เปลว สีเงิน
เช้าวาน…..
ตื่นขึ้นมา นึกว่าอยู่ยอดดอยอินทนนท์
ไม่หนาว
แต่อากาศซึมกระทือ ขนาดนกในรังบนต้นกันเกราหน้าบ้านยังคร้านถีบตัวออกจากรัง
น้ำมูกผมปานกาวน้ำไหลลงคอเหมือนก๊อกน้ำรั่ว หายใจติดอยู่แค่อก
คันคะเยอยุบยิบไปทั้งตัว จนนึกสงสัยเมื่อคืนอาบน้ำก่อนนอนหรือเปล่าหว่า?
แถมน้ำตาหนุ่มวัย ๘๐ไหลเหมือนแฟนสมัยประถม ๔ ให้มะเหงก!
เป็นคนกรุงก็งี้แหละ ต้องเข้าใจให้ได้ว่า PM 2.5 คือเครื่องหมาย “บ้านเมืองพัฒนา”
เมื่อต้องอยู่กับมัน ก็ต้องเข้าใจในความย้อนแย้ง ที่ว่า
ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดเกิดขึ้น โดยไม่มีความฉิบหายควบคู่
การพัฒนาทางวัตถุ ก็เช่นนั้น ไม่มีบ้านเมืองใดพัฒนา โดยไม่มีคำว่าทำลายควบคู่!
เมื่อสังคมโลกเข้ารอยต่อศตวรรษที่ ๒๐ กับศตวรรษที่ ๒๑ จะสังเกตเห็นว่า
คำว่า “เปลี่ยนแปลง” จะเป็นคำที่ถูกพูดถึงและถูกนำมาใช้บ่อยมาก
มันก็ “เปลี่ยนแปลง” จริงๆ เปลี่ยนแปลงทั้งพื้นผิวพิภพ ทั้งใต้พิภพ
เปลี่ยนแปลงทั้ง พฤติกรรม, ทัศนคติ-แนวคิด-มุมมอง, ทั้งอุปนิสัย-ใจคอมนุษย์ และทั้ง “ความเป็นมนุษย์”
แล้ว “การเมือง” จะไม่เปลี่ยนแปลงได้อย่างไร?
เพราะการเมืองคือ “สิ่งปฎิกูล” ที่ “สัตว์การเมือง” ขับถ่ายออกมา แล้ว “สัตว์เล็ก-สัตว์น้อย” ก็ดำรงชีพอยู่ได้ โดยอาศัยและเล็มปฎิกูล “สัตว์การเมือง”
ไม่ใช่แค่เดี๋ยวนี้ หากแต่มันเป็นอย่างนี้ นับตั้งแต่โลกใบนี้ มีสัตว์มนุษย์รวมตัวเป็นสังคม เป็นหมื่นๆ ปีแล้วมั้ง
ในโลกสากล……
เพิ่งมาประมวลเป็นผลึกคิดทางบริหารและปกครองด้านความเป็น “สัตว์สังคม” ก่อนคริสตกาลซักร้อยกว่าปีเท่านั้น
คือในยุค “ซิเซโร่” ที่อาณาจักรโรมันใกล้เสื่อมสลายนั่นแหละ คำว่าคนรวย-คนจน คำว่า เสรีภาพ, ยุติธรรม และคำว่า “ปรัชญาการเมือง” เกิดเป็นประเด็น “ฉุกคิด”
เป็นรากฐานสู่แนวคิด “ระบอบประชาธิปไตย” ในยุค “จอห์น ล็อค” ในอีกหลายร้อยปีต่อมา
“จอห์น ล็อค” เป็นชาวอังกฤษ
ไม่ได้เป็นญาติโยมกับ “ออน ล็อค หยุ่น” ในตำนานย่านวังบูรพา ที่โด่งดังยุคกาแฟ-ไข่ดาว-ไข่ลวก ยุค “โก๋หลังวัง” จนถึงทุกวันนี้หรอก!
สรรพสิ่ง รวมทั้งระบอบปกครองด้วย มี “เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป” เหมือนกันหมด
การปกครอง “ระบอบประชาธิปไตย” ที่ครอบสังคมโลกเป็นกบในกระลามาหลายร้อยปี ถึงตอนนี้ ก็หนีสัจจธรรมข้อนี้ไม่พ้น
สังคมรอยต่อศตวรรษเริ่มคิดกันแล้วว่า…….
การปกครองด้วย “ระบอบประชาธิปไตย” มันตอบโจทย์สังคมสัตว์มนุษย์ได้ตรงจริงหรือ?
