ผักกาดหอม
จะให้ฉิบหายให้ได้ว่างั้นเถอะ…….
ชักรำคาญรัฐบาล พยายามกันเหลือเกิน กับการนำเสนอตัวเลขทางเศรษฐกิจไทย ว่าขณะนี้กำลังเข้าสู่วิกฤตแล้ว
ทั้งๆ ที่หน่วยงานหลัก ไม่ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ต่างออกมายืนยันเศรษฐกิจไทยไม่ได้เข้าสู่วิกฤต
แต่อยู่ในช่วงของการฟื้นฟู
ล่าสุดในการทำรายงาน ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต เกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล กรณีการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital Wallet ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีการเชิญตัวแทนจากหลายหน่วยงานมาให้ข้อมูล เช่น แบงก์ชาติ สภาพัฒน์ สำนักงบประมาณ พูดเป็นเสียงเดียวกัน
ประเทศไทยยังไม่อยู่ในสภาพวิกฤตเศรษฐกิจรุนแรงและเฉียบพลัน
แต่รัฐบาลจะต้อนเศรษฐกิจเข้าสู่วิกฤตให้ได้
เมื่อตัวเลขจากแบงก์ชาติ สภาพัฒน์ รวมไปถึงสำนักงบประมาณ ไม่เป็นคุณกับรัฐบาลในการออกพระราชบัญญัติ กู้เงิน ๕ แสนล้าน ที่ต้องเข้าเงื่อนไข จำเป็นเร่งด่วน ตามมาตรา ๕๓ ของ พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
ก็เลยไปคว้าเอาตัวเลขจากหน่วยงานที่ใกล้ตัว
คือกระทรวงการคลัง
“ชัย วัชรงค์” โฆษกรัฐบาล เจตนาเปิดเอกสารตีตราลับ การประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๖๖ และปี ๒๕๖๗ ของกระทรวงการคลัง
แม้ภายหลังจะขอให้สื่องดเผยแพร่ อ้างว่าเป็นเอกสารที่ยังไม่เป็นทางการ แต่มันไปหมดแล้วครับ
พูดแบบนี้ก็ยิ่งสะท้อนว่ารัฐบาลไม่ต่างจากคนจมน้ำ เห็นอะไรก็คว้าไว้ก่อน
กรณีนี้ก็เหมือนกัน โฆษกรัฐบาลคิดอะไร ก่อนจะปล่อยเอกสารกระทรวงการคลังออกมา
เพราะเป็นตัวเลขที่สามารถเอาไปเคลมเพื่อออกพระราชบัญญัติกู้เงิน ๕ แสนล้านบาทใช่หรือไม่
อ้างได้ว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนอย่างนั้นหรือ
ไปดูตัวเลขที่โฆษกรัฐบาลบอกว่าเป็นของกระทรวงการคลัง แต่ยังเป็นฉบับร่างกันก่อน
เนื้อหาโดยสรุป ระบุว่า…
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทยในปี ๒๕๖๖ เติบโตเพียง ๑.๘% เทียบกับที่ ธปท. คาดการณ์เอาไว้เมื่อต้นปี ๒๕๖๖ ว่าจะเติบโตถึง ๓.๖%
ถือเป็นการเติบโตที่ถดถอยลงกว่าปี ๒๕๖๕ ที่เติบโต ๒.๖%
มีปัจจัยสำคัญจากการหดตัวของการผลิตภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะสินค้าในหมวดยานยนต์ และคอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์
มูลค่าการส่งออกสินค้าทั้งปี ๒๕๖๖ คาดว่าหดตัวที่ -๑.๕% เป็นผลจากอุปสงค์ที่ชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย
มูลค่าการนำเข้าจะหดตัวที่ -๑.๙%
ปี ๒๕๖๗ กระทรวงการคลังคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเร่งขึ้นที่ ๒.๘% ต่อปี ขยายตัวในอัตราเร่งขึ้นจากปี ๒๕๖๖
เป็นการขยายตัวที่มาจากทุกเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการส่งออกสินค้าและบริการที่ขยายตัวสูง
ในภาคการท่องเที่ยวคาดว่าในปี ๒๕๖๗ จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจำนวน ๓๓.๕ ล้านคน
