ผักกาดหอม
ก็ตามคาดครับ…
ตรวจเยอะ เจอเยอะ เพราะคนติดเชื้อมีเยอะ
ฉะนั้นอย่าเพิ่งตกใจกับตัวเลขผู้ป่วยรายวันที่อาจทะลุไปถึง ๒ หมื่นคน ในอีกไม่กี่วันนี้
และสิ่งที่ต้องเข้าใจให้ตรงกันคือ เชื้อโควิด สายพันธุ์ เดลตา ติดเชื้อได้ง่ายและเร็วกว่า สายพันธุ์อัลฟา มาก
ล่าสุดจากงานวิจัยของจีน พบเชื้อสายพันธุ์เดลตา ในปอดผู้ป่วย ในปริมาณที่มากกว่า สายพันธุ์อัลฟา เป็นพันเท่า
ก็…ตรรกะง่ายๆ
ที่เราเคยยกการ์ดสูงป้องกันสายพันธุ์อัลฟาก่อนหน้านี้นั้น อาจน้อยไปสำหรับการป้องกันสายพันธุ์เดลตา
ช่วงนี้จึงมีคำแนะนำใส่หน้ากาก ๒ ชั้น ก็อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเยอะเกินความจำเป็นครับ
ที่เคยสู้กับโควิดชนะเมื่อปีที่แล้ว มาวันนี้ยกการ์ดสูงอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องพกอุปกรณ์กู้ชีพไปด้วยให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ก็คำเตือนต่างๆ นั่นแหละครับ
อย่าคิดว่าไม่สำคัญ เพราะนั่นคือเครื่องมือช่วยชีวิตสำหรับทุกคนจริงๆ
ช่วงนี้มีข่าวดีในข่าวร้าย
น้ำใจจากเพื่อนร่วมโลก หลั่งไหลมาสู่คนไทย
อเมริกา บริจาควัคซีน Pfizer เพิ่มเติม รวมเป็นจำนวน ๒.๕ ล้านโดส
ล็อตแรกมาถึงวันนี้ (๓๐ กรกฎาคม) จำนวน ๑.๕๔ ล้านโดส
แจกจ่ายไปไหนบ้าง
ตามแผนล่าสุด วันที่ ๒๔ กรกฎาคม มติคณะทำงานด้านบริหารจัดการการให้บริการวัคซีนป้องกันโควิด-๑๙ เป็นดังนี้ครับ
บุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับภารกิจดูแลผู้ป่วยโควิด-๑๙ ทั่วประเทศ เข็ม ๓ กระตุ้นภูมิคุ้มกัน จำนวน ๗๐๐,๐๐๐ โดส
ผู้มีภาวะเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-๑๙ ที่มีสัญชาติไทย ผู้สูงอายุ-ผู้มีโรคเรื้อรัง ๗ กลุ่มโรค อายุ ๑๒ ปีขึ้นไป-หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ ๑๒ สัปดาห์ขึ้นไป จำนวน ๖๔๕,๐๐๐ โดส
ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย เน้นผู้สูงอายุ และโรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ ๑๒ สัปดาห์ขึ้นไป ผู้เดินทางไปต่างประเทศ ที่จำเป็นต้องรับวัคซีนไฟเซอร์ เช่น นักการทูต นักศึกษา จำนวน ๑๕๐,๐๐๐ โดส
ทำการศึกษาวิจัย (ได้รับการอนุมัติโดยคณะกรรมการวิจัยจริยธรรม) จำนวน ๕,๐๐๐ โดส
สำรองส่วนกลางสำหรับตอบโต้การระบาดของเชื้อกลายพันธุ์ จำนวน ๔๐,๐๐๐ โดส
จะเห็นว่าปรับใหม่ บุคลากรทางการแพทย์ได้เพิ่ม จากไม่ต่ำกว่า ๕๐๐,๐๐๐ โดส เป็น ๗๐๐,๐๐๐ โดส ซึ่งเป็นไปตามแผนเดิม น่ายินดีครับ
ส่วนอังกฤษ บริจาควัคซีน AstraZeneca ให้จำนวน ๔๑๕,๐๐๐ โดส
ส่งมอบถึงไทยต้นเดือนหน้า
สวิตเซอร์แลนด์ บริจาค Antigent Test Kits ๑.๑ ล้านชุด และเครื่องช่วยหายใจ ๑๐๒ เครื่อง และเวชภัณฑ์ทั้งหมดรวม ๒๖ ตัน มาถึงไทยช่วงเช้ามืดวานนี้ (๒๙ กรกฎาคม)
ก็รู้สึกแปลกใจกับท่าทีของ “อรุณี กาสยานนท์” โฆษกพรรคเพื่อไทย พูดถึงเรื่องการบริจาคครั้งนี้แบบไร้วุฒิภาวะ
