ๒๐ ปี”

และนี่แหละ เป็นเหตุให้รัฐบาลเพื่อไทยต้องเบรกหัวทิ่มการแจกเงินหมื่น เฟส ๓!

เรื่องนี้ ตามกฎหมายระบุ เมื่อป.ป.ช.ได้รับเรื่องแล้ว ให้ดำเนินการสอบสวนในทางลับโดยพลัน

ฉะนั้น ไม่น่าเกิน ๓ เดือน ฟ้าอาจผ่ากลางแดดเพราะเรื่องนี้ได้!!!

เรื่อง “กรรมการเมือง” ล้วนๆ มันจะเลี่ยนมากไป ฉะนั้น เอาเรื่อง “กรรมการบ้าน” แถมซักเรื่องละกัน

-เมื่อวาน (๒๐ พ.ค.๖๘) ที่ศาลอาญามีนบุรี

ศาลอ่าน “คำพิพากษาศาลฎีกา” คดี “นายเสกสรรค์ ศุขพิมาย” หรือ “เสก โลโซ”

ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่, เสพยาเสพติด และมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

ถูกจับกุมเมื่อ ๓๑ ธ.ค.๖๐ ที่บ้านพัก หลังจากศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชออกหมายจับในข้อหาเกี่ยวกับการยิงปืนขึ้นฟ้าโดยไม่มีเหตุอันสมควร

ในระหว่างการจับกุม “เสก โลโซ” ขัดขืน ขู่จะใช้ปืนหากเจ้าหน้าที่บุกเข้ามา ตำรวจจึงต้องใช้หน่วย “อรินทราช” เข้าช่วยเหลือในการควบคุมตัว

ก่อนคดีนี้ เสก โลโซ เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุด ศาลสั่งจำคุก แต่ให้รอการลงอาญาไว้ ๒ ปี แต่กลับมาทำผิดซ้ำอีก

ศาลชั้นต้น พิพากษา เมื่อ ๒๕ ต.ค.๖๑

ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดทั้ง ๓ ข้อหา ให้จำคุกตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ๑ ปี รับสารภาพ ลดโทษเหลือ ๖ เดือน

ฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่โดยขู่เข็ญว่าจะประทุษร้ายโดยมีอาวุธปืน ให้จำคุก ๑ ปี ๖ เดือน

และฐานเสพยาเสพติด จำคุกอีก ๖ เดือน รวมจำคุก ๑ ปี ๑๘ เดือน และให้บวกโทษของศาลอาญาคดีทำร้ายร่างกายสาวคนสนิทภรรยาอีก ๑ ปี ๓ เดือน

รวมจำคุกเสก โลโซ ทั้งสิ้น ๒ ปี ๒๑ เดือน โดยไม่รอการลงโทษ แม้ว่าจำเลยอ้างป่วยเป็นโรคไบโพลาร์ขณะกระทำผิด

เนื่องจากเห็นว่า จากพฤติการณ์การสื่อสารกับเจ้าหน้าที่พบว่าจำเลยรู้ผิดชอบดี จึงไม่อาจอ้างภาวะป่วยดังกล่าวได้

การกระทำของจำเลยนั้น….

ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายและให้นับโทษจำเลยต่อจากคดี พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชด้วย

ต่อมา ๗ พ.ค.๖๓ “ศาลอุทธรณ์” พิพากษาแก้เป็นว่า

ความผิดฐานมีอาวุธปืนซึ่งเป็นของผู้อื่นที่ได้รับใบอนุญาตให้

มีและใช้ตามกฎหมายและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก ๕ เดือน

“ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง” คงจำคุก ๓ เดือน เมื่อรวมกับโทษฐานอื่นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นจำคุก ๑ ปี ๑๕ เดือน

บวกโทษจำคุก ๑ ปี ๓ เดือน ที่รอการลงโทษไว้เข้ากับโทษของเสก โลโซ ในคดีนี้ เป็นจำคุก ๒ ปี ๑๘ เดือน โดยไม่รอลงอาญา

“เสก โลโซ” ได้รับการ “ปล่อยชั่วคราว” ระหว่างฎีกา โดยศาลตีราคาประกัน ๖๐๐,๐๐๐ บาท

และเมื่อวาน (๒๐ พ.ค.๖๘) “ศาลฎีกา” พิพากษาแก้ ให้ลงโทษจำคุก ๒ ปี ๑๒ เดือน ๒๐ วัน

ขณะนี้ “เสก โลโซ” ถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คุมตัวเข้าเรือนจำพิเศษมีนบุรี เพื่อรับโทษตามคำพิพากษาแล้ว

“พี่เสก” ก็คิดซะว่า “ติดคุกให้พี่ทักษิณเขาดู” ก็แล้วกัน

พี่เขาจะได้รู้ว่า….

ลูกผู้ชายตัวจริงมันต้องกล้า เมื่อ “ใจมันสั่งมา” คุกกับจันทร์ส่องหล้า มันก็คือ “บ้านของคนกล้าอย่างเรา”!

แถมของหวานล้างปากซะหน่อย พรุ่งนี้ (๒๒ พ.ค.๖๘)ศาลปกครองสูงสุด นัดอ่านคำพิพากษา

“อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์” ต้องชดใช้ค่าเสียหาย ต่อโครงการรับจำนำข้าว ที่ตนเองต้องรับผิดชอบในวงเงิน ๓๕,๗๑๗  ล้านบาท หรือไม่?

เรื่องนี้ กรรมหลายวง-หลายรอบเกินปัญญาผมจำ ต้องอาศัย “มือปราบโกงจำนำข้าว” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี

ท่านโพสต์สรุปไว้เมื่อวาน ดังนี้

…………………………………….

“นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม” ประธานพรรคไทยภักดี

คดีนี้ มีพื้นฐานมาจาก”นโยบายรับจำนำข้าวทุกเม็ด” เกวียนละ 15,000 บาท “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ”

ซึ่งเป็นนโยบายที่นำไปสู่การทุจริตในทุกขั้นตอน พอสรุปได้

1.โกงต้นน้ำ

ขั้นตอนที่ชาวนาเอาข้าวเปลือกไปเข้าร่วมโครงการ โดยมีโรงสีทำหน้าแทนรัฐบาล

มีการโกงความชื้น โกงตาชั่ง และสิ่งเจือปน การมีซื้อสิทธิ์เพื่อสวมสิทธิ์ใบประทวน การโกงในขั้นตอนนี้ ส่วนใหญ่ชาวนาเสียหาย เพราะ “โรงสีโกงชาวนา”

2.โกงกลางน้ำ

ขั้นตอนที่โรงสี สีแปรข้าวเปลือกเป็นข้าวสาร เพื่อส่งเก็บคลังกลางที่รัฐบาลเช่าเก็บข้าวสาร

มีการเอาข้าวเสื่อม ข้าวเหลือง ข้าวผิดชนิด มาเก็บในคลังที่รัฐบาลเช่า

การโกงขั้นนี้ เกิดจากโรงสี เซอร์เวเยอร์ (ผู้ตรวจคุณภาพข้าวสาร) เจ้าของคลัง รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันทุจริต ทำให้รัฐเสียหาย

เพราะได้ข้าวสารไม่ตรงปก ข้าวเสื่อมสภาพ ข้าวเหลืองเก็บเข้าคลัง (ไม่แปลกใจที่มีความพยายามกินข้าว 10 ปี โชว์สื่อ)

3.โกงปลายน้ำ

คือการที่ฝ่ายการเมือง ร่วมกับข้าราชการและนักธุรกิจค้าข้าว ร่วมมือกันระบายข้าวที่ไม่สุจริต

ที่รับทราบคือระบายแบบรัฐต่อรัฐ แต่ความจริงนั้นไม่ใช่ อ้างจีทูจี แต่ไปขายข้าวให้นักธุรกิจราคาถูก ข้าวไม่ได้ขายแบบรัฐต่อรัฐจริง

และเอาข้าวนี้ ไปขายให้โรงสี “เวียนส่ง” โครงการรับจำนำข้าวอีกที

ในคดีอาญา “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” มีคำพิพากษาการกระทำของนางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เดิม) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 ลงโทษจำคุก 5 ปี

แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์หนี (ส่วนคนอื่นเช่นนายบุญทรง นายภูมิ เสี่ยเปี๋ยง ข้าราชการอื่นๆ โดนติดคุกหลายคน)

ความผิดอาญาจึงถือว่า “จบแล้ว” และไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่คดีที่ “ศาลปกครองสูงสุด” จะมีการอ่านคำพิพากษานั้น เป็น “ความรับผิดชอบทางแพ่ง”

มีการใช้พรบ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ ให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ “ชดใช้ค่าเสียหาย” ในการทำโครงการที่สร้างความเสียหายแก่รัฐ

แต่ให้ยิ่งลักษณ์รับผิดชอบ 35,717 ล้านบาท

นางสาวยิ่งลักษณ์จึงไปร้องขอความเป็นธรรมต่อ “ศาลปกครองกลาง”

“ศาลปกครองกลาง” สั่งเพิกถอนคำสั่ง “กระทรวงการคลัง” ที่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว เป็นเงิน 35,717 ล้านบาท

“กระทรวงการคลัง” และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ “อุทธรณ์คำสั่ง” ศาลปกครองกลาง ต่อ “ศาลปกครองสูงสุด”

และ “ศาลปกครองสูงสุด” จะมีการอ่านคำพิพากษาในวันที่ ๒๒ พ.ค.๖๘ นี้

สิ่งที่ต้องให้ประชาชนเข้าใจ ไม่ว่าผลคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด จะเป็นคุณหรือโทษต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์

ไม่มีผลใดๆ ต่อความผิดคดีอาญาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ศาลฎีกาฯ เคยพิพากษาจำคุก ๕ ปี

เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตต่อการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ.

………………………………….

สรุปแล้ว รายการ “เช็กบิลกรรม” รอบนี้ ในตลาดเขาลุ้นกัน ๒ ลุ้น คือลุ้นพี่ชาย จากกรณี ๑๓ มิ.ย. “จะหนี” หรือ “จะอยู่” ไปร่วมวงกับ “เสก โลโซ”

ลุ้นที่ ๒ ลุ้นน้องสาว “๒๒ พฤษภา.” คือพรุ่งนี้

“ประเทศชาติบ้านเมือง” จะได้เงินชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวจากอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ จำนวน 35,717 ล้านบาท จากคำพิพากษา “ศาลปกครองสูงสุด” หรือไม่?

ประเทศไทยไม่ได้ไปไหน เป็น “คู่เวร-คู่กรรม” อยู่กับตระกูลชินวัตร มากว่า ๒ ทศวรรษ

น่าจะถึงคราวได้ “กรวดน้ำคว่ำขัน” บ้านเมืองนี้จะได้เจริญกันซะที!

      เปลว สีเงิน

       ๒๑ พฤษภาคม ๒๖๕๖๘

 

Written By
More from plew
ทำไม ๒ ผบ.บวชวัดหงส์?
เปลว สีเงิน พรุ่งนี้ ๑๓ ตุลา. คล้ายวันสวรรคต “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” รัชกาลที่ ๙ ใส่เสื้อสีเหลืองกันนะครับ
Read More
0 replies on ““กรวดน้ำคว่ำขัน” #เปลวสีเงิน”