ขยายตัวที่ ๑๙.๕% ต่อปี
เป็นการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนและมาเลเซียเป็นสำคัญ
มีรายได้จากการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน ๑.๔๘ ล้านล้านบาท
เพิ่มขึ้น ๒๓.๖% ต่อปี
ส่งผลดีต่อธุรกิจการท่องเที่ยวและสาขาที่เกี่ยวข้อง
และ คาดว่าการส่งออกสินค้ามีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องตามอุปสงค์ในตลาดโลกและเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ขยายตัวต่อเนื่อง แม้จะชะลอตัวลงเล็กน้อย ทำให้มูลค่าการส่งออกสินค้าจะขยายตัวที่ ๔.๒% ต่อปี
มูลค่าการนำเข้าสินค้าจะขยายตัวที่ ๔๐.๐% ต่อปี
อุปสงค์ภายในประเทศคาดว่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง
โดยการบริโภคภาคเอกชนจะขยายตัวได้ต่อเนื่องที่ ๓.๓% ต่อปี ตามการเพิ่มขึ้นของรายได้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ในประเทศ
ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนคาดว่าขยายตัวที่ ๓.๒%
ด้านเสถียรภาพภายในประเทศ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ ๑.๐% ต่อปี เร่งขึ้นจากปีก่อนหน้าตามอุปสงค์ภายในประเทศที่ขยายตัวดี
ขณะที่เสถียรภาพภายนอกประเทศ ดุลบริการมีแนวโน้มจะกลับมาเกินดุลตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดในปี ๒๕๖๗ มีแนวโน้มที่จะกลับมาเกินดุล ๑ หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น ๑.๘% ของ GDP
กระทรวงการคลัง ชี้ด้วยว่า การพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนและมีเสถียรภาพในระยะยาวนั้น ควรให้ความสำคัญใน ๓ ประเด็น ดังนี้
๑) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
๒) การพัฒนาทักษะ (Skills Development) การเตรียมแรงงานให้มีทักษะที่จำเป็นสำหรับเศษฐกิจโลกมีความสำคัญและจะส่งเสริมความสำเร็จในระยะยาวได้ดี
๓) การรักษาเสถียรภาพทางการคลัง
ครับ…อ่านตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว คิดอ่านประการใดครับ ทำไมโฆษกรัฐบาลถึงบอกให้สื่อยุติการนำเสนอ
กำลังจะจมน้ำเห็นงูเหลือมนึกว่าขอนไม้ก็คว้าไว้ก่อน
คาดการณ์เศรษฐกิจปี ๒๕๖๖ ดูเข้าทางรัฐบาล
แต่ปี ๒๕๖๗ ยิ่งตอกย้ำว่าเศรษฐกิจไทยไม่ได้วิกฤต
มันกำลังโต!
เป็นไปได้ว่า โฆษกรัฐบาลอ่านแค่ท่อนแรกแล้วแจกสื่อทันที
กลับมาอ่านอีกที ฉิบหายแล้ว จะแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตกันอย่างไร ในเมื่อปี ๒๕๖๗ ตัวเลขเศรษฐกิจกลับมาเป็นบวกทุกตัว
แล้วจะเอาอะไรไปอ้างเพื่อออก พ.ร.บ.กู้เงิน ๕ แสนล้าน
ก็จบเห่ล่ะครับ
แบงก์ชาติ สภาพัฒน์ สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ประเมินเศรษฐกิจไทยปี ๒๕๖๗ ไปในทิศทางเดียวกันหมด
อยู่ในช่วงของการฟื้นฟู
จะมีก็แต่รัฐบาล โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ที่แช่งให้เศรษฐกิจพินาศ เพื่อจะได้แจกเงินหมื่นตามนโยบายที่หาเสียงไว้
ฉิบหายจากจำนำข้าวยังไม่เข็ด
อยากจะลองอีกครั้งก็เอา
ล้างคุกรอ