การปกครองระบอบอื่น เช่นระบอบสังคมนิยม ระบอบธรรมนิยม ระบอบเผด็จการ
หรือระบอบผสม ระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการเป็นระบอบ “เผด็จการคุณธรรม”
มันไม่ดีเท่าระบอบประชาธิปไตยจริงหรือ?
มีผู้ใหญ่รักใคร่นับถือกันท่านหนึ่ง ส่งข้อความต่อจากนี้เข้ามาในไลน์ผม ก็อ่านกันดูนะ อาจได้มุมคิดอะไรขึ้นมาบ้าง
…………………………
โลก..ความจริง วันนี้..
เมื่อ แนวคิดตะวันออก คือ ทางเลือกบนทางรอด
ถึงวันที่ โลกทุนนิยม..เดินมาถึงจุด..รอวันล่มสลาย
เมื่อประชาธิปไตย ไม่ใช่ทางเลือกของโลกอีกต่อไป
อเมริกาก็มีวุฒิสมาชิกคิดต่าง!
วุฒิสมาชิกพรรครัฐบาลอเมริกัน เสนอเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศเป็น ‘สังคมนิยม’
ผู้นำคนใหม่ของรัฐบาลเยอรมัน เพิ่งประกาศนโยบายเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศ จากประชาธิปไตยกึ่งอำนาจนิยมเป็น ‘ระบอบสังคมนิยม’.
ล่าสุด สหรัฐอเมริกา ประเทศกลุ่มประชาธิปไตยเสื่อมถอยอันดับ ๒๕ ของโลก ก็ไม่อาจหนีการเปลี่ยนแปลงนี้ได้เช่นกัน
เมื่อนายเบอร์นี แซนเดอร์ส (Bernie Sanders) วุฒิสมาชิกรัฐเวอร์มอนต์ สังกัดพรรครัฐบาลเดโมแครท
เสนอแนวคิด…
เปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศสหรัฐอเมริกาเป็น ‘สังคมนิยมกึ่งประชาธิปไตย’
โดยเขาอธิบายสภาพการเมืองอเมริกาปัจจุบันว่า กำลังมุ่งสู่ “คณาธิปไตย” และ “ลัทธิอำนาจนิยม” มากขึ้น
มีเศรษฐีกลุ่มเล็กๆ ที่ร่ำรวยอย่างเหลือเชื่อ
มีอำนาจควบคุมหัวใจเศรษฐกิจและอำนาจทางการเมืองอเมริกามากขึ้นเรื่อยๆ
ทุกวันนี้ คนอเมริกันมีเพียง ๓ ตระกูลเท่านั้น ที่ครองความมั่งคั่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของคนอเมริกันทั้งประเทศ ลักษณะ ‘รวยกระจุกจนกระจาย’
ผู้ร่ำรวยที่สุดเพียงจำนวน ๑% ของประชากร ๓๒๘ ล้านคน ครอบครองความมั่งคั่งมากกว่าประชากร ๙๒% รวมกัน
อีกทั้ง ๔๙% ของรายได้ของชาวอเมริกันในแต่ละวันเป็นของคนกลุ่มรวยที่สุด ๑% นั้น
จึงทำให้สังคมอเมริกา ‘ไม่เท่าเทียมกัน เหลื่อมล้ำมากขึ้น’
ปัจจุบันนี้ คนอเมริกันเกือบ ๔๐ ล้านคน หรือราว ๑๒.๒% เป็น ‘คนยากจน’
ทุกคืน มีคนราว ๕๐๐,๐๐๐ คน ต้องนอนข้างถนน เพราะเป็นคนไร้บ้าน
ประมาณ ๕๐% ของคนอเมริกัน เงินไม่พอใช้ ‘หาเช้ากินค่ำ’ ใช้เงินแบบ “เดือนชนเดือน”
ระบอบ “ทุนนิยมเสรี” เป็นระบอบการปกครองที่ล้มเหลว ทำให้ระบบเศรษฐกิจพังทลายและ ‘ไม่ยุติธรรม’
บรรดามหาเศรษฐี เสพสุขกับตลาดหุ้น คอยเก็บเกี่ยวความมั่งคั่งที่เกิดขึ้น
แต่ชนชั้นกลางกับผู้ใช้แรงงานต้อง ‘ดิ้นรนหาเลี้ยงชีพ’ รายได้เฉลี่ยของกรรมกรอเมริกันพอๆ กับรายได้เมื่ออดีต ๔๖ ปีก่อน
ผู้ใช้แรงงานจำนวนมาก ต้องดิ้นรน ทำงานหลายงาน เพื่อความอยู่รอด
ระบอบประชาธิปไตย สร้างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ส่งผลต่อวิถีการดำเนินชีวิต
