สันต์ สะตอแมน
“ส่วนตัวเห็นว่า..
ถ้าหากต้องการให้สังคมปราศจากข้อขัดแย้ง และสร้างความปรองดองเกิดขึ้นในชาติ ก็ควรจะออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้กับทุกกลุ่ม โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ เป็นการเซตซีโร่ใหม่
แต่ถ้าหากมีข้อยกเว้นการนิรโทษกรรมให้กับกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด หรือนิรโทษกรรมให้เฉพาะบางกลุ่ม ความขัดแย้งก็จะไม่จบสิ้น
รวมถึงผู้กระทำความผิดมาตรา 112 ซึ่งเป็นการให้โอกาสกับผู้กระทำผิด หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จะได้ปรับปรุงตัวใหม่ กลับตัวกลับใจเสียใหม่
แต่ถ้าภายหลังจากการได้รับนิรโทษกรรมแล้ว ยังมีการกระทำผิดมาตรา 112 ขึ้นอีก ก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยไม่ต้องมีการนิรโทษกรรมอีกแล้ว”
ครับ..ทั้งหมดนี้เป็นท้ายข้อความของหัวข้อ “จะยื้อ นิรโทษกรรม ไปถึงไหน” ที่คุณเทพไท เสนพงศ์ โพสต์เมื่อวันวาน
ซึ่งเชื่อว่า มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยคล้อยตาม ทั้งผู้ที่ขัดค้านโดยเฉพาะประเด็น “มาตรา 112” ที่เสนอให้มีการนิรโทษกรรมรวมไปพร้อมกันเสียทีเดียวนั้น
ใคร่ขอถามคุณเทพไท..ผู้กระทำผิด (ซ้ำซาก) รู้เท่าไม่ถึงการณ์ทุกตัวคนเลยหรือ และคุณเทพไทเอาอะไรมาเชื่อว่าเมื่อได้นิรโทษกรรมแล้ว..
พวกคนเหล่านั้นจะปรับปรุงตัวใหม่ กลับตัวกลับใจ?
และคุณเทพไทจะเชื่อได้อย่างไร ว่าหากกระทำผิดมาตรา 112 ขึ้นอีก จะไม่มีการนิรโทษกรรมอีกแล้ว?
เพราะถึงเวลานั้นเข้าจริง ก็เหมือนกับเวลานี้แหละที่ผู้ยุงยงส่งเสริมให้คนกระทำผิดมาตรา112 พยายามดิ้นรนหาทางช่วยให้รอดคุกด้วยการเสนอออกพรบ.นิรโทษกรรม
ไม่มีเสียหรอกหรอกที่จะไม่แหกปากร้องขอความเป็นธรรม อ้างนั่นอ้างนี่ และไม่มีเสียหรอกที่คนพวกนี้มันจะรู้สำนึก รู้สึกรู้สา ไม่เห็นรึบางคนตั้งแต่รุ่นยันเฒ่าถือไม้เท้าพยุงตัว..
ยังจะหมกมุ่นอยู่กับสถาบัน ปลุกให้สาวกเกลียดชัง อาฆาตอยู่อย่างคงเส้นคงวา!
ผมว่า คุณเทพไทอย่าทำเป็นพระเอก พูดเอาเท่ ดูดีกับเรื่องมาตรา112 เลย ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติจะดีกว่า..
ไม่ใช่ไร เห็นตั้งแต่ออกจากคุกมา คุณเทพไทได้พูด-แสดงทัศนะหลากหลายเรื่องด้วยหลักการและเหตุผลที่น่ารับฟังมาตลอด!
แต่หากมีเหตุผลอื่นที่จำเป็นต้องพูดต้องแสดงตัวตนให้ชัดเจนก็เอาเลย..ไม่ขอขัดใจ-ไม่ว่ากัน!
อ้อ..แล้วดูนั่น หลังศาลอาญาใต้สั่งจำคุก “มายด์” น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล แกนนำม็อบเคลื่อนไหวทางการเมือง 3 ปี แต่รอลงอาญา
เจ้าตัวก็ได้ให้สัมภาษณ์ทันที.. “วันนี้ศาลอ่านคำพิพากษา ในความผิด 2 ข้อหาคือความผิดหมิ่นเบื้องสูงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และข้อหาฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉินฯ
ซึ่งศาลมีคำพิพากษายกฟ้องตนข้อหาฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉินฯ เนื่องจากไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าตนเป็นผู้จัดให้มีการชุมนุม
ส่วนความผิดตามมาตรา 112 ศาลมีคำพิพากษาว่าตนกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยคำปราศรัยเป็นการหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ลงโทษจำคุก 3 ปี
แต่ให้การเป็นประโยชน์ และมีสถานะเป็นนักศึกษาลดโทษ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 2 ปี และให้รอลงอาญาไว้ 3 ปีเพื่อให้ปรับตัวเป็นคนดี
โดยในคำพิพากษาศาลบอกว่า คำปราศรัยของตนไม่ได้พูดถึงข้อกฎหมายในตอนที่ปราศรัย อาจจะทำให้คนที่รับฟังเข้าใจผิดต่อสถาบันเบื้องสูงไปได้
แต่ตนยืนยันว่าข้อเท็จจริงที่ตนอ้างอิงใช้ประกอบในการปราศรัยเป็นข้อเท็จจริงที่เห็นในที่สาธารณะอยู่แล้ว
โดยจะสู้คดีนี้ต่อ เพื่อให้เกิดบรรทัดฐานว่าประชาชนอย่างเราจะสามารถพูดถึงทุกสถาบันที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญได้”
เป็นไง..ปรับปรุงตัวใหม่มั้ย?