ผักกาดหอม
ยังจะดิ้นกันครับ…
ข่าวจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันอังคารที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มีการ “ประชุมลับ”!
การประชุมลับของ ครม.คือ ให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และรัฐมนตรี ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ประชุมออกจากห้องทั้งหมด
เหลือไว้แค่รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะประชุมเท่านั้น
การประชุมลับเกิดขึ้นไม่บ่อยครับ แต่หากต้องประชุมแสดงว่ามีเรื่องใหญ่ รู้กันแค่ไม่กี่คน
แต่…ไม่รอดครับ ถูกคุ้ยแคะแกะเกาออกมาจนได้
เขาประชุมกันเรื่อง ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความคุณสมบัติรัฐมนตรี
ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์มันคืออะไร
เป็นสมัยก่อนก็ “สุกร” หมายถึงอะไร
ประเทศไทยมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
จุดที่สะกดคำว่า จริยธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ออก
ไม่รู้ความหมายว่ามันคืออะไร
ครับ…ที่ประชุมลับขอ ครม.มอบหมายให้นักกฎหมายใหญ่ “ชูศักดิ์ ศิรินิล” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือตามคำแนะนำของเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อส่งคำร้องส่งถึงศาลรัฐธรรมนูญ
เพื่อขอให้ศาลระบุคำนิยามเรื่องคุณสมบัติของบุคคลที่ถูกเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรี
รวมถึงคุณลักษณะต้องห้ามฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๖๐ (๔) และ (๕)
ให้เหตุผลว่า เพื่อให้เกิดความชัดเจนเรื่องคุณสมบัติของผู้ที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในครั้งต่อไป
ง่ายๆ คือคนตั้งรัฐมนตรีซึ่งก็คือ “แพทองธาร ชินวัตร” ไม่อยากหลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เหมือน “เศรษฐา ทวีสิน”
จึงต้องการความชัดเจนว่า “นิยาม” หรือ “คำจำกัดความ” ในเรื่องคุณสมบัติของผู้ถูกเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๖๐ ที่บัญญัติว่า…
ผู้ถูกเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์กับต้องไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามคำวินิจฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญตามคำวินิจฉัยที่ ๒๑/๒๕๖๗
หรือคำวินิจฉัยกลางในคดี เศรษฐา ทวีสิน ที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๗ ว่าศาลมีคำจำกัดความหรือหลักการพิจารณาจากอะไร
ราวกับว่ารัฐมนตรีชุดนี้แยกระหว่างซื่อสัตย์สุจริต กับ ทุจริต ไม่ออก
ไม่รู้จักว่าพื้นฐานของจริยธรรมคืออะไร
ว่าไปสังคมไทยมันมีเรื่องวุ่นๆ เกี่ยวกับจริยธรรมความซื่อสัตย์สุจริต มาเยอะพอควร จนกลายเป็นว่าใครๆ เขาก็ทำกัน
ขนาดทำโพลผลยังออกมาว่า โกงไม่เป็นไรขอให้แบ่งกัน
และล่าสุดที่ทำเอายืนงงในดงโกง กรณีทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง ๒๖ โครงการ มูลค่ากว่า ๘๑ ล้านบาท
ศาลสั่งจำคุก ๕๐ ปี
แต่ให้รอลงอาญา ๕ ปี
และให้คุมประพฤติ!
ยังไม่เห็นคำพิพากษาตัวเต็ม แต่มันย้อนแย้งจนยากที่จะรับได้
ก็ไม่แปลกครับที่ประเด็นนี้จะกลายเป็นเรื่องร้อนในโซเชียล ถึงขนาดตั้งคำถามว่า แล้วต่อไปจะปราบโกงกันได้อย่างไร
กลับมาที่รัฐบาลแพทองธาร ทำไมต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าจริยธรรมความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์มีขอบเขตแค่ไหน
ความรู้สึกต่อประเด็นนี้ บางทีก็เหมือนสังคมไทยกำลังป่วยหนัก ต้องนอนในไอซียู จนไม่อาจแยกแยะเรื่องราวอะไรได้
แต่รัฐบาลดูจะเป็นผู้ป่วยวิกฤตหนัก ห่างหมอไม่ได้เสี่ยงเสียชีวิต คือมีปัญหาในการแยกแยะหนักกว่ามาตรฐานในสังคม
เพราะมันมีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องไงครับ
นายกรัฐมนตรี ที่จริงก็ไม่ใช่ตัวนายกฯ หรอกครับ แต่เป็นพ่อนายกฯ ต่างหาก ต้องการจะปรับคณะรัฐมนตรี
เอาบางคนเข้า บางคนออก
คนออกไม่ได้เป็นปัญหาของพ่อนายกฯ
แต่คนเข้านี่สิครับคือปัญหาใหญ่
เพราะจะเอาคนมีปัญหาเป็นรัฐมนตรี
เดิมทีพรรคเพื่อไทยขู่จะแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๖๐ เอาคำว่า จริยธรรม ความซื่อสัตย์ ไปตีความเองใหม่หมด
แต่แก้ไม่ทันครับ
มันต้องใช้เดี๋ยวนี้!
ก็มีทางเดียวคือส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ
ช่างน่าอนาถประเทศไทย
รัฐธรรมนูญเขียนไว้เสียดิบดี อยากให้มีรัฐมนตรีที่มีจริยธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ แต่ผู้มากบารมีเหนือรัฐบาลกลับอยากจะได้คนที่มาตรฐานต่ำกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนดเป็นรัฐมนตรี
หากใครแย้งว่า อย่าเข้าใจ “ทักษิณ” ผิด ก็ต้องถามกลับว่า ถ้าคนมาเป็นรัฐมนตรีมาตรฐานครบ จะส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความทำไม
เมื่อการเมืองเป็นเรื่องของการแจกจ่ายตำแหน่งและผลประโยชน์ มันก็ออกมารูปนี้
ก็รอดูครับว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้พิจารณาหรือไม่ เพราะในอดีตมีการร้องในลักษณะคล้ายกันนี้มาแล้ว และศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับไว้พิจารณา คือกรณีของ “ไผ่ ลิกค์” ที่แห้วจากเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
มีข่าวแพร่สะพัดเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งจะมีขึ้นหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เป็นสูตรสำเร็จทางการเมือง แทบทุกครั้งหลังซักฟอกรัฐบาลจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี
แต่ครั้งนี้พิเศษสุดบะหมี่ ๕ ก้อน คนเคยเลี้ยงมาม่าแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ประสงค์อยากให้ลูกน้องคนรู้ใจแต่อยู่ต่างพรรคเป็นรัฐมนตรี
“ธรรมนัส พรหมเผ่า” อกหักจากคราวที่แล้ว เพราะไม่กล้าฝ่าด่าน จริยธรรม ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
คราวนี้จะเอา!
เราอยู่ในยุคที่การเมืองมีปัญหาด้านจริยธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต แต่พรรคการเมืองพยายามจะฉีกรัฐธรรมนูญฉบับที่พิสูจน์แล้วว่า ปราบโกงได้
กลัวรัฐธรรมนูญ
เหมือนผีเห็นยันต์
ครับ…มันวนอยู่แค่นี้
