ผักกาดหอม
ถึงกับ…ลิ้นพัน!
“คุณเพ็ญแข” หาทางลง กลายเป็นทัวร์ลงซะงั้น
เรื่องที่บอกว่า ต้องขอใบอนุญาตจากผู้มีอำนาจเดิม เพื่อไม่ให้พรรคเพื่อไทยสูญพันธุ์ “คุณเพ็ญแข” บอกว่า เป็นงานตัดต่อ
“…งานตัดต่อคำพูดยาวๆ ให้ลดเหลือเพียง ๑-๒ ประโยคของเนชั่นทีวีเมื่อวันก่อน ทำให้มีคนเข้าใจผิดผมมากอยู่ เพราะประโยคที่เหลือนั้นมีใจความว่า “…ถ้ามัวแต่เอาใจประชาชน ไม่เอาใจอำนาจเดิมบ้าง… พรรคเพื่อไทยก็คงสูญพันธุ์ไปก่อน…”
ลูกผู้ชายอกสี่ศอกเขียนเองควรจะยอมรับเองสิครับ จะไปโยนว่ามีคนตัดต่อคำพูดทำไม
ก็ตัวเองโพสต์คำพูดตัวเองแท้ๆ สื่อก็แค่นำเสนอไปตามนั้น
ลงครบ ๑๐๐% ไม่มีตัดต่อ
มีโพสต์แก้ตัวตามมาอีก ๒ โพสต์ ขอลงเต็มๆ ครับ ไม่มีการตัดต่อเหมือนเคย
“…คำพูดที่หั่นมาท่อนเดียวนี้ ฟังเผินๆ ก็ราวกับว่า:
๑.ผมคิดว่าเราไม่ควรใส่ใจในประชาชนมากนัก
๒.ทำให้เข้าใจผิดในคำว่า อำนาจเดิม ซึ่งผมได้พูดไปในรายการแล้วด้วยว่า หมายถึงพรรคราชการและระบบราชการ ซึ่งบางครั้งทำให้เกิดผลประโยชน์ในตัวเองที่แตกต่างไปจากผลประโยชน์แห่งชาติและประชาชน
๓.พรรคเพื่อไทยควรจะมุ่งเอาใจอำนาจอื่นๆ ที่ไม่ใช่ประชาชนมากกว่า
ถ้าผมคิดแบบนั้นจริง ผมก็บ้า ความจริงแล้ว ผมไม่ได้ไปออกรายการเพื่อพูด 2 ประโยคแล้วกลับบ้านเลยเมื่อไหร่
ในวันนั้นผมนั่งตอบคำถามอยู่ยาวถึงราว 34 นาที ประเด็นที่กำลังหยิบขึ้นมาตอนนั้นคือ สมดุลแห่งอำนาจ (balance of power) ในสังคมไทย ในทำนองที่ว่าเราจะบริหารประเทศให้มีประสิทธิภาพและประชาชนได้รับประโยชน์จริงนั้น เราจำต้องตั้งตัวอยู่บนสมดุลอำนาจ เอียงข้างอย่างไรมิได้เลย
ทั้งหมดนี้ผมได้รับอย่างเต็มที่จากประสบการณ์รวมกันของพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย ซึ่งก็นำมาแบ่งปันสั่งสอนกันอยู่ภายในบ้างแล้ว
คนที่ไม่เห็นคุณค่าและความสำคัญของประชาชนจะมานั่งหน้าด้านเป็นนักการเมืองอยู่ไม่ได้หรอกครับ ควรจะออกไปอยู่บ้านให้สบายใจ เห็นแก่ตัวใส่มันเสียเลยก็ได้
การที่ยังอยู่ในกิจการส่วนรวมและพูดเช่นนี้ก็มีหมายความเพียงว่า โปรดเลิกเล่นไร้เดียงสากันสักที เลิกโลกสวยจนเกินเหตุกันสักหน่อย หันมายอมรับให้ได้ว่าประเทศไทยเรานั้นยังอยู่ระดับไหนและจะต้องพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งไปถึงไหน ก็คนเราถ้าไม่เริ่มจากความจริงชนิดตีแสกหน้า มันก็เท่ากับใช้นโยบายหลอกลวงกันดื้อๆ ตั้งแต่ต้นนั่นล่ะครับ…”
พร้อมติดแฮชแท็ก
#ด้อมส้ม
#พรรคการเมือง
#พรรคเพื่อไทย
#พรรคประชาชน
โพสต์ต่อมา ขยายความขึ้นอีกเล็กน้อย….