ตั้งใจจะลากทุกเรื่องไปพันกับการเมือง
“…ถือเป็นความโชคดีของคนไทยที่จะได้รับอานิสงส์ความห่วงใยของต่างประเทศ ซึ่งมองเห็นว่าชีวิตพี่น้องประชาชนกำลังตกทุกข์ได้ยาก จากสภาพของคนไทยที่เสียชีวิตข้างถนน คนตายคาบ้าน
ไปจนถึงภาพประชาชนเบียดเสียดกันอย่างแออัดเพื่อเข้าถึงการฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นภาพข่าวที่เผยแพร่ไปทั่วโลก
อย่างไรก็ดีต้องขอขอบคุณการเคลื่อนไหวของภาคประชาชน ที่เรียกร้องให้นานาประเทศทั่วโลกหันมามองไทย
และยอมทำทุกทางในการเร่ขอรับบริจาควัคซีนที่ยังเหลือใช้หรือใกล้หมดอายุมาให้พี่น้องคนไทย
ถือว่าเป็นกลุ่มคนที่กล้าหาญ มีจิตใจที่เห็นแก่ชีวิตมนุษย์ มากกว่าผู้บริหารประเทศที่ถือตัวอวดเก่ง ซ้ำยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด ที่ยาวนานได้เลย…”
ไม่ใช่ครั้งแรกที่โฆษกพรรคเพื่อไทยคนนี้ แสดงความไร้วุฒิภาวะ
บ่อยครั้งที่เล่าเรื่องแล้วต้องเอาล้านหาร เพราะเต็มไปด้วยอคติ ไม่อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง
ก็ไม่รู้ครับว่า พรรคเพื่อไทย ใช้เกณฑ์อะไรวัดเพื่อคัดคนเข้ามาทำงานพรรค
แต่เท่าที่เห็นใช้สมองน้อยไปหน่อย
ย้อนกลับไปอีกทีครับ เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน ที่ผ่านมา “อรุณี กาสยานนท์” แถลงข่าวด่ารัฐบาลเรื่องวัคซีน
“…ความผิดพลาดของรัฐบาลในตอนนี้ คือเชื่อว่าตัวเองทำเต็มที่และทำดีที่สุดแล้ว ทั้งที่ได้วัคซีนน้อยและช้า แถมยังได้ของไม่ดีอีกด้วย
ประเทศอื่นเตรียมทิ้ง AstraZeneca แต่เรายังมั่นใจในประสิทธิภาพเต็มร้อย
อยากถามว่าวัคซีนที่กำลังจะเข้ามาคือของเหลือจากประเทศอื่นหรือไม่ หรือท่านยึดถือนโยบายขยะของเขาคือสมบัติของเรา…”
ครับ…คนพูดคือคนเดียวกัน คือ “อรุณี กาสยานนท์”
วัคซีน ก็คือวัคซีน
Pfizer หรือ AstraZeneca เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน ก็คือ Pfizer และ AstraZeneca ในวันนี้ ไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย
แต่ที่เปลี่ยนคือ โฆษกพรรคเพื่อไทย
อังกฤษ บริจาค AstraZeneca จำนวน ๔๑๕,๐๐๐ โดส ใช่ของเหลือหรือเปล่า
อเมริกา บริจาควัคซีน Pfizer รวม ๒.๕ ล้านโดส นี่ก็ของเหลือใช่ไหม
ที่บอกว่าอย่าเอาวัคซีนไปเล่นการเมืองก็เพราะเรื่องแบบนี้นี่แหละครับ
โฆษกพรรคการเมืองไม่อยู่กับร่องกับรอย
พรรคการเมืองทำเฉย
มวลชนพรรคการเมืองเออออตาม
มันก็พินาศซิครับ
แต่ไม่แปลกใจ เพราะอีกด้านหนึ่งของคนพวกนี้คือ เชลียร์นักโทษหนีคุกคดีโกง
ยกก้น “โทนี่” เก่งทุกเรื่อง ต้องให้กลับมาบริหารประเทศ
โควิด ไม่ใช่ “หวัดนก” ครับ
ตอน “ทักษิณ” เจอหวัดนก แก้ปัญหาได้ดีจนได้รับคำชมจากทั่วโลกหรือเปล่า
หรือรัฐบาลไทยในยุคนั้นถูกตำหนิจากประชาคมโลกอย่างหนักเรื่องความล่าช้าในการรับมือ แถมมีการปกปิดข้อมูล ว่าไก่ตายเพราะโรคอหิวาต์ ใช่หรือไม่
ย้อนกลับไปดูซิครับ
บริหารสมองหน่อยนะจ๊ะ.
ขอบคุณภาพจากเพจ U.S. Embassy Bangkok