การดิ้นรนต่อสู้ มีผลต่ออายุขัยด้วย เพราะเศรษฐีอเมริกัน จะมีอายุยืนยาวกว่าคนจน เฉลี่ยถึง ๑๕ ปี
อุดมคติเดิมที่ว่า “ระบอบประชาธิปไตย” ทำให้ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกัน คนขยันมีโอกาส สร้างตนสร้างฐานะนั้น พิสูจน์ว่า ได้ล่มสลายไปแล้ว ไม่ได้เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว
เยาวชนคนรุ่นใหม่ มีแนวโน้ม ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก คุณภาพชีวิตที่ย่ำแย่กว่าคนรุ่นก่อนที่เป็น บิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย
แต่การแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียม ความเหลื่อมล้ำ เต็มด้วยอุปสรรค
เพราะบริษัทยักษ์ พวกตลาดหุ้น ชนชั้นปกครองชนชั้นสูง (อีลิท) ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงนี้
คนเหล่านี้ รวมหัวกันต่อต้านแนวคิดสังคมนิยม ต่อต้านนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
พวกเขาเป็นเจ้าของสื่อสารมวลชนในตลาดหุ้นที่สามารถควบคุมความคิดของคนส่วนใหญ่ให้มองไม่เห็นสาเหตุที่มาของปัญหาว่าเกิดจากระบบทุนผูกขาด
ชนชั้นปกครองในทำเนียบขาว ใช้วิธีการเดิมๆ เบี่ยงเบนปัญหาสำคัญภายในประเทศเหล่านี้ไปเป็นเรื่องอื่นๆ
ใช้วิธีแบ่งแยกประชาชน ให้เหยียดผิว สร้างความเกลียดชัง ก่อสงคราม ยุแยงแตกแยกไปทั่วโลก
เพื่อให้อุตสาหกรรมอาวุธเติบโตมาค้ำจุนให้เกิดการจ้างงานบรรดาผู้ชำนาญการพิเศษในทุกสาขา
เช่นด้านไอที ที่เป็นหัวใจของอุตสาหกรรมอาวุธยุทโธปกรณ์ยุคใหม่
สร้างกำแพงกั้นพรมแดน ต่อต้านบางศาสนา เหมือนยุคสงครามเย็น
ดังนั้น ประเทศอเมริกา ไม่ควรสร้างลัทธิการเมืองบนความเกลียดชัง ความคิดแบ่งแยก
แต่ควรใช้หลักคิดระบอบการปกครองที่มีคุณธรรม
มีเมตตา ยุติธรรม และความรัก
นั่นคือ เปลี่ยนแปลงการปกครองของอเมริกา เป็น ‘สังคมนิยมกึ่งประชาธิปไตย’
•เบอร์นี่ แซนเดอร์ส
…………………………..
ครับ…..
ประเทศ “พ่อประชาธิปไตย” กำลังเป็น “แมงมุม” ถูกใยตัวเองมัดขา เริ่มดิ้นหาทางรอด
“สังคมนิยมกึ่งประชาธิปไตย” ตามนัยของเขาคืออะไร?
ก็คือ “เผด็จการคุณธรรม”
เผด็จการ…ฟังดู น่าเกลียด ถึงเอา “คุณธรรม” มาผสมรวม ก็ยังให้ความรู้สึกทำนอง “เกลียดตัวกินไข่-เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง”
แต่ก็นั่นแหละ “ความจริง” ก็คือ “ความจริง” ครูปรีชากล่าว
ไม่ว่าจะยักเยื้องไปเรียก “สังคมนิยมกึ่งเผด็จการ” หรือเรียก “ประชาธิปไตยคุณธรรม” หรือเรียก “ธรรมาธิปไตย”
เนื้อแท้ก็คือ…สังคมโลก “ดัดจริต” อยู่กันทั้งนั้น
บอกซิ ประชาธิปไตยประเทศไหนบ้าง
ที่เนื้อแท้มันไม่ใช่ “เผด็จการ”?
จะเผด็จการเต็มร้อยหรือ “เผด็จการคุณธรรม”
ตรงนั้นแหละ คือ “คำตอบโจทย์” ระบอบปกครอง ที่จะไปกันอนาคต!
เปลว สีเงิน
๒๔ มกราคม ๒๕๖๗