“…ประโยคที่ว่า ‘…ถ้ามัวแต่เอาใจประชาชน ไม่เอาใจอำนาจเดิมบ้าง… พรรคเพื่อไทยก็คงสูญพันธุ์ไปก่อน…’ ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดบางประการ ผมจึงขอเสริมเล็กน้อยว่า:
๑.ผมกำลังอธิบายภาพรวมของประเพณีการปกครองของไทย ไม่ใช่เฉพาะตอนนี้หรือตอนไหนว่า จำเป็นต้องหาดุลยภาพทางการเมือง (political equilibrium) ให้พบ พวกเราทุกคนคือประชาชนนับเป็นแกนอยู่แล้ว จึงสำคัญเสมอ จนไม่จำเป็นต้องพูดย้ำซ้ำทวน
๒.พรรคเพื่อไทยต้องรับหน้าที่ตามข้อ ๑ ในขณะนี้ เพราะเป็นพรรคแกนนำและหัวหน้ารัฐบาล
๓.อำนาจเดิม ซึ่งผมได้พูดไปในรายการแล้วว่า หมายถึงพรรคราชการและระบบราชการ ซึ่งบางครั้งมีผลประโยชน์ของตัวเองที่แตกต่างไปจากผลประโยชน์ของประชาชน จึงถือเป็นความท้าทายในระยะเฉพาะหน้านี้ของระบอบประชาธิปไตยไทย
ครับ เมืองไทยเรานี้มิใช่ง่ายๆ…”
และเช่นเคย ติดแฮชแท็ก
#พรรคประชาชน
#พรรคเพื่อไทย
#ด้อมส้ม
ครับ…ไม่ได้สงสัยในเนื้อหาที่ “คุณเพ็ญแข” ชี้แจงแล้วครับ เพราะมันชัดเจนมาตั้งแต่วันแรก ที่เหลือคือการแก้ตัวเพราะรู้ว่าพลาด
แต่ที่ใหม่และน่าสนใจกว่าคือ แฮชแท็ก พรรคประชาชน กับ ด้อมส้ม
ทำไมไม่แฮชแท็ก เสื้อแดง เสื้อเหลือง เสื้อน้ำเงิน เสื้อหลากสี ฯลฯ
หรือ “คุณเพ็ญแข” ต้องการสื่อสารเฉพาะในหมู่ด้อมส้ม พรรคประชาชน และพรรคเพื่อไทย เท่านั้น ต้องการอธิบายว่า การทำงานการเมืองต้องทำในแนวพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่พรรคประชาชน
ถ้าใช่แสดงว่า นี่คือการแย่งมวลชน
ต้องการการเมืองในอุดมคติที่นำไปใช้ในชีวิตจริงไม่ได้ หรือการเมืองที่ทำทุุกอย่างเพื่อให้ได้อำนาจมาครอบครอง
ฝั่งส้มถึงไม่นิ่งเฉย
“ปิยบุตร แสงกนกกุล” สวนทันที
“…แทนที่พรรคการเมืองจะรวมพลัง ‘ยึด’ อำนาจการออกใบอนุญาตที่ ๒ ของชนชั้นนำ เพื่อให้การเมืองไทยกลับสู่ระบบปกติ ที่มีใบอนุญาตใบเดียวจากประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศ และทุกพรรคก็กลับมาแข่งขันกันในกติกายุติธรรม
แต่พรรคการเมืองกลับเลือกใช้วิธี ‘หมอบ สยบยอม เอาใจ’ ผู้ออกใบอนุญาตที่ ๒ เพื่อแก้ปัญหาส่วนตัว เพื่อให้ตนเองและพรรคพวกได้เป็นพะนะทั่น รัฐมนตรี มีตำแหน่งทางการเมือง มีอำนาจวาสนา เงินทอง และเพื่อให้พวกตนเองได้เปรียบในทางการเมือง
เมื่อเผชิญปัญหา แทนที่จะรวมพลังกันแก้ปัญหา กลับเลือกสังฆกรรมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งส่วนใหญ่ของปัญหา
จนทำให้โอกาสการปรับเปลี่ยนโครงสร้างอำนาจทางการเมืองถูกทอดเวลาล่าช้าออกไปอีก ๑๐-๒๐ ปี…”
ที่จริง “ปิยบุตร” กับ “คุณเพ็ญแข” เขาคุยภาษาเดียวกัน
ฝั่งหนึ่งบอกว่าอำนาจเดิม อีกฝั่งบอก อำนาจการออกใบอนุญาตที่ ๒
ผีหลอกผี ต่างฝ่ายต่างเข้าใจว่าตัวเองพูดเรื่องอะไร
ที่ “คุณเพ็ญแข” แก้ตัวว่า อำนาจเดิม คือ ระบบราชการ หรือพรรคข้าราชการ อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ เคยคิดแบบไหน ปัจจุบันก็ยังคิดแบบนั้น แค่เปลี่ยนกลยุทธ์
ภาษาที่คนกลุ่มนี้ใช้กัน ระบบราชการ ก็มีความหมายไม่ต่างระบอบอำมาตย์
ฉะนั้นจะใช่ หมอบ สยบยอม เอาใจ ตามที่ “ปิยบุตร” ระบุหรือไม่ก็ตาม แต่เบื้องลึกแนวคิดไม่ต่าง “คุณเพ็ญแข” เมื่อครั้งอยู่บนเวทีปราศรัยคนเสื้อแดง
เป้าหมายคือเปลี่ยนโครงสร้างอำนาจทางการเมืองตามที่พวกเขาเหล่านี้ต้องการ
ใครไปดีลอะไรเอาไว้ก็ระวัง!